Thursday, August 22, 2013

Resident evil 6


   

Game Ps3 Resident evil 6

Resident evil 6


บนถนนของเมืองแห่งนึงที่แสนวุ่นวายจากฝูงซอมบี้และนองไปด้วยเลือด ร่างของ Leon และ Helena กระเด็นด้วยแรงระเบิดจน Helena ได้รับบาดเจ็บ Leon ตั้งสติและพยายามลากตัว Helena เข้าไปหลบในจุดที่ปลอดภัยในซากตึก พยุง Helena เข้าไปด้านในสิ่งแรกที่ต้องทำคือหายามารักษาอาการบาดเจ็บให้เธอก่อน เดินไปสำรวจที่ซากรถจะพบต้นสมุนไพร แต่จะกินสดๆเลยเหมือนทุกครั้งไม่ได้แล้ว Hunnigan เจ้าหน้าที่ประสานงานของ FOS จะติดต่อมาหา Leon ให้เขาพยายามออกไปในที่ที่ปลอดภัยโดยด่วน จากนั้นเธอจะสอนวิธีการผสมสมุนไพรใส่ตลับ Health Tablet 

จากนั้นนำไปให้ Helena แต่ขณะนั้นซอมบี้ตัวแรกของเกมก็ออกมาให้เรียนู้ระบบการต่อสู้ด้วยมือเปล่าด้วยการใช้ปุ่ม RT ในกรณีกระสุนหมด เมื่อรักษา Helena จนแข็งแรงดีแล้วก็ร่วมกันลุยเข้าด้านในได้เลย ซึ่งเราจะสามารถสั่งคู่หูด้วยคอมมานน์ต่างได้ด้วย

Hunnigan  จะคอยแจ้งพิกัดให้ตลอดทางซึ่งสามารถกด LB เพื่อดู Guild line นำทางได้ตลอด จากนั้น Leon จะเดินทางไปยังหอคอยของตึกของหน่วย BSAA เพื่อหาผู้รอดชีวิตก่อน เมื่อออกมาจากซากตึกจะพบความวุ่นวายบนท้องถนนอย่างบ้าคลั่งของพวกซอมบี้ เอาตัวรอดลุยเข้าไปข้างหน้า วิ่งหนีแรงระเบิดไปจนถึงคอปเตอร์ของทหาร แต่ในขณะเดินทางกลับต้องโชคร้ายที่ดันมีซอมบี้เกาะมาด้วยทำให้เฮลิคอปเตอร์ต้องตกลงที่กลางเมือง โชคดีที่ Leon และ Helena ไม่บาดเจ็บมาก ทั้งคู่เดินต่อจนถึงตึกเป้าหมาย เมื่อเข้าไปด้านในจะพบศพของคนในหน่วย BSAA ตายกันเกลื่อน ทันใดเท้าขนาดใหญ่ของผู้ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏให้เห็น Leon รู้ทันที่ว่ากำลังจะเจอศึกใหญ่แน่ๆ

Leon s. Kennedy Campaign

เส้นทางการเดินทางของ Leon นั้นจะมีบรรยากาศในแบบ Biohazard ยุคแรกๆคือทั้งมืดและน่ากลัวจากสิ่งไม่คาดฝันที่จะพุ่งเข้ามา อันตรายจากซอมบี้จำนวนมากในสถานที่ต่างๆจึงเป็นงานหลักที่ Leon ต้องเผชิญ แต่เหล่าศัตรูของ Leon ที่เป็นซอมบี้ที่เชื่องช้าไม่ได้รวดเร็วบ้าสงครามเหมือนแบบ J’avo ของ Chris จึงสามารถใช้การเตะต่อยเอาตัวรอดแบบไม่ได้เปลืองกระสุนได้อย่างไม่ได้เรียกว่าลำบากอะไรนัก รวมทั้งเพื่อนร่วมทางอย่าง Helena ก็ดุเด็ดเผ็ดมัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดีอีกต่างหาก

Leon Chapter 1: Gone to Hell

29 มิ.ย 2513…. ประธานาธิบดี อดัม เบนฟอร์ด ต้องการประกาศให้โลกรับรู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ของการระบาดของเชื้อไวรัสในเมือง Raccoon City ในงานสมนาที่จัดขึ้นในมหาวิทยาลัย Ivy University ในเมือง Tall Oaks ในสหรัฐอเมริกา แต่ก็สายเกินไป เชื้อไวรัสร้ายได้ระบาดรุกคืบเข้ามาถึงที่นี่อย่างรวดเร็วจนเกินใครจะคาดคิดทำให้ ประธานาธิบดี อดัม เบนฟอร์ด ต้องติดเชื้อจนกลายเป็นซอมบี้ไปในที่สุด Leon S. Kennedy สายลับขององค์กร DSO (Division of Security Operation) ในฐานะลูกน้องและพยานคนสำคัญในคดีของเมือง เมือง Raccoon City จำใจต้องสังหาร ประธานาธิบดี อดัม ที่กลายเป็นซอมบี้ก่อนที่มันจะเข้าไปขย้ำ Helena Harper สายลับของ DSO รุ่นน้อง อยากหลีกเลี่ยงไม่ได้ และบังเอิญว่า Helena เธอรับรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสที่รุกคืบเข้ามาถึงยัง เมือง Tall Oaks แห่งนี้ แต่ก่อนจะคุยกันเรื่องนี้ทั้งคู่ต้องหนีออกจาก มหาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้แห่งนี้เสียก่อน …

จากนั้น Hunnigan ก็ติดต่อมาให้ Leon และ Helena รีบเดินทางออกจากเมืองที่กำลังปั่นป่วนโดยให้ไปที่โบสถ์ของเมืองที่เธอได้รับข่าวมาว่ามีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่มากที่สุด ระหว่างทางออกจากตึกจะพบชายคนนึงที่กำลังหวาดกลัวที่ลูกสาวของเขาหายไป Leon จึงรับปากจะช่วยค้นหา เดินตามทางเข้าด้านในจนพบ Liz ลูกสาวของเขาในห้องในสภาพบาดเจ็บ ช่วยพยุงเธอเข้ามาจนถึงลิฟต์ แต่ Liz ก็ติดเชื้อจนกลายเป็นซอมบี้เข้าทำร้ายทุกคนจน Leon ต้องฆ่าเธอทิ้ง เมื่อลิฟต์ลงมายังชั้นจอดรถจะพบพวกซอมบี้ทั้งในและนอกอาคารมากมายจนทั้งคู่ต้องหนีเข้าไปอีกทางหนึ่ง เพื่อหาทางออกทางด้านหน้า ขึ้นบันไดไปชั้นบนตามทางซอมบี้มากมายจะเข้ามาก่อกวนตลอดทาง เมื่อจัดการพวกซอมบี้ลงได้ก็จะได้กระสุนปืน หรือ Skill Point มาเป็นการตอบแทน

จากนั้นลุยออกไปจนถึงประตูทางออกด้านหน้าแต่จะพบว่ามันล็อกเปิดไม่ได้ Helena จึงให้ย้อนกลับไปเข้าตึกรักษาความปลอดภัยก่อน เข้าไปจนถึงประตูห้องควบคุมในตอนเปิดประตูสัญญาณเตือนภัยเกิดดังขึ้นมาทำให้ฝูงซอมบี้มากมายแห่กันเข้ามา พยายามต้านพวกมันเอาไว้จนกว่า Helena จะแก้ไขจนเปิดประตูเข้าไปด้านในได้สำเร็จ เข้าไปเก็บ Campus Keycard ด้านในมาแล้วลุยย้อนกลับไปที่ประตูหน้า ลุยฝูงซอมบี้ออกไปที่รถตำรวจที่จอดอยู่ด้านหน้าให้ได้ เมื่อ Leon หากุยแจจนเจอและขับรถออกไปได้แล้ว แต่ก็ดันไม่วายถูกซอมบี้โจมตีจนรถคว่ำอีกจนได้ ทั้งคู่จึงไม่มีทางเลือกที่ต้องหนีลงท่อระบายน้ำที่ทั้งมืดและอันตรายกว่าบนถนนมากมายนัก

ขณะเดินทาง Leon จะยังอดคิดถึงการตายของ ประธานาธิบดี อดัม ที่เหมือนเป็นทั้งหัวหน้าและเพื่อนที่ไว้ใจได้ที่สุดของเขาอยู่ตลอด ในท่อระบายนำจนถึงทางรถไฟใต้ดินจะค่อนข้างมืดมากแถมยังทั้งอันตรายจากทั้งฝงซอมบี้และรถไฟที่วิ่งไปมาอีกด้วย ลุยซอมบี้เข้าไปตามทางรถไฟใต้ดินจนถึงโบกี้รถไฟที่จอดปิดทางเข้าอยู่ Leon จึงให้ Helena ปีนขึ้นไปด้านบนและเปิดออกจากทางด้านในให้ไปต่อ ลุยเข้าไปจนถึงชานชลาจนออกมาที่ถนนในเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายอีกครั้ง ลุยข้ามฝากถนนเข้าไปยังร้าน Modern Red และทะลุไปตามบ้านของชาวเมือง เก็บกุญแจที่ศพมาไขประตูหลังบ้านออกไป เก็บปืน Shotgun แล้วลุยออกไปตามถนนจนถึงปั๊มน้ำมัน จะพบกลุ่มผู้รอดชีวิตกำลังโดนฝูงซอมบี้ทำร้ายอยู่ เข้าไปช่วยพวกเขาและยิงน้ำมันให้ปั๊มระเบิดกันพวกซอมบี้ออกไปซะ จนตำรวจมาช่วยชี้ทางหนีให้ เข้ามาในบ้านพักซึ่งเต็มไปด้วยผู้รอดชีวิตมากมาย ในขณะที่ฝูงซอมบี้ก็รุมเข้ามามากมาย พยายามช่วยกันจัดการพวกมันให้หมด จนสามารถปิดชัตเตอร์หน้าต่างทั้งหมดได้ ขึ้นไปชั้นบนต่อ จัดการซอมบี้อ้วนและฝูงซอมบี้มากมายที่บุกเข้ามาจากทุกทิศทุกทางให้หมด แล้วอออกทางระเบียงมาที่ถนนอีกฝากจะมีตำรวจขับรถบรรทุกมารับทุกคน พยายามจัดการซอมบี้อ้วนที่ขวางทางออกให้พ้นจากหน้ารถแล้วทุกคนก็จะหนีออกจากที่นี่พ้น Helena จะบอกให้ Leon มุ่งหน้าไปที่โบสถ์ ซึ่งเธอมีบางอย่างให้เขาดู และจะบอกทุกอย่างเกี่ยวกับไวรัสที่เกิดระบาดอยู่ตอนนี้เมื่อถึงที่นั่นแล้ว

ระหว่างทาง Hunnigan ก็ติดต่อมาบอกข้อมูลล่าสุดกับ Leon และ Helena ว่ามีองค์ที่แจ้งความรับผิดชอบต่อการระบาดของไวรัสจนคนมากมายกลายเป็นซอมบี้แล้ว ชื่อของมันคือ Neo Umbrella ชื่อนี้ทำให้ Leon ถึงกลับตะลึง หรือ เมือง Tall Oaks จะมีชะตากรรมเดียวกับ เมือง Raccoon City อีกแล้วนั่นคือทั้งหมดที่ Leon เริ่มวิตกกังวลขึ้นมาทันที …


Leon Chapter 2: Buried Secrets

ระหว่างการขับรถเดินทางของ Leon , Helena กับพวกผู้รอดชีวิตจำนวนหนึ่ง รถขับไปชนซอมบี้ที่ยืนขวางทางจนทำให้รถตกลงไปในป่าข้างทาง Leon และ Helena พยายามหนีออกมาก่อนที่รถจะระเบิดได้ทัน แต่ชาวบ้านทั้งหมดตายเรียบ ทั้งคู่จะมาอยู่ที่สุสานข้างๆโบสถ์ ที่นี่นั้นมืดมาก พยายามเดินไปตามทางหินสีขาวขึ้นไปบนเนินจะไบทางเข้าโบสถ์ด้านบน แต่ประตูหน้าล็อกอยู่ เข้าห้องเก็บของทางซ้ายจะพบหมาซอมบี้ด้านในซึ่งมันได้คาบกุญแจประตูแล้วหนีไปในสุสาน ตามล่ามันไปตามจุดแดงจนพบแล้วกำจัดมันซะ เก็บกุญแจมาไขประตูหน้าโบสถ์เข้าไป ระหว่างทางขึ้น Leon ก็ถูกซอมบี้พุ่งเข้าใส่จนตกลงมาด้านล่างของสุสานอีกด้าน รีบลุยกลับขึ้นไปหา Helena ให้เร็วที่สุดเพราะที่นี่ซอมบี้มันจะออกมาเรื่อยๆไม่หมด เมื่อทั้งคู่เข้ามาถึงประตูด้านในของโบสถ์แล้ว เมื่อพยายามเรียกให้คนด้านในให้เปิด แต่ดูเหมือนพวกเขาจะกลัวมากจนไม่เปิดต้อนรับ แต่ระฆังโบสถ์ที่ดังขึ้นมากลับเรียกฝูงซอมบี้ให้รุมเข้ามามากมาย ต้านพวกมันเอาไว้จนกว่าคนด้านในโบสถ์ใจอ่อนจนเปิดประตูออกให้เข้าไปด้านใน


ในโบสถ์จะพบผู้รอดชีวิตอยู่จำนวนหนึ่ง แต่พวก เขาดูจะผิดหวังมากที่ Leon และ Helena ไม่ใช่พวกหน่วยทหารที่มาช่วยเหลือ Helena ชี้ให้ Leon ดูทางเข้าลับใต้รูปปั้นกลางโบสถ์ที่ต้องหาทางเข้าไปให้ได้ สำรวจเก็บรูปปั้น Madonna ตัวแรกที่แท่นข้างๆรูปปั้นใหญ่ แล้วดันตัว Helena ขึ้นไปที่ระเบียงชั้น 2 เธอจะไปดันบันไดด้านบนลงมาให้ Leon สามารถปีนขึ้นไปได้ เดินไปที่มุมด้านในเก็บ รูปปั้น Madonna ตัวที่ 2 มาแล้วเอามาบนแท่นแต่ละด้านบนชั้น 2 นี้ประตูด้านในก็จะเปิดออก เข้าไปด้านในสับคันโยกพร้อมๆกันทางทั้ง 2 ทางก็จะเปิดออกให้ Leon และ Helena เข้าไปด้านใน แต่ทั้งคู่ก็ถูกกั้นเอาไว้จากกันด้วยแกนเหล็กที่อยู่ระหว่างห้อง

ห้องกับดักห้องแรก - รูปปั้นที่พนังจากยิงเลเชอร์ออกมาใส่ หลบเข้าไปปิดสวิตซ์มันซะแล้วทางเข้าจะเปิดออก

ห้องกับดักห้องที่ 2 - รูปปั้นที่พนังจากยิงเลเชอร์ออกมาใส่จำนวนมาก หลบและวิ่งไล่กดสวิตซ์ปิดการทำงานของมันให้หมดทุกตัว แล้วทางเข้าจะเปิดออก

ห้องที่ 3 – จะมีรูปปั้นที่ถือโล่อยู่ทางซ้ายของพนัง สังเกตดูฝั่งห้องของ Helena จะมีศพที่ถือปืนเลเซอร์ชี้เป้ามาที่รูปปั้น เล็งปืนให้เลเชอร์ปืนชี้ไปใส่โล่ที่รูปปั้นมันจะเริ่มเป็นสีแดง แล้วทางเข้าจะเปิดออก

ขึ้นบันไดไปชั้นบน – จะมีรูปปั้นที่ถือโล่อยู่ที่น้ำตกที่ระเบียงด้านล่างเล็งปืนให้เลเชอร์ปืนชี้ไปใส่โล่ แล้วทางเข้าจะเปิดออก

ทางเดินด้านใน – จะมีรูปปั้นที่ถือโล่อยู่ที่พนังฝั่งซ้ายบนที่ฝั่งของ Helena เล็งปืนให้เลเชอร์ปืนชี้ไปใส่โล่ แล้วทางเข้าจะเปิดออก

ห้องด้านใน – เล็งไปที่กระจกบนเพดานให้เลเซอร์ปืนชี้ไปใส่โล่ แล้วทางเข้าจะเปิดออก

เข้ามารวมกับ Helena ในห้อง ด้านในเก็บรูปปั้น Madonna Sorrow ตัวแรกมา จากนั้นเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนเข้าไปเก็บปืน Semi – Auto Sniper Rifle จากศพมาใช้ ที่นี่จะเห็นรูปปั้น Madonna ตัวที่ 2 ตั้งอยู่ในประตูลูกกรง ออกไปที่ระเบียงด้านนอกใช้ ปืน Sniper เล็งยิงระฆังบนยอดโบสถ์ให้ครบ 5 อันให้ดังสนั่น ประตูลูกกรงด้านในก็จะเปิดออก เข้าไปเก็บ รูปปั้น Madonna ตัวที่ 2 ออกมา แล้วออกประตูที่เปิดออกมาที่ระเบียงชั้น 3 เอารูปปั้น 2 ตัวไปใส่ที่แท่นที่ระเบียง ทางลับใต้รูปปั้นที่ห้องโถงด้านล่างของโบสถ์ก็จะเปิดออก แต่จะมีซอมบี้แก็สพิษตามขึ้นมาด้วยมันจะปล่อนแก็สไวรัสทำให้คนติดเชิ้อกันไปเกือบหมด  พยายามจัดการมันให้ได้ โดยให้คนตายน้อยที่สุด แล้วเก็บ Key Card จากสพมันมาแล้วเอาไปไขเปิดประตูเข้าทางลับใต้โบสถ์ต่อไป

ทางลับจะนำ Leon และ Helena มาจนถึงคุกใต้ดินที่มีห้องขังมากมายซึ่งแน่นอนว่าถ้าส่องดูก็จะพบพวกซอมบี้ด้านในทั้งนั้น แต่ละห้องจะมีเลขห้องติดอยู่ซึ่งจะชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ด้านสุดห้องจะมีแท่นควบคุมซึ่งนอกจากจะต้องใส่รหัสเพื่อเปิดประตูไปต่อแล้ว ยังสามารถเปิดประตูห้องขังอื่นๆเพื่อจัดการซอมบี้เก็บ Skill Point ได้ด้วย

 -  ประตูใหญ่ทางเข้าหลัก ใส่รหัส [ 210 ] ส่วนประตูคุกห้องอื่นๆก็ใส่เลขรหัสดังนี้ [102 ] [ 201 ] [ 012 ]

 จากนั้นเข้าไปในคุกส่วนในต่อ

-  ประตูใหญ่ทางเข้าหลัก ใส่รหัส [ 021 ] ส่วนประตูคุกห้องอื่นๆก็ใส่เลขรหัสดังนี้ [120 ] [ 102 ] [ 212 ] [ 201 ]


หลังจากผ่านเข้าส่วนในแล้วจะเป็นห้องทดลองลับซึ่ง Helena เริ่มดูลุกลนที่จะตามหาใครคนนึงที่ชื่อ Debrah จนทำให้ Leon ถึงกับงงว่าเป็นใครกันแน่ เข้าไปถึงห้องทดลองด้านใน Leon จะได้เห็น VDO ที่บันทึกการกำเนิดใหม่ของ Ada Wong จนทำให้ Leon เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา จากนั้นใส่รหัส 201 ที่แท่นควบคุมเพื่อเปิดประตูด้านในเข้าไปต่อจนถึงห้องหม้อแปลงไฟฟ้า เข้ามาแล้วสับคันโยกอันแรก เปิดทางเข้าด้านใน ย้อนกลับไปเข้าไปตามทางไปสับคันโยกที่ 2 ให้มีทางเชื่อมทอดออกมาตรงคันโยกแรก เดินผ่านคันโยกแรกไปจนถึงคันโยกที่ 3 ให้ทางเชื่อมตรงกลางออกมา ดันตัว Helena ขึ้นไปด้านบนให้เธอไปสับคันโยกที่ 4 ฝั่งตรงข้ามแล้วทางทั้งหมดก็จะเชื่อมต่อกันจนเข้าไปที่ประตูด้านในได้ สับคันโยกเปิดประตูด้านในไปตามทางเดินยาวจะพบฝูงซอมบี้มากมายเข้ามารุมโจมตี ซึ่งมันจะออกมาไม่หมดไม่สิ้น รีบลุยเข้าไปจนถึงท่อส่งขยะด้านในเพื่อโดดหนีลงมาชั้นล่างต่อ


ที่ถ้ำใต้ดินด้านในจะพบกับ Debrah ที่นอนอยู่ตรงน้ำตก Helena จะยอมบอกว่าจริงๆแล้ว Debrah คือน้องสาวของเธอที่ถูก Derel C. Simmons หัวหน้าหน่วยองค์รักษ์ของประธานาธิบดี อดัม ที่ Helena ยืนยันว่าเป็นเป็นผู้ที่ทำให้เกิดการระบาดของเชื้อ C Virus ชนิดใหม่ขึ้นมา ในขณะคุยกันอยู่ Debrah ก็ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนร่างไปทีละนิดจนลูกดอกของหน้าไม้พุ่งเข้ามาเจาะหัวเธอจนล้มไป ทันทีที่ Ada Wong ปรากฏตัวขึ้นมา Leon ก็เหมือนกับเห็นผีขึ้นมาทันที แต่ก็สายไปเสียแล้ว Debrah กลายร่างจนสำเร็จและเข้าโจมตีใส่ทุกคนทันที Boss – Debrah เธอจะบินขึ้นไปเกาะที่สูงแล้วโจมตีลงมา ให้ใช้ Sniper เล็งยิงเธอจนตกลงมายิงซ้ำจนเธอหยุดนิ่งแล้วรีบเข้าไปกดโจมตีที่ร่างของเธอเพื่อทำคอมโบต่อเลย สู้ไปซักพักเธอจะหนีไปทุกคนจะพากันลงไปส่วนร่างของถ้ำต่อ ซึ่ง Ada จะมอบแหวนให้กับ Leon ไว้ด้วย  ระหว่างทาง Debrah ก็เข้ามาโจมตีอีกครั้งจน Leon กระเด็นไปอีกฝั่ง ส่วน Helena และ Ada จะตกลงไปในรถรรางพอดี ลุยลงไปชั้นล่างดึงเอารถรางมาใกล้แล้วโดดขึ้นไปได้เลย ระหว่างทาง Debrah จะเข้าโจมตีเข้ามาในรถรางอักครั้ง พยายามจัดการเธอให้ได้จนเธอจะตกลงไปในเหว ซึ่ง Helena จะรีบมาดึงตัว Debrah เอาไว้ได้ทัน แต่เธอเห็นสภาพน้องสาวที่กลายร่างจนควบคุมไม่ได้จนกลายเป็นปีศาจไวรัสไปแล้ว Helena จึงจำใจต้องปล่อยให้ Debrah ตกลงไปตายเพื่อพ้นทุกข์ ส่วนความแค้น Helena คงต้องไปไล่ล่าทวงจาก Simmons เอาทีหลัง


จากนั้น Helena จะเล่าความจริงให้ Leon ฟังถึงแผนการร้ายที่ Simmons จะทำที่เกี่ยวกับ C Virus ซึ่ง Helena เองก็ถูก Simmons ในฐานะเจ้าหน้าที่ชั้นสูงหลอกใช้จนทำให้ Debrah น้องสาวของเธอกลายเป็นร่างทดลองไปในที่สุด จากนั้นโทรศัพท์จาก Hunnigan ก็ติดต่อมา แต่คนที่มาพูดสายกลับเป็น Simmons มันใช้อำนาจหน้าที่ในความเป็นองค์รักษ์ประธานาธิบดีของมันเข้าควบคุมการทำงานของ Hunnigan ในหน่วย Field Operation Support ทั้งหมด และ ชี้ประเด็นไปที่การจับกุมคนที่ฆ่า ประธานาธิบดี Adam จนตายซึ่งนั่นก็คือ Leon นั่นเอง


Leon Chapter 3: Get on the Plane

หลังจากที่ Simmons เข้ามาควบคุมทุกอย่างและมุ่งประเด็นไปที่การจับกุม Leon ในฐานะคนที่ฆ่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทำให้ Helena ก็ยิ่งเครียดแค้น Simmons มากขึ้นทุกที Leon และ Helena เดินทางต่อเข้ามายังสุสานโบราณส่วนล่างต่อ ด้านในจะพบกับดักใบเลื่อยซึ่งต้องวิ่งสไลด์ตัวลอดผ่านไป [ แกน LS + LT + A ] ผ่านเข้าไปจนพบกับดักลุกไฟขวางทางอยู่ ดันให้ Helena ปีนขึ้นไปด้านบนแล้วข้ามไปปิดสวิตซ์ไฟทำให้ Leon เข้าไปต่อได้ เข้าไปตามทางจนถึงประตูสัญญาลักษณ์ของตระกูล Simmons ทำให้ Leon นึกถึงตราที่เหมือนกับแหวนที่ Ada ให้เอาไว้ตอนอยู่ในถ้ำ เมื่อนำมาใช้เปิดประตูก็จะสามารถเปิดออกได้แล้ว จากนั้นฝูงซอมบี้จะเริ่มบุกเข้ามา ต้านมันเอาไว้จนกว่าปนะตูจะเปิดออกให้เข้าไปด้านใน เข้าไปตามทางจนถึงประตูแดง ดันให้ Helena ไปชั้นบนโดดอ้อมไปอีกฝั่ง ยิงคุ้มกันให้เธอจนเธอหมุนสวิตซ์เปิดประตูแดงออกให้ได้ ตอนนี้ Leon และ Helena จะอยู่กันคนละฝากของทางเดินอยู่ ลุยเข้าด้านในจนพบประตูน้ำเงิน จัดการฝูงซอมบี้ที่ออกมามากมายจนได้ไอเทม แกนหมุนที่ตกลงมา นำไปไขเปิดประตูน้ำเงินเข้าไปด้านในก็จะร่วมกลุ่มกับ Helena อีกครั้ง แล้วช่วยกันสับคันโยกเปิดประตูลงชั้นใต้ดินต่อ


เข้ามาจนถึงถ้ำใต้ดิน พอเข้ามา Leon ทันทีว่าในนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญอยู่เมื่อเข้าเห็นปลายักษ์ว่ายผ่านหน้าไป เดินเข้าไปเก็บปืน Assault Rifle RN ที่ศพตรงทางเดินมาแล้วลุยเข้าไปในถ้ำ ช่วยกันเปิดประตูทำทางให้กันและกันจนถึงส่วนล่างของถ้ำ ก็จะเกิดแรงสั่นสะเทอนจนถ้ำเรอ่มถล่มทำให้ต้องรีบวิ่งฝ่าดงซอมบี้ลงไปชั้นล่างให้เร็วที่สุด แต่สุดท้ายก็หนีไม่ทันทั้ง Leon และ Helena ต่างก็โดนน้ำที่ทะลักเข้ามาพัดพาเข้าสู่ทางน้ำใต้ดินชั้นล่างสุด ที่นี่จะต้องดำน้ำเข้าไปตามโพรงของถ้ำ ซึ่งต้องระวังปริมาณของอากาศด้วย พยายามลอยขึ้นไปหายใจตามช่องอากาศด้านบนให้ทัน และในนี้ก็ค่อนข้างซับซ้อนและมองทางลำบากจนทำให้หลงทางจนจมน้ำตายได้ง่ายมาก ดำเข้ามาจนเจอปลายักษ์มาปิดทางเอาไว้ ดำเข้ารอยแตกทางฝั่งซ้ายไปต่อ พยายามมองทางให้ดี ดำไปตามทางแคบๆไปจนพบกองซากศพที่ลอยอยู่จำนวนมากแล้วก็รีบยกตัวขึ้นด้านบนเรื่อยๆก็จะพบโพรงอากาศ ว่ายขึ้นด้านบนต่อจะพบทางขึ้นท่อระบายน้ำ แต่ขณะที่กำลังจะขึ้นเจ้าปลากยักษ์ก็มาดึงลากตัว Helena ลงไปในน้ำต่อ Leon ต้องรีบเกาะตามไปช่วยเธอเอาไว้ จนทั้งคู่โดยน้ำพัดกระเด็นเข้ามาที่ทางน้ำส่วนใน Helena จะอยู่บนสะพานด้านบน เธอจะบอกให้ Leon รีบว่ายน้ำหนีปลายักษ์มาขึ้นฝั่งให้ทันโดยเธอจะคอยยิงคุ้มกันให้ เมื่อขึ้นฝั่งได้แล้วขณะทั้งคู่กำลังดันสะพานด้านในให้เปิดออก เจ้าปลายักษ์ก็โดดพุ่งชนจนทั้งคู่ไหลไปตามทางน้ำ ซึ่งเจ้าปลาก็ไม่ลดละที่จะตามไล่งัดมาด้วย พยายามยิงที่ลิ้นมันไปเรื่อยๆจนถังระเบิดไหลมาใกล้ ยิงที่ถังระเบิดด้านบนตัวปลายักษ์ก็จะจัดการมันลงได้

Leon และ Helena รอดออกมาจากถ้ำใต้ดินสู่ลำธารเล็กๆนอกเมืองสำเร็จ ซึ่งก็ทันเวลากับที่ Simmons สั่งฝูงบินเข้าถล่มเมืองที่เต็มไปด้วยซอมบี้ จากนั้น Hunnigan จะส่งรายละเอียดของต้นต่อแหล่งที่เผยแพร์ไวรัสชนิดใหม่ที่เรียกว่า C Virus ซึ่งก็คือที่ประเทศจีนนั่นเอง จึงทำให้ทั้ง Leon และ Helena ต้องมุ่งหน้าไปหาข้อเท็จจริงที่ประเทศจีนทันที เพราะรู้ว่ายังไง Simmons ก็ต้องอยู่ที่นั่นแน่นอน


Leon Chapter 4: Big Trouble in China

30 มิ.ย 2513 ….เมือง Lanshiang ในประเทศจีน Leon และ Helena เดินทางโดยเครื่องบินมุ่งสู่จุดหมายคือประเทศจีน แต่จู่ๆเครื่องบินก็เกิดแรงสั่นสะเทือน เมื่อ Leon วิ่งไปดูที่ห้องคนขับจะพบว่าคนขับดันติดเชื้อไวรัสเข้าให้แล้ว มันเปลี่ยนสภาพเป็นซอมบี้แก็สพิษ ออกมาโจมตีทันที เมื่อยิงมันไปเรื่อยๆมันจะหนีออกลงไปด้านนอกเครื่อง Leon และ Helena จึงต้องรีบลงไปชั้นห้องเก็บของเพื่อปิดระบบทางเดินอากาศเสียก่อนเครื่องบินจะตก แต่เจ้า ซอมบี้แก็สพิษ ก็ตามมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะยิงมันยังไงมันก็ไม่ตาย Leon จึงเข้าไปสับคันโยกเปิดส่วนท้ายของเครื่องบินออกจามันตกลงไปด้านล่าง แต่ Leon และ Helena ก็เกือบร่วงไปเหมือนกัน เมื่อปีนขึ้นมาจนปลอดภัยแล้ว รีบขึ้นไปที่ห้องนักบิน แล้ว Hunnigan จะส่งข้อมูลมาสอนให้ Leon เอาเครื่องลงจอดฉุกเฉิน จนสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยในกลางเมืองพอดี เมื่อทั้งคู่ออกมาจากเครื่องบิน Leon ก็จะพบกับ Sherry ลูกสาวของ Dr. วิลเลี่ยม เบอร์กิน ที่ตอนนี้เธอเป็นสายลับให้กับรัฐบาลสหรัฐ ที่มากับชายที่ชื่อ Jake Muller ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยไว้ใจในตัว Leon มากนัก Leon พยายามจะบอกกับ Sherry ว่า Simmons หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบาดของ C Virus ในครั้งนี้ด้วย ทำให้ Sherry ตกใจมากเพราะเธอก็ทำงานให้กับหน่วยงานของ Simmons เหมือนกัน ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเริ่มเข้าใจผิดกันและกัน มอนสเตอร์ขนาดใหญ่ Ustanak ที่ดูเหมือนจะตามไล่ล่า Jake Muller ก็เข้ามาโจมตีทุกคนทันที ช่วยกับระดมยิง Ustanak จนสามารถจัดการมันลงได้ แต่แรงระเบิดก็ทำให้เสาขนาดใหญ่ล้มมากั้นทางระหว่าง Leon และ Sherry เอาไว้ จนต้องแยกกันเดินทางอีกครั้ง แต่ด้วยความไว้ใจ ก่อนจะจากกัน Sherry ก็มอบ Chip ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ C Virus และ Anti C Virus ยารักษาให้ไว้กับ Leon


Hunnigan จะส่งที่อยู่ของ Simmons มาให้ซึ่งจะอยู่ที่ตึก Kwun Lung Leon และ Helena จึงรีบมุ่งหน้าไปทันที เดินทางผ่านตลาดสุดทางจะพบประตูเข้าร้านขายหมูที่มีกุญแจล็อกอยู่ถึง 3 ชั้น ตามหากุญแจทั้ง 3 ดอกที่ขึ้นเป็นเป้าหมายในตลาดแห่งนี้ แต่ตลาดแห่งนี้นั้นค่อนข้างซับซ้อนและจดจำได้ยาก แถมยังมีตัวซอมบี้แยกร่างที่เข้าโจมตีอยู่ตลอดด้วย ซึ่งยิ่งหลงมากก็ยิ่งเปลืองกระสุนมากขึ้นตาม พยายามหากุญแจทั้ง 3 ดอกให้เจอแล้วเอาไปไขเข้าไปในร้าน เมื่อออกทางหลังร้านเข้าไปในโกดังจะพบ Ada กำลังลอบเข้าไปด้านในเหมือนกัน ทั้งคู่จึงตามเข้าไป ตามเธอลงไปจนถึงห้องทดลองใต้ดิน ซึ่งที่นี่ Leon และ Helena ต้องถูกระบบรักษาความปลอดภัยขังเอาไว้พร้อมส่งหุ่นระเบิดออกมาทำลายอีกด้วย พยายามหลบหุ่นไปเรื่อยๆจนกว่า Ada จะปิดระบบและเปิดประตูให้เข้าไป ทำให้ Helena เริ่มจะงงๆกับความสัมพันธ์ระหว่าง Leon และ Ada มากขึ้นทุกที แต่ขณะที่ Leon กำลังจะถึงตัว Ada เขาก็ต้องพบกับ Chris Redfield และ Piers แห่ง BSAA ที่กำลังเข้ามาตามจับ Ada เหมือนกัน ทั้งคู่สู้กันโดยสัญชาติญาณจนมารู้ถึงหลัง  Leon และ Chris ต่างฝ่ายต่างก็ถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ Leon จะเล่าเรื่องตัวการใหญ่ที่ชื่อ Simmons ที่เขากำลังไล่ล่า ส่วน Chris ก็ตามล่า Ada ในฐานะมีข้อมูลสำคัญของ C Virus และเกี่ยวข้องอย่างเต็มๆกับองค์กรลับ Neo Umbrella .ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน  Ada ก็ฉวยโอกาศหนีไปอีกเช่นเคย Leon พยายามบอกกับ Chris ว่าเราทุกคนต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันและต้องเชื่อใจกับ Chris จึงให้ Leon ไปไล่ล่า Simmons ส่วนทีมของเขาจะไปตามจับ Ada ทุกคนจึงแยกย้ายกันไป


Leon และ Helena ลุยผ่านถนนจนเข้ามาในตึก Kwun Lung จะพบกับ Simmons ที่กำลังหลบหนี พร้อมกับ Sherry และ Jake ที่เดินทางมาที่นี่เหมือนกัน มันสั่งลูกน้องให้ระดมยิงโจมตีเข้ามาใส่อย่างไม่ยั้ง ในขณะที่ Sherry พยายามถามหาความจริงถึงเรื่องแผนการร้ายที่ Simmons ได้ก่อขึ้นซึ่งมันเองก็ยอมรับแต่โดยดี ขณะนั้น Ada ได้ยิงเชื้อไวรัสเข้าใส่ร่างของ Simmons ในตอนมันเผลอจนทำให้มันติดเชื้อและรีบโดดหนีไปกับขบวนรถไฟที่แล่นผ่านมา Leon และ Helena ไม่รอช้าที่จะโดดตามมันไปทันที ในขบวนรถไฟวิ่งตามมันไปจนพบ Simmons บนหลังคารถไฟซึ่งมันได้กลายร่างเป็นสัตว์ร้ายสี่ขา และเข้าโจมตีใส่ทันที Simmons มันจะโจมตีไปมาในหลายๆจุดของโบกี้รถไฟ เจอที่ไหนยิ่งถล่มมันเข้าไปก็พอ เมื่อพลังมันลดน้อยแล้วมันจะโดดออกจากรถไฟเข้าโจมตีทางด้านข้างก่อนจะวิ่งไปดักหน้าหมายจะพุ่งเข้าชนรถไฟที่ Leon และ Helena อยู่ รีบใช้ปืน Sniper เล็งยิงมันจนมันเสียหลักและโดนรถไฟชนอย่างจัง Simmons ลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ต้องหยุดนิ่งด้วยกระสุนแห่งความแค้นของ Helena ที่ส่งเข้าสู่หัวสมองของมันก่อนรถไปจะชนมันซ้ำจนตกรางและทั้งคู่ต้องโดดหนีตายลงน้ำไป 

และแล้ว Helena ก็แก้แค้นให้น้องสาวเธอสำเร็จ พร้อมหยุดวายร้ายกับแผนร้ายของมันลงได้สำเร็จ ทั้งคู่ขึ้นจากน้ำดูเมืองที่เริ่มเข้าสู่ทิศทางที่ดี มีกองทหารมาช่วยอพยพผู้คนในเมือง ในขณะที่ Helena กำลังจะถาม Leon ว่าเรื่องร้ายๆนี้กำลังจบลงแล้วหรือยัง วิทยุจาก Hunnigan และ Chris ก็ติดต่อมาให้ Leon หนีออกจากพื้นที่โดยด่วน ในขณะที่ Helena เพิ่งจะมองเห็นจรวดที่บรรจุ C ไวรัส พุ่งเข้าใส่ตัวเมือง ไอของไวรัสทำให้ผู้คนที่สุดดมเข้าไปกลายร่างเป็นซอมบี้ที่หิวโหย และ เมืองทั้งเมืองก็กลายเป็นนรกบนดินไปทันที


Leon Chapter 5: The Trouble With Women


 Leon และ Helena รอดจากระเบิดไวรัสเพราะอยู่ไกลจากเมืองค่อนข้างมาก Leon พยายามติดต่อไปหา Chris ที่อยู่บนเครื่องบินเจ็ทบนน่านฟ้าของเมือง เขาพยายามบอกให้ Chris ไปตามหา Sherry ที่อยู่ที่เขตน้ำตกเพราะเธอมีสิ่งที่จะหยุดยั้ง C Virus ได้ นั่นก็คือเลือด Anti - Virus ของ Jake ลูกชายของ Wesker ที่เดินทางไปพร้อมกับเธอนั่นเอง Chris ได้ยินคำว่า “ลูกชายของ Wesker “ ก็ทั้งตกใจและแปลกใจแต่ยังไงเขาก็รีบมุ่งหน้าไปตามหาทั้งคู่ทันที


 สภาพของงเมือง Lanshiang ในเขตท่าเรือ ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับนรก ม่านควันพิษปกคลุมไปทั่วจนแทบมองไม่เห็นแสงสว่าง Leon ขอให้ทหารช่วยนำทางพาข้ามไปอีกฝั่งของถนนเพื่อหนีออกจากที่นี่ วิ่งตามทหารไปอย่าหยุดเพราะควันพิษที่เข้ามาทำให้ถึงตายได้ทันทีถ้ามัวชักช้า ลุยเข้าไปในตึกจนผ่านออกมาด้านหลังจะพบรถทหารจอดอยู่ ทหารจะพานั่งรถผ่านหมอกควันพิษที่ปกคลุมไปทั่วจนผ่านมาอีกด้านที่มีซากรถขวางทางอยู่ Leon และ Helena พยายามปีนข้ามไปอีกด้านแต่ก็ต้องพบการรถที่กระเด็นเข้ามากระแทก แรงระเบิดทำให้ Helena บาดเจ็บ หลบเข้าไปในซากตึก เดินทางทะลุออกมาจากซากตึกจะพบความวุ่นวายบนท้องถนนอย่างบ้าคลั่งของพวกซอมบี้ เอาตัวรอดลุยเข้าไปข้างหน้า วิ่งหนีแรงระเบิดไปจนถึงคอปเตอร์ของทหาร แต่ในขณะเดินทางกลับต้องโชคร้ายที่ดันมีซอมบี้เกาะมาด้วยทำให้เฮลิคอปเตอร์ต้องตกลงที่กลางเมือง โชคดีที่ Leon และ Helena ไม่บาดเจ็บมาก ทั้งคู่เดินต่อจนถึงตึกเป้าหมาย เมื่อเข้าไปด้านในจะพบศพของคนในหน่วย BSAA ตายกันเกลื่อน ทันใดเท้าขนาดใหญ่ของผู้ไม่ได้รับเชิญก็ปรากฏให้เห็น Leon รู้ทันที่ว่า Simmons นั้นยังไม่ตาย มันได้กลายร่างเป็นสัตว์ขนาดยักษ์เข้ามาโจมตี คราวนี้มันแปลงร่างเป็นไดโนเสาร์ ซึ่งทิ้งระยะห่างแล้วดักยิงไปเรื่อยๆจนมันกลายเป็นร่างเดิมแล้วจึงเข้าไปต่อยคอมโบกับมัน ทำแบบนี้ไปเรื่อยก็จะจัดการมันจนล้มลงได้


 ในขณะที่ Ada จะขับเฮลิคอปเตอร์มาสังเกตุการ์ณ เมื่อ Leon เห็นจึงงงว่าทำไม Chris ถึงแจ้งข่าวมาว่า Ada ถูกฆ่าตายไปแล้ว เมื่อทั้งคู่เห็น Ada ขับเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปบนดาดฟ้าจึงรีบขึ้นลิฟต์ตามขึ้นไปทันที แต่ Simmons ก็ตามมาอย่างไม่ลดละจนลิฟต์โดนทำลาย พยายามปีนเชือกขึ้นไปถึงด้านบนต่อ ระหว่างทาง Leon จะเห็นว่า Ada กำลังโดน Simmons โจมตีอย่างหนักจนบาดเจ็บ เขาจึงรีบโดดไปช่วยเธอให้ลุกขึ้นมาสู้ไปพร้อมๆกัน Leon , Ada และ Helena ร่วมมือกันสู้ Simmons ร่วมกันจนสามารถทำให้มันร่วงลงไปในกองไฟได้สำเร็จ ในขณะที่ Ada กำลังจะหนีอีกครั้ง Leon พยายามตะโกนถามเธอว่า เธอเป็นอะไรกันแน่ และทำไมถึงช่วยพวกของ Leon ตลอด แต่ Ada ส่งข้อความมาบอกแค่ว่า ตอนนี้ไม่มีเวลาจะคุยด้วยได้นาน แต่ก็ได้ทิ้งของขวัญชิ้นสำคัญไว้ให้บนดาดฟ้าแล้ว Helena จะบอกให้ Leon รีบตามไปจับเธอ แต่ Leon บอกได้แค่ว่า ไม่เป็นไรหรอก Ada เธอติดหนึบอยู่กับเราตลอดนั่นแหละ เมื่อทั้งคู่ขึ้นมาถึงดาดฟ้าจะพบเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่ ซึ่งนี่มั้งคือของขวัญที่ Ada พูดถึง แต่ลานด้านในเต็มไปด้วยซอมบี้มากมาย เมื่อโดดลงไปก็จะพบกับ Simmons ที่ยังไม่ตาย มันยังคงตามมาดูดกลืนพลังชีวิตจากพวกซอมบี้จนขยายร่างเกิดใหม่ในร่างแมลงวันปีศาจ ซึ่งครั้งนี้ก็จะได้สู้กับแบบจริงๆซะที


 Boss – Simmons ในร่างแมลงวันปีศาจมันจะโจมตีด้วยการพ่นเมือกและขาแหลมๆของมัน ส่วนซอมบี้ที่เดินไปมานั่นเป็นตัวให้กระสุน ที่กลางฉากจะมีเสาสายล่อฟ้าปักอยู่ สามารถใช้มันเสียบเช้าไปที่ตัวของพวกซอมบี้แล้วเมื่อ Simmons โดนโจมตีจนพลังหมดมันก็จะดึงตัวซอมบี้พร้อมสายล่อฟ้าไปเติมพลังชีวิตของมัน ซึ่งจะทำให้มันถูกสายฟ้าผ่าจนบาดเจ็บหนักได้ โดยจุดอ่อนของมันจะอยู่ตามจุดแดงๆรอบๆตัวของมันซึ่งถ้าใช้ Shotgun ยิงใกล้ๆจะได้ผลดีที่สุดเพราะจะระเบิดพร้อมๆกันหลายๆจุดในทีเดียวเลย โจมตีไปจนมันล้มลงก็รีบขึ้นไปยัดระเบิดเข้าที่หัวของมันจนระเบิดทำมันบาดเจ็บ  มันก็จะดึงตัวซอมบี้พร้อมสายล่อฟ้าไปเติมพลังชีวิตของมัน ซึ่งจะทำให้มันถูกสายฟ้าผ่าจนตกลงไปด้านล่างอีกครั้ง จากนั้นรีบไปที่เฮลิคอปเตอร์ แล้ว Simmons มันจะตามมาอีกครั้ง ใช้ปืน RPG ในเฮลิคอปเตอร์ยิงใส่มันได้เลย เมื่อหมดพลังร่างของ Simmons ก็จะกลับคืนร่างเดิมมันพยายามจะดิ้นรนเฮือกสุดท้ายแต่ร่างของมันก็ไปเสียบที่ยอดตึกของ Umbrella จนตายสลายไปที่สุด …


 ในขณะที่กำลังขึ้นเฮลิคอปเตอร์ Leon สังเกตเห็นตลับแป้งที่ Ada ทิ้งไว้ให้ เมื่อเปิดดูจะพบ Micro Chip ด้านในจะเป็นข้อมูลของ Simmons มัดความผิดของมันที่เกี่ยวข้องกับ Neo Umbrella จนเกิดการระบาดของ C Virus ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญที่จะล้างความผิดของ Leon และ Helena ที่พวกเขาไม่ได้ก่อขึ้นได้

 Helena เข้ามาเคารพที่หลุมฝังศพของ Debrah น้องสาวของเธอพร้อมกับ Leon และ Hunnigan จากนั้นเธอจะยอมมอบตัวกับ Leon และ Hunnigan แต่ Leon คืนอาวุธให้เธอก่อนที่ Hunnigan จะบอกว่าความผิดทั้งหมดเป็นของ Simmons ที่ก่อขึ้นและอยากให้เธอกลับมาร่วมทีมอีกครั้ง Helena จึงรับปืนจาก Leon และกลับมาทำหน้าที่อีกครั้งอยากเต็มภาคภูมิ


 Chris Redfield Campaign

 เส้นทางการดำเนินเรื่องของ Chris นั้นจะออกไปทางบู๊ล้างพลาญและดุเดือดด้วยความวุ่นวายของสงครามตามสถานที่ต่างๆ แต่ในทางกลับกันศัตรูของ Chris ก็ร้ายกาจในแบบนักรบมากกว่าซอมบี้ทั่วๆไปเหมือนกับเส้นทางของ Leon การใช้กระสุนของ Chris จึงมากเป็นเงาตามตัวรวมทั้งจำนวนกระสุนและสมุนไพรก็ยังน้อยตามไปด้วยอีก แถมคู่หูอย่าง Piers และลูกทีมมากมายที่ตามมานั้นก็ต่างคนต่างยิงไม่ได้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือ Chris มากนัก เส้นทางของ Chris จึงเป็นการเอาตัวรอดในสงครามแบบเต็มตัว


 Chris Redfield Chapter 1: Rescue the Hostages

29 มิ.ย 2513 …..  6 เดือนหลังจาก Chris หายตัวไปหลังจากออกปฎิบัติภาระกิจหยุดยั้งการะบาดของไวรัสที่สาธารณรัฐ Edonia ในรุโรปตะวันออก ซึ่ง Piers อดีตลูกน้องในทีมตามหาคริสคู่หูเขาจนเจอในสภาพเมาหัวราน้ำอยู่ในบาร์แห่งนึงในยุโรปตะวันออก ซึ่งในครั้งแรกที่เจอกับคริสเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรกับเขาและลูกน้องของเขา จน Piers ต้องใช้การตายของคนในทีมมากดดันคริสจนความทรงจำเขากลับคืนมาอีกครั้งนึง จนกลับมารับหน้าที่ใน BSAA สาขาอเมริกาใต้ อีกครั้ง โดยภาระกิจต่อไปของเขาคือเข้าไปยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสที่เมือง Lanshiang ในประเทศจีน ร่วมกับหน่วย BSAA สาขาอเมริกาเหนือ ….


30 มิ.ย 2513 ….  เมือง Walyip ในประเทศจีน หน่วย Alpha Team ของ Chris พร้อม Piers Nivans คู่หูได้ข้ากระชับพื้นที่เพื่อต่อต้าน B.O.W ในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า J’avo (จูโว) ที่มีความเป็นมนุษย์สูงซึ่งมันสามารถใช้อาวุธและเครื่องจักรสงครามได้เกือบทุกอย่างแถมยังมีสามารถฝักตัว (Chrysaild)   กลายร่างเป็น B.O.W รูปแบบใหม่ๆออกมาได้อีกเมื่อถูกโจมตีในครั้งแรกได้อีกต่างหาก โดยมีเป้าหมายในการเช้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของทาง UN ที่ยังติดข้างอยู่ในพื้นที่ ถึงแม้ว่า Chris นั้นจะกลับมาทำงานให้กับ BSAA อีกครั้งแต่สภาพจิตใจและความทรงจำของเขาเกี่ยวกับเหตุการ์ณในอดีตก็ยังไม่สู้จะดีมากนัก เขายังคงควบคุมสติและความโกรธได้ไม่ดีนักทำให้ต้องเป็นหน้าที่ของ Piers คู่หูของเขาที่ต้องคอยดูและเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด


นำทีมลุยเข้าไปตามตัวตึก การลุยกับพวก J’avo นั้นต้องอาศัยการเข้าที่กำบัง ( ในขณะกด LT ใกล้ๆที่กำบังแล้วกด A ) ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งของการอยู่รอดในการเดินทางของ Chris   ลุยเข้าไปตามทาง จนถึงสุดทางจะมีพวก J’avo มากมายบุกเข้ามาต้านพวกมันเอาไว้จนกว่าทีมเสริม Bravo จะเข้ามาสมทบ ลุยต่อเข้าไปยังตัวตึกชั้นบนจะพบพวก B.O.W ที่คล้ายแมลงมุมจับกุมตัวเจ้าหน้าที่ UN เอาไว้ 2 คน ตามไล่ล่าจัดการมันแล้วช่วยทั้ง 2 คนมาให้ได้ จากนั้นมุ่งไปที่ลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนแต่ก็จะพบพวก J’avo มากมายดักระดมยิงมาจากชั้นบน จัดการมันให้หมดแล้วลงบันไดมาชั้น 2 จะพบเจ้าหน้าที่ UN อีกคนถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ โดดลงไปจัดการ J’avo ให้หมดแล้วโดยอย่าให้ เจ้าหน้าที่ UN โดนฆ่าตายซะก่อน เมื่อเสร็จงานแล้ว ฐานจะส่งให้ถอนกำลังเพราะได้ส่งจรวดเข้าไปทำลายตึกทั้งหมดแล้ว แต่ทางออกกลับถล่มปิดทางของ Chris และ Piers เอาไว้ จนต้องวิ่งหนีตายขึ้นไปชั้นบนแล้วโดดออกไปที่ทางออกที่ระเบียงให้ทันก่อนจรวดจะเข้ามาทำลายตึกให้ได้


Chris Redfield Chapter 2: Tragedy in Europe

 6 เดือนก่อนหน้านี้



24 ธ.ค 2012 ….  Chris Redfield และ  Piers Nivans คู่หูมือ พร้อมสมาชิกของหน่วย BSAA (Bioterrorism Security Assessment Alliance) สาขาอเมริกาใต้ ประกอบด้วย Ben Airheart , Carl Alfonso , Andy Walker และ Finn Macauley เจาหน้าที่ใหม่ที่เพิ่งเข้าประจำการ ได้ออกปฏิบัติภาระกิจหยุดยั้งการะบาดของไวรัสที่สาธารณรัฐ Edonia ในรุโรปตะวันออก หลังจากอบรมลูกทีมและเจ้าหน้าที่หน้าใหม่อย่าง Finn ซึ่ง Chris ค่อนข้างกังวลเพราะสิ่งที่พวกเขาต้องเจอคือพวก J’avo  B.O.W ชนิดใหม่ที่เกิดขึ้นจากฝีมือของ Neo Umbrella ซึ่งพวกมันนั้นรวดเร็ว แข็งแรง และเป็นนักรบกล้าตายชั้นดีของ Neo Umbrella ทำให้ต้องคอนดูแล Finn เป็นพิเศษในฐานะหัวหน้าทีม

เมื่อรถเกราะเริ่มบุกนำทีมแล้วก็ตามไปได้เลย ลุยเข้าไปจนถึงหอคอยสุดทางจะพบกับ Giant B.O.W ขนาดใหญ่ที่พวก Neo Umbrella ส่งเข้าพื้นที่ จุดอ่อนของมันจะอยู่ที่ก้อนแดงๆกลางหลัง จุดที่เหมาะคือยิงมันจากบนชั้นสูงๆของอาคารแล้วเมื่อมันโดนยิงจนล้มพุบไปแล้วก็สามารถโดดขึ้นไปถอนทำลายก้อนแดงๆกลางหลังของมันได้ นั่นเป็นทางเดียวที่จะกำจัดมัน เมื่อจัดการจนมันหนีไปแล้ว ลุยเข้าไปด้านในต่อจนเจอซากรถขวางทางอยู่ ต้านพวก J’avo ที่บุกเข้ามามากมาย รอจนกว่าทหารจะระเบิดทำลายซากรถที่ขวางทางได้ เข้าไปจนถึงซากสะพานจะพบทหารที่บาดเจ็บอยู่กลางสะพาน ซึ่ง Chris จะส่ง Piers ขึ้นไปสุ่มยิงคุ้มกันจากบนยอดตึกก่อนที่เขาจะลุยเข้าไปที่กลางสะพานปีนขึ้นชั้นบนที่รางรถไฟ เปิดบันไดให้ Piers ตามขึ้นมาช่วยดันกล่องให้พ้นทางแล้วลุยไปกลางสะพานที่จุดที่มีคนบาดเจ็บอยู่จะมีรถถังของศัตรูพยายามจะรุกคืบเข้ามา พยายามต้านศัตรูเอาไว้จนกว่าลูกทีมจะเข้าไปช่วยคนเจ็บออกมาได้ก่อน แล้วรอให้ลูกทีมที่เหลือเข้าไปทำลายรถถังจนพัง แล้ว Chris จะนำทีมเขาด้านในต่อ

ระหว่างทาง Chris จะได้พบกับ Sherry Birkin ลูกสาวของ Dr. วิลเลี่ยม เบอร์กิน ที่ แคลร์ น้องสาวของเขาเคยช่วยเอาไว้ในเหตุการ์ณที่ raccoon City เธอมาในฐานะ National Security ของประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่ง Chris กับสนใจในหน้าตาที่คุ้นเคยของชายที่ตามเธอมาด้วย ซึ่งก็คือ Jake Muller นั่นเอง ระหว่างที่ฐานแจ้งมาว่าให้ไปทำลายปืนต่อสู้อากาศยานของพสกศัตรูตามจุดต่างๆ Giant B.O.W ขนาดใหญ่ ก็บุกเข้ามาอีกครั้ง จากนั้นตามทหารที่นำทางไปยังป้อมปืนแรก เขาจะเข้าไปทำการวางระเบิด จัดการต้าน Giant B.O.W เอาไว้จนเขาติดตั้งระเบิดเสร็จ Giant B.O.W มันก็จะโดนระเบิดไปด้วย ตามทหารไปที่จุดป้อมปืนที่ 2 ต้านพวก J’avo ที่บุกเข้ามาเอาไว้รอให้ ติดตั้งระเบิดเสร็จจนทำลายป้อมปืนลงได้ ตามไปที่จุดที่ 3 จะพบ Giant B.O.W อีกตัวออกมา รอทหารวางระเบิดทำลายป้อมปืนจนเสร็จแล้วขึ้นนั่งร้านไปยิงจัดการ Giant B.O.W ซะ เมื่อทุกอย่างปลอดภัยแล้ว

Sherry และ Jake ก็จะเดินทางต่อ ซึ่ง Chris ก็อดไม่ได้ที่จะถาม Jake ส่าเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า แต่ก็จะได้คำตอบที่ยียวนกลับมาจนได้ เล่นเอา Piers ถึงกับฉุนเพราะเขาเองไม่ชอบพวกทหารรับจ้างอย่าง Jake อยู่แล้ว


Chris นำทีมเข้ามาจนถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ด้านในเต็มไปด้วยร่างของมนุษย์ที่ดูเหมือนกับดักแด้อยู่มากมาย เดินขึ้นไปสำรวจบนห้องในชั้น 2 เก็บปืน Shotgun มาใช้ แล้วกลับลงมาที่ห้องโถง ดักแด้ทุกตัวจะเริ่มพักออกมาเป็น B.O.W มากมาย พวกมันจะมีเกราะหนาคุมร่างกายอยู่ จัดการพวกมันให้หมด แล้วเข้าไปในห้องด้านในต่อ Chris จะพบหลอดเปล่าๆตกอยู่มากมายซึ่งเขารู้ทันทีว่านี่เป็นหลอดบรรจุ C – Virus และ Ada Wong ก็จะออกมาพร้อมกับบอกข้อมูลว่าของพวกนี้เป็นของ Neo Umbrella ซึ่งทำให้ Chris เริ่มไม่สบายใจขึ้นมาทุกครั้วเมื่อได้ยินชื่อนี้ แต่ยังไงสำหรับเขา Ada ก็เป็นผู้หญิงที่ไม่น่าไว้วางใจมากนักแต่ก็จำเป็นต้องคุ้มครองออกจากพื้นที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ ในขระที่กลับออกมาที่ห้องโถงก็จะพบ B.O.W มากมายบุกเข้ามา จึงต้องถอยเข้าไปที่ทางลับตรงบันได้ก่อน เข้ามาตามทางจะพบ B.O.W ในแบบกิ้งก่าเพิ่มเข้ามาอีก ลุยเข้าไปจนถึงห้องด้านใน Alpha ทีมของ Chris ก็ถูกกับดักขังเอาไว้แยก Chris และ Piers ออกจากลูกทีมคนอื่นๆ Ada จะปรากฏตัวออกมาแล้วโยนระเบิดหลดไวรัสระเบิดใส่ลูกทีมของ Chris จนทำให้พวกเขากลายเป็นดักแด้ และเมื่อเริ่มพักตัว Finn ทหารใหม่ก็กลายเป็น B.O.W ที่น่ากลัวไปซะแล้ว  แต่นั่นก็ทำให้ Chris ไม่กล้าที่จะเหนี่ยวไกปืนยิงพวกลุกทีมของเขาจนโดนทำร้ายจนหัวกระแทกอย่างแรง ทำให้ Piers ต้องจัดการพวกมันจนหมดและช่วยพาตัว Chris หนีออกมาได้สำเร็จ

ซึ่งจากเหตุการ์ณนี้ทำให้ คริส รู้สึกผิด โทษตัวเองที่พาลุกทีมไปตายและสูญเสียความทรงจำบางส่วนไปทำให้เขาหนีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย


Chris Redfield Chapter 3: After Her!

30 มิ.ย 2513 ….…. เมือง Walyip ในประเทศจีน หน่วย Alpha Team ของ Chris ได้เข้ามาเผาทำลายซากดักแด้ของพวกชาวเมืองโชคร้ายก่อนที่มันจะกลายเป็น B.O.W ที่น่ากลัว Chris อดที่จะคิดถึงเหตุการ์ณใน Edonia ไม่ได้ จนเอยถามไปยัง Piers ถึง Ada ว่ารู้ข่าวหรือยังว่าเธอหลบซ่อนอยู่ที่ไหน Piers ดีใจที่ Chris เริ่มจำเรื่องราวต่างๆได้บ้างขึ้นแล้ว และบอกไปว่าตามข่าว Ada ยังอยู่ในเมืองนี้แน่นอน ไม่รอช้า Chris สั่งรวมพลออกไล่ล่า Ada ต่อทันที 


ระหว่างที่จะเดินออกจากตึกลูกทีมของ Chris ก็ถูก B.O.W ในรูปแบบใหม่ที่หายตัวได้เข้ามาจู่โจมและลากตัวไป Chris ที่ยังยึดติดกับเรื่องการตายของลูกน้องจึงรีบตามไปทันทีเพราะเขาไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว ลุยผ่านตลาดเข้าไปส่วนกลางจะพบ Sherry และ Jake ที่กำลังโดนเฮลิคอปเตอร์ไล่ยิงและมีพวกศัตรูล้อมอยู่ ซึ่ง Piers ก็ต้องเตือนความจำกับ Chris ว่าสองคนนี้เคยเจอเมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านี้ Chris จึงรีบเข้าไปช่วยพวกเขา หาที่เหมาะๆสูงๆแล้วยิงเฮลิคอปเตอร์ไปเรื่อยๆจนมันบินหนีไป เข้าห้องด้านในเก็บปืนยิงลูกระเบิด Grenade Launcher มาใช้ ปีนขึ้นหลังคาแล้วส่องยิงทำลาย เฮลิคอปเตอร์ ให้พ้นทาง แล้วพวกของ Sherry และ Jake ก็จะเข้าด้านในต่อได้ Piers นั้นไม่ค่อยพอใจที่ Chris ปล่อยตัวพวก Sherry และ Jake ไปทั้งๆที่น่าจะจับมาสอบถามเรื่อง C – Virus แต่ Chris ก็ย้ำเตือนตลอดว่างานของทีมของเขาคือทำลาย B.O.W เท่านั้น ทำให้ Piers ไม่ค่อยพอใจมากนัก


ทีมของ Chris ไล่ล่า B.O.W ล่องหนต่อไปจนผ่านเข้ามาถึงเมือง Lanshiang  ลุยเข้าไปในตัวตึก ด้านในห้องก็จะพบกับมันซึ่งจะเป็นงูขนาดใหญ่ที่ล่องหนได้ พยายามมองหาและยิงมันให้โดนไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายมันก็หนีไปอีกจนได้ ทำให้ Chris หงุดหงิดและหัวเสียจนเห็นได้ชัดทำให้ Piers ต้องเข้ามาพูดให้ Chris ใจเย็นลง แต่ดูเหมือน Chris จะไม่ฟังใครทั้งนั้นเพราะเขาไม่อยากเสียลูกน้องไปอีกแล้ว ในขณะไล่ล่า B.O.W งูยักษ์ล่องหนไป ลูกทีมของ Chris ก็จะโดนเก็บไปทีละคนจนเหลือแค่ Piers และ Marco เท่านั้น ทุกคนจะไล่ล่ามันจนมันหนีมาถึงห้องกำเนิดไฟฟ้า รีบปีนขึ้นด้านบนแท่นควบคุม รอจังหวะให้ B.O.W งูยักษ์ล่องหน มันผ่านเข้ามาใกล้หม้อแปลงไฟ ฟังเสียงของ Piers ที่บอกว่า Do it Now ก็กดปุ่มได้เลย B.O.W งูยักษ์ มันจะถูกไฟช็อตจนตายในที่สุด จากนั้นเข้าไปในห้องด้านในต่อแต่จู่ๆ Ada ก็โผล่เข้ามาฉีด C – Virus ใส่ Marco อีกจนได้ ทำให้เขากลายร่างเป็น B.O.W ผึ้งมรณะ ยิงจัดการมันให้หมด แล้วเข้าไปเก็บระเบิด C4 จากศพของ Marco แล้วระเบิดทางออกไปต่อ ตอนนี้ลูกทีมของ Chris เหลือ Piers แค่คนเดียว แต่ความแค้นของ Chris ที่มีกับ Ada นั้นมากมายเป็นทวีคูณ จนเริ่มคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ทำให้ต้องทะเลาะกับ Piers ที่พยายามเข้ามาพุดให้ Chris ใจเย็นลงเพราะเขาอยากได้ Chris หัวหน้าคนเดิมของเขากลับมาเหมือนเดิม Chris จึงติดต่อขอที่หลบซ่อนของ Ada กับฐานจนได้ที่อยู่ยืนยันมาแล้วว่า Ada อยู่ที่ท่าเรือทางตะวันตกของเมือง


เมื่อเดินทางมาถึงเขตท่าเรือที่นี่จะมีแต่พวก Sniper สุ่มยิงมากมายและพวก J’avo ที่กลายร่างได้อีกมากมาย ถ้าไม่อยากตกเป็นเป้าก็พุ่งไปที่ทางออกที่ประตูให้เร็วที่สุด เข้ามาจะพบ Ada อยู่บนเรือ แต่พวก J’avo มากมายและเฮลิคอปเตอร์ก็บุกเข้ามาไล่ยิง  รีบวิ่งเข้าไปที่ตึกภัตตาคารจีนฝั่งตรงข้ามขึ้นไปชั้นบนแล้วใช้ Grenade Launcher ยิงทำลายฮลิคอปเตอร์ซะแล้วรีบโดดหนีออกจากที่นี่ก่อนที่ตึกภัตตาคารจะระเบิดเป็นจุล จากนั้นลุยตาม Ada จนมาถึงโกดังที่เป็นที่ซ่อนของห้องทดลองลับ ตาม Ada เข้าไปด้านในผ่านกับดักเลเซอร์ด้วยการวิ่งสไลด์ผ่านไป ( กด A วิ่งแล้วตามด้วย LT เพื่อสไลด์) ทำลายเลเซอร์ออกจากห้องนี้ไปด้านในก็จะเจอหุ่นติดระเบิดออกมา รีบงัดแผงควบคุมที่กำแพงให้ Piers ทำการ Hack ระบบเพื่อเปิดประตู หลบหุ่นระเบิดไปมาอย่าอยู่กับที่จนกว่าประตูจะเปิดออก Chris และ Piers ไล่ตาม Ada ไปอย่างไม่ลดละจนตามเธอทัน แต่ก็กลับเจอความวุ่นวายขึ้นไปอีกเมื่อชนกับกลุ่มของ Leon และ Helena ที่ตาม Ada มาเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็ถามว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ Leon จะเล่าเรื่องตัวการใหญ่ที่ชื่อ Simmons ที่เขากำลังไล่ล่า ส่วน Chris ก็ตามล่า Ada ในฐานะมีข้อมูลสำคัญของ C Virus และเกี่ยวข้องอย่างเต็มๆกับองค์กรลับ Neo Umbrella .ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน  Ada ก็ฉวยโอกาศหนีไปอีกเช่นเคย Leon พยายามบอกกับ Chris ว่าเราทุกคนต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันและต้องเชื่อใจกับ Chris จึงให้ Leon ไปไล่ล่า Simmons ส่วนทีมของเขาจะไปตามจับ Ada ทุกคนจึงแยกย้ายกันไป


Piers จะตามไล่ยิง Ada จนออกมาด้านนอกแต่ก็ไม่ทันเมื่อเธอขับรถหนีไปแล้ว Chris จึงให้ขับรถทหารที่จอดอยู่ใกล้ๆตามไปทันที โดยช่วงแรก Piers จะเป็นคนขับและ Chris จะเป็นคนยิงปืนกล ไล่ตาม Ada ไปตามทาง [ ซึ่งจะยิงยังไงก็ไม่วันโดนไม่ต้องกลัว ] เมื่อเห็นตามไม่ทันแล้ว Chris จะเปลี่ยนมาขับแทน [ RT – คันเร่ง / LT – เบรก / A - ใช้ Boost เร่งความเร็ว ] อย่าขับทิ้งระยะห่างมากพยายามเร่งเครื่องตาม Ada ไปให้ทัน จนรถพุ่งเข้ามาบนเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ใน Rear Hanger แรงระเบิดของรถทำให้ Chris สลบไปทันที


Chris Redfield Chapter 4: There’s Always Hope

Chris รู้สึกตัวจากการสลบไปไม่นานนัก เข้าตื่นมาเห็น Piers กำลังโดดพวกศัตรูเข้ามาทำลายจึงยิงช่วยเอาไว้ และก็จะพบศัตรูมากมายที่มาต้อนรับ Chris จะบอกให้ Piers ระวังตัวเป็นพิเศษเพราะศัตรูในครั้งนี้เป็น J’avo ที่ใส่ชุดเกราะเต็มยศในฐานะนักรบของ Neo Umbrella ด้านบนเครนจะมีพวกสไนเปอร์มากมายดักยิงอยู่ ลุยเข้าไปทางประตูซ้ายเข้าไปเก็บปืน Semi Sniper Rifle มาใช้ ขึ้นไปฃั้นบนส่องพวกสไนเปอร์บนเครนให้หมด แล้วลุยไปที่กลางเรือเป้าหมายคือตาม Ada ที่เข้าประตูด้านในไปแล้ว ลุยขึ้นไปตามเครนด้านบนระหว่างทางศัตรูปิดทางเข้าด้านในและปลดเครนให้แยกตัวออกจากกัน Chris  มีแผนที่จะใช้จรวดมิดไซด์ยิงถล่มเปิดทางเอาเอง รีบส่ง Piers ไปฝั่งตรงข้ามแล้วลุยย้อมอ้อมมาอีกด้านที่แท่นจรวด จัดการศัตรูให้หมดแล้วจุดชนวนจรวดยิงทำลายทางเข้าด้านขวาของเรือจนเป็นรู เมื่อลงมาที่กลางเรือจะพบพวก J’avo เล่นใช้เครื่องบินไอพ่นที่จอดอยู่ยิงปืนเข้าใส่ทันที อ้อมหลบมันแล้วลุยเข้าไปที่ทางเข้าทางขวาจะขึ้นไปที่ประตูทางเข้าชั้นบนของเรือได้


จากนั้นลุยเข้าไปด้านในตัวเรือตามห้องต่างๆตาม Ada ไปอย่างติดๆ เธอก็จะหนีขึ้นชั้นบนเรื่อยๆเหมือนกัน เมื่อตามเธอไปจนถึงดาดฟ้าเรือ Ada ก็หมดทางหนี เธอพยายามจะพูดให้ Chris สติแตกในปมเรื่องอดีตของเขาแต่ตอนนี้ Chris ตั้งสติได้แล้วที่จะไม่ฆ่าเธอและจะจับตัวเพื่อความยุติธรรมแทนที่จะด้วยแรงแค้น แต่ก็มีเฮลิคอปเตอร์ลึกลับบินโฉบเข้ามายิงใส่เธอจนตกลงไปตายที่ด้านล่างทันที Chris ถึงกับงงในเรื่องที่เกิดขึ้น Piers รีบค้นกระเป๋าเอกสารของ Ada จะพบหลอดเชื้อ C – Virus ที่ยังไม่ได้ใช้อีก 1 หลอด Chris จึงบอกให้เขาเก็บตัวอย่างเอาไว้ให้หน่วยเหนือวิเคราห์ จากนั้นทางฐานจะติดต่อมาว่าตอนนี้ระบบการยิงจรวดไวรัสกำลังทำงานแล้ว คำสั่งคือให้ทั้งคู่รีบไปหยุดยั่งการยิงจรวดไวรัสก่อนที่ประชาชนในเมืองทั้งเมืองจะกลายเป็นซอมบี้เพิ่มไปอีก Chris จึงมีแผนที่จะใช้เครื่องบินเจ็ทที่จอดอยู่เพื่อขึ้นด้านบนจะเร็วที่สุด จึงมุ่งหน้าไปที่โรงเก็บเครื่องบินทันที แต่จะพบว่าทางเข้าจะต้องใช้โค๊ดรหัส 3 อันที่กระจัดการจายอยู่ตามห้องต่างๆของเรือนี้ ตามไปเก็บมาให้หมดด้านในทั้งมืดและซับซ้อนมากกว่าตลาดในเมืองจีนซะอีก แถมพวก B.O.W ก็ยังออกมาก่อกวนอยู่เรื่อยๆอีกด้วย ซึ่งถ้าหลงแล้วงงจริงๆก็กด LB ดูลูกศรชี้ทางแล้วค่อยๆไปก็ได้ เมื่อหาจนครบแล้วก็นำมาเปิดประตูเข้าไปจนถึงโรงเก็บเครื่องบินไอพ่นได้เลย


Chris จะขับเครื่องบินขึ้นไปโดยมี Piers ทำหน้าที่ล็อกเป้ายิงจรวดมิดไซด์ เมื่อบินขึ้นไปแล้วก็หาจังหวะล็อกเป้าสีเขียวๆให้ได้แล้ว Piers ก็จะยิงถล่มเป้าหมายให้เอง และสามารถกด RB เพื่อหลบจรวดของศัตรูได้ด้วย ทำลายป้อมปืนให้หมดก่อนแล้ว Chris จะส่งให้ Piers ลงไปที่ดาดฟ้าเรือเพื่อเข้าไปปิดการทำงานจรวดไวรัสที่ห้องควบคุม พยายามใช้ปืนกลยิงคุมกันศัตรูให้เขาไปจนกว่าเขาจะระเบิดทางเข้าไปจนถึงห้องควบคุมและปิดการทำงานได้จรวดไวรัสได้สำเร็จ ในขณะที่ขากลับจะพบกับ Giant B.O.W ขนาดใหญ่ที่พวก Neo Umbrella ส่งเข้ามาอีก พยายามยิงต้านมันเอาไว้จนกว่า Piers จะมาถึงเครื่องบินและเขาจะทำการล็อกเป้ายิงเจ้า Giant B.O.W จนตาย ในขณะที่พวกศัตรูก็กดจุดชนวนปล่อยจรวดไวรัสออกไปได้ 1 ลูกทำให้ Chris แค้นมา ประกอบกับมีสายการติดต่อของ Leon เข้ามา เขาจึงรีบถามว่า ถ้า Leon อยู่ในเมืองก็รีบหนีออกไปให้ไกลที่สุดเลย  ในขณะที่จรวดที่บรรจุ C ไวรัส ก็พุ่งเข้าใส่ตัวเมือง ไอของไวรัสทำให้ผู้คนที่สุดดมเข้าไปกลายร่างเป็นซอมบี้ที่หิวโหย และ เมืองทั้งเมืองก็กลายเป็นนรกบนดินไปทันที โดยไม่มีใครหยุดยั้งมันได้เลย


Chris Redfield Chapter 5: Duty Calls
1 กรกฎาคม 2013 …… หลังจากการระเบิดของจรวด C – Virus ในเมือง แต่โขคดีที่ Leon และ Helena รอดจากระเบิดไวรัสเพราะอยู่ไกลจากเมืองค่อนข้างมาก Leon พยายามติดต่อไปหา Chris ที่อยู่บนเครื่องบินเจ็ทบนน่านฟ้าของเมือง เขาพยายามบอกให้ Chris ไปตามหา Sherry ที่อยู่ที่เขตน้ำตกเพราะเธอมีสิ่งที่จะหยุดยั้ง C Virus ได้ นั่นก็คือเลือด Anti - Virus ของ Jake ลูกชายของ Wesker ที่เดินทางไปพร้อมกับเธอนั่นเอง Chris ได้ยินคำว่า “ลูกชายของ Wesker “ ก็ทั้งตกใจและแปลกใจแต่ยังไงเขาก็รีบมุ่งหน้าไปตามหาทั้งคู่ทันที …


Chris และ Piers มุ่งหน้ามาจนถึงพิกัดที่ Leon ให้ไว้มาที่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลจีนใต้เพื่อช่วยเหลือ Sherry และ Jake เมื่อลงลิฟต์ใหญ่มาใต้ทะเลจะพบว่ามันเป็นโรงงานขนาดใหญ่ใต้น้ำ พวก Neo Umbrella กำลังจะสร้างอะไรที่น่ากลัวอยู่ที่นี่อีกกันแน่ ระหว่างลงลิฟต์ Piers ก็อดที่จะพูดถึง Jake ไม่ได้ว่า น่าแปลกที่ผู้พ่อเป็นคนทำลายโลกแต่ลูกกลับกำลังช่วยโลกซึ่งมันขัดกันสิ้นดี …เมื่อลงมาจนถึงห้องควบคุม Chris จะเห็น Sherry และ Jake ถูกจับอยู่ในห้องทดลองลับใต้พื้นที่นี้โดยจอมอนิเตอร์ เขาจึงรีบปลดปล่อยพวกเขาทันที สัญญาณเตือนภัยจะเริ่มดังขึ้นพร้อมการเข้ามาของ Neo Umbrella มากมาย มุดเข้าไปด้านในช่องระบายอากาศจะพบพัดลมขนาดใหญ่อยู่ ส่ง Piers ไปฝั่งตรงข้ามเพื่อปิดระบบพัดลมแล้วรีบมุดลอดผ่านพัดลมไปตามทางจนถึงลิฟต์ขึ้นไปด้านบนช่วย Piers แล้วกลับลงลิฟต์มาเข้าประตูด้านในไปต่อ ลุยเข้าไปจนถึงทางเข้าห้องทดลองลับที่อยู่แยกไปจากตัวโรงงานนี้ เมือกดเปิดประตูศัตรูจะเริ่มบุกมามากมาย ต้านพวกมันเอาไว้จนกว่าประตูจะเปิดออก เข้าไปด้านในจะกับ Sherry และ Jake


ขณะนั้น Chris ที่รู้ความจริงแล้วว่า Jake เป็นลูก Wesker จึงถามไปตรงๆว่าเคยเจอกับพ่อมั๊ย ทำให้ Sherry เริ่มกังวลใจกลัวว่าจะทะเลาะกัน Jake จึงถามกลับไปว่า Chris เคยเจอพ่อของเขาหรอ Chris เองก็ตอบตรงไปว่าเคยเจอสิและเขาเองเป็นคนฆ่า Wesker เองเมื่อ 3 ปีก่อน ถึง 2 ครั้งด้วย ทำให้ Jake ฉุนจนควักปืนขึ้นมาจ่อหัว Chris ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้หวาดกลัวแถมท้าให้ Jake ยิงได้เลยเพราะถ้าเขาไม่ฆ่า Wesker จะมีคนตายอีกมากมาย ในขณะนั้นเองโรงงานจะเริมถล่ม ทุกคนจึงต้องรีบหนีออกจากที่นี่กันก่อนซึ่ง Jake และ Chris ยังมีเรื่องที่ต้องคุยกันต่ออีกเยอะ ทุกคนจะเข้ามาที่โดมห้องโถงขนาดใหญ่ที่มี ดักแด้ Cocoon ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง สำรวจแท่นควบคุมทั้ง 4 จุดพร้อมๆกันจะทำให้ลิฟต์วงแหวนเริ่มเลื่อนขึ้นด้านบน พวก Neo Umbrella จะบุกเข้ามาทันที พยายามเอาตัวรอดไปจนกว่าลิฟต์จะสุดทางที่ด้านบน แต่ ดักแด้ Cocoon ขนาดใหญ่ก็เริ่มฝักตัวออกมาเป็น B.O.W ขนาดใหญ่ที่รูปร่างคล้ายปลาหมึกออกมา มันเข้าโจมตีใส่ทั้ง 4 คนทันที Jake จะดึงตัว Sherry ให้ไปทำงานต่อให้เสร็จ Chris และ Piers จึงต้องเผชิญห้ากับ B.O.W ขนาดใหญ่กันเอง รีบปีนบันได่ขึ้นมาด้านบนวิ่งหนีสุดแรงหนีการไล่ล่าของ B.O.W ที่ตามทุกทำลายมาจากด้านหลัง พยายามใช้การสไลด์ผ่านท่อไปจะเร็วกกว่าปีนมาก เมื่อหนีไปจนถึงลิฟต์แล้ว ขึ้นมาชั้นบนเจ้า B.O.W ก็ยังตามขึ้นมาอีก รอบแรกที่เจอกันยิงมันไปแบบธรรมดาเรื่อยๆมันก็หมอบแล้ว จากนั้นหนีเข้าไปตามทางเดินยาวซึ่งเจ้า B.O.W ก็ยังตามออกมาทุบทำลายจากด้านนอกจนน้ำเริ่มเข้ามา รีบวิ่งหนีผ่านเข้าประตูชัตเตอร์ที่กำลังปิดทีละชั้นเรื่อยๆให้ทันจนถึงด้านใน Chris จะช่วย Piers แล้วพาเข้าไปด้านในโกดังเก็บของเพื่อหาทางขึ้นยานอพยพออกจากที่นี่


แต่ B.O.W ปลาหมึกยักษ์ก็ตามเข้ามาอีกจนได้ มันเข้ามาโจมตีใส่ Piers จนเหล็กเข้าไปเสียบที่แขนจนบาดเจ็บหนักแถมมันยังจับตัว Chris และกำลังจะบีบให้ตายคามือ Piers สังเกตเห็นหลอด C – Virus ที่หลุดออกมาจากกระเป๋า ไม่มีทางเลือก Piers จึงตัดสินใจฉีด C – Virus เข้าตัวเพื่อกลายร่างเป็น B.O.W ที่มีพลังสายฟ้าแล้วช่วยเหลือ Chris เอาไว้ได้ คราวนี้ต้องกำจัดมันจริงๆซะทีแล้ว จุดอ่อนของ B.O.W ปลาหมึกยักษ์มันจะอยู่ที่หัวใจจุดแดงๆทั้ง 2 ข้างของลำตัวมันซึ่งจะยิงค่อนข้างยากมากและกระสุนในพื้นที่ก็ยังน้อยและมีจำกัดอีกด้วย เมื่อยิงหัวใจมัน 2 ด้ายจนแตกหมดแล้ว มันจะเข้าดักแด้ Cocoon เพื่อฝักตัวใหม่ จังหวะที่มันเข้าดักแด้ก็รีบทำลายดักแด้ทันทีแล้วมันจะหลุดออกมาให้สามารถเข้าไปใช้มีดแทงมันได้เต็มๆ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนมันตาย

หลังจบการต่อสู้ Piers ก็บาดเจ็บสาหัส เขาบอกกับ Chris ให้ทิ้งเขาไว้ที่นี่แต่ Chris ไม่ยอมพยายามจะพยุงเข้าหนีไปด้วยกันเพื่อหาทางรักษา แต่เมื่อถึงหน้าทางเข้ายานอพยพ Piers จึงยัดอาร์มของเขาใส่ในมือ Chris แล้วดันเขาเข้ายานหนีภัยออกไปคนเดียว แต่ B.O.W ปลาหมึกยักษ์ก็ยังว่ายน้ำตามไปอีก Piers จึงใช่พลังทั้งหมดดึง B.O.W ปลาหมึกยักษ์ ลงมาให้มาตายเป็นกับระเบิดพร้อมกับตัวเขาไปเลย

 Chris รอดขึ้นมาเหนือน้ำได้สำเร็จ แสงแดดยามเย็นไม่ทำให้เขามีความสุขอีกแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้จบลงคงเหลือไว้แค่อาร์มของ Piers ลูกน้องคนสุดท้ายของทีม Alpha คนสุดท้ายที่เพิ่งตายจากไป และความแค้นสุมอกกับ Neo Umbrella ที่เพิ่มขึ้นอีกมากมายมหาศาล

Chris นั่งกินสเต็กของโปรดของ Piers แทนดื่มเหล้าเมามาย ลูกน้องทีม Alpha ชุดใหม่เดินเข้ามาตาม Chris เข้าสู่ภาระกิจครั้งใหม่ ซึ่ง Chris ก็พร้อมแล้วที่จะเดินสู่แสงสว่างและพร้อมแล้วที่จะมอบความมืดมิดให้กับ Neo Umbrella และ B.O.W ทุกตัวบนโลกใบนี้

 Jake Muller Campaign

 Jake Muller Chapter 1: Money Talks

24 ธ.ค 2012 …. สาธารณรัฐ Edonia ในรุโรปตะวันออก   แหล่งกบดานของพวกทหารรับจ้างที่ทำงานให้กับกองทัพต่อต้านรัฐบาล La Vita Nuova อยู่ที่สาธารณะรัฐ Edonia  ซึ่งเกิดเหตุน่ากลัวขึ้นเมืองทหารรับจ้างส่วนใหญ่ถูกจับให้ฉีดยาบางอย่างทำที่มีเชื้อของ C Virus ไวรัสชนิดใหม่ที่มีโดยหญิงลึกลับที่ลอบนำไปเจือปนเข้าไปในเซรุ่ม ซึ่งจะทำให้ทหารมีความแข็งแกร่งในการรบ แต่ผลออกมากลับทำให้ทหารบ้าคลั่งกันจนสร้างความวุ่นวายไปทั่ว แต่ก็แปลกที่เจคไม่ได้รับผลกระทบใดๆกับยานั่นเลยซึ่งเป็นเพราะเลือดพิเศษที่เป็นเซรุ่มในตัวเขานั่นเอง ระหว่างที่กำลังหนีเอาตัวรอดจากพวกทหารบ้าคลั่งนั้นก็ได้พบกับ เชอรี่ เบอร์กิ้น ลูกสาวของ Dr. วิลเลี่ยม เบอร์กินผู้คิดค้น G Virus ในภาค 2 ที่ถูกรัฐบาลสหรัฐกักตัวเอาไว้ แต่ด้วยเชื้อ G ที่ถุกฝั่งเอาไว้ในตัวเธอทำให้รัฐบาลสหรัสต้องยอมปล่อยตัวเธอและมอบหมายงานเป็นสายลับให้ โดยภาระกิจของเชอรรี่คือพาตัวเจคให้มากับเธอ เพราะเลือดพิเศษของเขาเป็นเซรุ่มที่สำคัญที่สุดที่สามารถช่วยโลกได้ตอนนี้  ซึ่งเจคก็ยอมรับปากที่จะไปแต่ต้องได้เงินค่าจ้าง 50 ล้านดอลลาร์  ก่อนที่ทั้งคู่จะหนีออกจากสมรภูมินรกนี้ไปด้วยกัน


ในตัวเมืองจะมีหน่วย BSAA เข้ามาเพื่อปราบปรามและกำจัด J’avo B.O.W ชนิดใหม่ที่เริ่มเกิดขึ้นที่ ( ซึ่ง Chris เป็นคนนำทีมเข้าปฏิบัติงานี้ด้วยนั่นเอง ) พวกเขาจะยิงถล่มแหลกแบบไม่สนใครเป็นใคร Jake และ Sherry จึงต้องหนีเอาตัวรอดทั้งจากกานโจมตีของ หน่วย BSAA และพวกทหารรับจ้าง J’avo ลุยเข้าไปตามบังเกอร์ ความสามารถของ Jake นอกจากการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแล้วยังมีพลังตัวเบาเป็นเลิศในการโดดเกาะไม้ต่างๆได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า Sherry นั้นทำไม่ได้ จึงต้องคอยทำทางพาเธอปีนขึ้นมาตามที่สูงด้วยตลอดทาง เมื่อเข้ามาจนถึงบังเกอร์ด้านในจะพบกับ Ustanak B.O.W จอมพลังขนาดใหญ่ที่มีแขนเป็นจักรกลและพร้อมที่จะทำลายทุกอย่างที่ขว้างหน้าเหมือนกับว่ามันถูกส่งมาให้ตามล่าใครบางคนอยู่ และตอนนี้มันก็เห็น Jake และ Sherry แล้ว วิ่งหนีการไล่ล่าของมันให้พ้นแล้วทั้งคู่จะเข้ามาในซากตึกแห่งหนึ่ง จัดการศัตรูให้หมดแล้วขึ้นไปเก็บปืนแม็กนั่มที่ชั้น 2 มาก่อน แล้วเข้าไปสำรวจประตูด้านใน เจ้า Ustanak จะตามมาถึงที่นี่แล้ว พยายามวิ่งหนีแล้วใช้ถังน้ำมันให้ระเบิดโดนมันแล้วยิงไปเรื่อยๆมันจะทุบพื้นจนถล่มทำให้ Jake และ Sherry ตกลงไปชั้นล่าง


มุดตามอุโมงค์จนมาออกที่อีกฝากของเมืองจะพบกับทีมของ Chris พอดี ซึ่ง Sherry จะจำเขาได้เพราะ แคลร์ น้องสาวของเขาเคยช่วยเธอเอาไว้ในเหตุการ์ณที่ raccoon City แต่ตอนนี้เธอจะมาในฐานะ National Security ของประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่ง Chris หันไปสนใจกับหน้าตาที่คุ้นเคยของชายที่ตามเธอมาด้วย ซึ่งก็คือ Jake Muller นั่นเอง ระหว่างที่ฐานแจ้งมาว่าให้ไปทำลายปืนต่อสู้อากาศยานของพสกศัตรูตามจุดต่างๆ Giant B.O.W ขนาดใหญ่ ก็บุกเข้ามาอีกครั้ง จากนั้นตามทหารที่นำทางไปยังป้อมปืนแรก เขาจะเข้าไปทำการวางระเบิด จัดการต้าน Giant B.O.W เอาไว้จนเขาติดตั้งระเบิดเสร็จ Giant B.O.W มันก็จะโดนระเบิดไปด้วย ตามทหารไปที่จุดป้อมปืนที่ 2 ต้านพวก J’avo ที่บุกเข้ามาเอาไว้รอให้ ติดตั้งระเบิดเสร็จจนทำลายป้อมปืนลงได้ ตามไปที่จุดที่ 3 จะพบ Giant B.O.W อีกตัวออกมา รอทหารวางระเบิดทำลายป้อมปืนจนเสร็จแล้วขึ้นนั่งร้านไปยิงจัดการ Giant B.O.W ซะ เมื่อทุกอย่างปลอดภัยแล้ว  Sherry และ Jake ก็จะเดินทางต่อ ซึ่ง Chris ก็อดไม่ได้ที่จะถาม Jake ส่าเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า แต่ก็จะได้คำตอบที่ยียวนกลับมาจนได้


Sherry และ Jake ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่หน่วยงานของเธอมารอรับ ระหว่างทาง Jake รู้สึกอะไรบ้างอย่างกับ Chris จึงถามกับ Sherry เธอเล่นว่า แคลร์ น้องสาวของ Chris เคยช่วยเธอเอาไว้ในเหตุการ์ณที่ Raccoon City และเป็นคนที่เธอไว้ใจที่สุดคนนึง แต่ก็แปลกที่ Jake รู้สึกหงุดหงิดกับ Chris มากกว่า …ระหว่างที่คุยกับพวก Neo Umbrella ก็ส่งเจ้า Ustanak โดดตามมาเยี่ยมถึงเฮลิคอปเตอร์เลย มันพยายามจะพังเข้ามา ยิงมันจนกว่ามันจะหนีไปเกาะฮลิคอปเตอร์ของพวกศัตรูแล้วยิงถล่มมาด้วยปืนกล ใช้ปืนกลบนฮลิคอปเตอร์ยิงทำลายฮลิคอปเตอร์ที่มันเกาะอยู่ให้ร่วงให้หมด แต่เฮลิคอปเตอร์ของ Jake ก็กำลังจะระเบิด Jake รีบหยิบร่มขูชีพแล้วดึงตัว Sherry โดดหนีไปด้วยก่อนเฮลิคอปเตอร์จะระเบิดได้ทันพอดี


Jake Muller Chapter 2: A Revolting Development

ทั้งคู่ตกลงมาที่ภูเขาน้ำแข็งแห่งหนึ่ง Jake ฟื้นขึ้นมาจะพบว่า Sherry มีบาดแผลหนักโดยเหล็กทิ่มอยู่ที่กลางหลัง เขาลังเลที่จะดึงแผ่นเหล็กออกมาแต่ก็ต้องตกใจเมื่อแผลของ Sherry กลับค่อยสมานกันเองจนหายดี Jake พยายามจะถามว่า Sherry เป็นอะไรกันแน่แต่เธอก็ตอบได้แค่ว่า เรื่องมันยาว เท่านั้นเอง เมื่อ Sherry เช็คโทรศัพท์ดูจะพบว่าข้อมูลตัวอย่างเลือดและทุกอย่างของ Jake ที่ได้มาหล่นหายไปหมด ทำให้ต้องไปตามเก็บกลับมา ในพื้นที่ภูเขาหิมะนี้จะเต็มไปด้วยพายุหิมะที่ขาวโพรนจนแทบไม่เห็นทาง แถมยังมี J’avo ที่กลายร่างเป็น B.O.W ชนิดบินได้เข้าไปอีกจึงอันตรายสุดๆ ถ้าทองไม่เห็นก็ใช้ระบบชี้ทาง (กด LB) หาเส้นทางไปเก็บ Data Chip มาให้ครบ 3 อันแล้วเข้าประตูไปที่แค้มป์ด้านในต่อ ทั้งคู่จะเข้าไปหลบพายุหิมะที่กระท่อมร้าง นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่มีโอกาศได้คุยกัน Jake ถามถึงเรื่องอดีตในวัยเด็กของเธอ ซึ่งเธอบอกได้แค่ว่า เธอเป็นลูกสาวของ Dr. วิลเลี่ยม เบอร์กินผู้คิดค้น G Virus จนเกิดความเลวร้ายขึ้นที่เมือง Raccoon มาแล้ว ส่วน Jake ก็ไม่รู้เรื่องราวของตัวเองและพ่อของตัวเขามากนัก ในขณะนั้นพวก Neo Umbrella ก็บุกเข้ามามากมายจนต้องลุยออกมานอกบ้าน ก็จะพบหิมะถล่มเข้ามาซ้ำเติมอีก รีบขี่สโนวโมบิลหนีไปตามเส้นทางให้ทันแล้วทั้งคู่จะหลบเข้ามาในถ้ำที่ตีนเขา


ที่แค้มป์ด้านล่างจะมีประตูทางเข้าถ้ำซึ่งมันจะพาทะลุผ่านไปอีกด้านของภูกเขาที่หน้าเขตเมืองได้ แต่คนถึง Key card ก็ดันโดนเจ้า Ustanak อัดจนตายคามือไปแล้ว ในพื้นที่จะมีเจ้า Ustanak อยู่และมีแมลงแสงที่เมื่อมันพบเราขึ้นมามันจะส่องแสงให้ เจ้า Ustanak ตามมาอัดจนตายได้ทันที เป้าหมายคือ จัดการพวกแมลงแสงพวกนี้จากด้านหลังโดยใช้การต่อยและห้ามใช้ปืนและส่งเสียงดังเด็ดขาด ลอบจัดการพวกแมลงแล้วใช้กล่องหลบ ลอบเข้ามาด้านในแค้มป์จนถึงจุดที่มี Key card ตกอยู่ แต่จะมี Ustanak เฝ้าอยู่กลางลานน้ำแข็งด้วย เก็บระเบิดรีโมทแถวๆนี้มาแล้วดันตัว Sherry ข้ามตู้ข้ามไปอีกด้าน แล้วรีบติดระเบิดที่ที่พื้นข้างตู้ หลบมาทางขวาก่อนแล้วค่อยกดระเบิดจะทำให้เจ้า Ustanak มันวิ่งมาดู ทำให้ Sherry เก็บ Key card มาได้สำเร็จ รอเธอปีนกลับมาแล้วไขเปิดทางเข้าถ้ำด้านใน ทันทีที่เปิดประตู เจ้า Ustanak จะได้ยินเสียงและตามมาทันที รีบเปิดประตูหนีมันเข้าไปทีละชั้น แล้วด้านในจะพบรถขุดเจาะอยู่จัดการใช้สว่านชน Ustanak ที่ตามมาให้หมอบไปได้เลย เมื่อทั้งคู่ออกมาด้านหน้าถ้ำจะเริ่มเห็นเมืองอบู่ใกล้ แต่ Ustanak ก็ตามมาและซัด Sherry จนกระเด็นและสลบไป Jake โดนมันจับเอาไว้ได้ Ada ปรากฏตัวออกมา และบอกถึงเลือกพิเศษในตัวของ Jake ที่ได้มาจากความเป็นทายาทของ Albert Wesker คนที่คิดจะทำลายโลกนี้ด้วยไวรัสนั่นเอง นั่นเป็นครั้งแรกที่ Jake ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับพ่อของเขาก่อนจะโดนอัดจนสลไป


Jake Muller Chapter 3: Let blow this joint30 มิ.ย 2513 ….  6 เดือนต่อมา  [ช่วงเวลาเดียวกับที่ Chris กลับมาปฏิบัติการ์ณอีกครั้งหลังจากหายตัวไป]
Research Facility ห้องทดลองลับแห่งหนึ่งในประเทศจีน . Sherry กับ Jake ถูกพวก Neo Umbrella จับมาขังไว้ที่นี่  หลังจากที่หาโอกาสมานาน Jake ก็สบโอกาสตอนที่กำลังมีการพาตัวไปตรวจเลือด จึงใช้วิชาการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่เขาถนัดจัดการพวก Neo Umbrella จนหลุดจากการควบคุมได้ หลังจากที่ Jake ปิดระบบพลังงานทั้งหมดของชั้นนี้ ประตูห้องขังของ Sherry ก็จะเปิดออกเช่นกัน เธอก็ใช้ความสามารถเฉพาะตัวและกระบองไฟฟ้าหนีออกมาจากห้องได้เช่นกัน ..


ลุยจัดการศัตรูที่เข้ามาด้วยมือเปล่าเข้าไปในห้องในสุดจะพบช่องระบายอากาศเปิดอยู่ ดันแท่นยืนทางขวาของห้องมาใช้ปีนขึ้นไปจนทะลุมาออกที่ห้องควบคุมด้านใน เข้าห้องสำรวจดูกล้องจากมอนิเตอร์ จะสามารถใช้ปืนจากกล้องยิงจัดการพวกศัตรูได้ เมื่อกดสลับไปมา (A) ก็จะเห็น Sherry กำลังหนีออกมาเช่ากัน ยิงคุ้มกันให้เธอแล้วเธอจะกดรหัสเปิดประตูแล้วเข้าไปด้านใน ซูมกล้องดูรหัสกดที่ประตูแล้วเอามากดรหัสเปิดประตูทางออกของที่นี่ออกไปได้


มุดเข้ามาจนมาออกที่ห้องแต่งตัวก็จะพบ Sherry เมื่อทั้งคู่แต่งตัวและได้อาวุธคืนมาแล้ว Jake ยังคงคาใจที่จะถาม Sherry ถึงเรื่อง Wesker พ่อของเขาที่มีแผนจะทำลายโลก ทำให้ Sherry ต้องปลอบใจว่าพ่อก็ส่วนพ่อลูกก็ส่วนลูก จากนั้นเข้าไปด้านในจนมาออกที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งดูจากรูปแบบการสร้างแล้วรู้ทันที่ว่าทั้งคู่ยังอยู่ในประเทศจีน เมื่อเข้ามาแล้วจัดการ B.O.W ตัวแรกที่ออกมาจะได้ เหรียญ I.D Medal  มา จากนั้นลุยเข้าไปด้านใน ( ระหว่างทางถ้าเจอ เหรียญ I.D Medal ก็เก็บมาไว้ก่อนแล้วกัน ) จนถึงห้องโถงใหญ่จะพบรูปปั้นที่ใส่เหียญอยู่กลางห้อง นำเหรียญ I.D Medal ใส่เข้าไป 3 เหรียญประตูที่ชั้น 2 ทางซ้ายจะเปิดออก เข้าไปตามทางลุยหาเก็บ เหรียญ I.D Medal มาให้ได้อย่างน้อย 7 เหรียญ แล้วกลับมาใส่ที่รูปปั้นที่ห้องโถงอีก 7 รวมของเดิมเป็น 10 เหรียญ ประตูรูปเหรียญทางขวาของชั้นนี้จะเปิดออก เข้าไปด้านในจะเป็นห้องข้อมูล Sherry จะโหลดข้อมูลมาเก็บเอาไว้ แล้วโทรรายงานกับ Simmons ทันที เมื่อกลับมาที่ห้องโถงทั้งคู่ก็ต้องตกใจเมื่อมีรถถังบุกทะลุเข้ามาไล่ล่าพวกเขาถึงในนี้เลย รีบหนีเข้าไปยังสวนกลางของอาคาร ขึ้นไปชั้น 2 กดสวิตซ์หมุนรูปปั้นแล้วเกาะโหนไปฝั่งตรงข้าม ขึ้นไปห้องโชว์รูมด้านบน ขี่รถมอเตอร์ไซด์มารับ Sherry แล้วทั้งคู่ก็ขับหนีออกจากที่นี่ทันที


Jake Muller Chapter 4: Still on the Run

Jake พา Sherry ขี่มอเตอร์ไซด์หนีออกมาที่ถนนในเมือง Waiyip พวก Neo Umbrella ก็ยังส่งเฮลิคอปเตอร์และแก็งค์มอเตอร์ไซด์ตามอย่างไม่ลดละ พยายามขี่หนีและหลบสิ่งกีดขวางไปให้ได้ตลอดทาง จนมาถึงเขตก่อสร้างเฮลิคอปเตอร์ ก็ยังตามมายิงถล่มใส่อีกพร้อม J’avo ที่ตามมาล้อมหน้าล้อมหลังอีกมากมาย แต่ยังโขคดีที่ทีมของ Chris มองอยู่ด้านบนของนั่งร้านเขาจึงช่วยยิงสนับสนุนให้ แต่ดูเหมือน Jake จะไม่ต้องการความช่วยเหลือจาก Chris เลยซักนิด พยายามเอาตัวรอดจาก j’avo ที่เข้ามาให้ได้ส่วนเฮลิคอปเตอร์นั้นปล่อยเป็นหาที่ของ Chris จัดการ รอจนกว่าเขาจะใช้ Grenade Launcher ยิงทำลาย เฮลิคอปเตอร์ ให้พ้นทาง แล้วพวกของ Sherry และ Jake ก็จะเข้าด้านในต่อได้ Jake ได้แต่มองหน้า Chris โดยไม่ได้กล่าวขอบคุณเลยแม้แต่นิด เขายังถาม Sherry ว่า Chris นั้นรู้เรื่องพ่อของเขาที่ชื่อ Wesker มั๊ยเพราะเขารู้สังหรณ์ใจแปลกมาตลอด


เดินลุยผ่านซอยเล็กจนมาออกที่ถนนที่เต็มไปด้วย j’avo มากมายจัดการลุยปีนขึ้นไปด้านบนแล้วโดดลงไปที่อีกฝั่งของประตูแล้วเปิดให้ Sherry เข้ามาที่ตัวตึกด้านใน ระหว่างทางเก็บปืน Shotgun มาใช้แล้วออกไปที่ถนนจะเห็นเครื่องบินโดยสารตกลงไปที่อีกฝากของเมือง แต่ B.O.W ที่มีแขนเป็นเลื่อยออกมาโจมตี ท่ามกลางกองไฟต้องพยายามจัดการมันให้ได้ จากนั้นเข้าไปด้านในต่อจนถึงจุดที่เครื่องบินตกจะพบกับ Leon และ Helena ทีนี่  ดูเหมือน Jake จะไม่ค่อยไว้ใจในตัว Leon มากนัก Leon พยายามจะบอกกับ Sherry ว่า Simmons หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบาดของ C Virus ในครั้งนี้ด้วย ทำให้ Sherry ตกใจมากเพราะเธอก็ทำงานให้กับหน่วยงานของ Simmons เหมือนกัน ในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเริ่มเข้าใจผิดกันและกัน มอนสเตอร์ขนาดใหญ่ Ustanak ที่ดูเหมือนจะตามไล่ล่า Jake มาตลอดก็เข้ามาโจมตีอีกครั้ง ทุกคนทันที ช่วยกับระดมยิง Ustanak จนสามารถจัดการมันลงได้ แต่แรงระเบิดก็ทำให้เสาขนาดใหญ่ล้มมากั้นทางระหว่าง Leon และ Sherry เอาไว้ จนต้องแยกกันเดินทางอีกครั้ง แต่ด้วยความไว้ใจ ก่อนจะจากกันด้วยความที่ Sherry นั้นเชื่อใจ Leon เป็นอย่างมากมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงยอมบอกที่อยู่ของ Simmons ให้ด้วย


ทั้งคู่เดินทางต่อจนมาถึงเขตท่าเรือที่เละเทะไปด้วยฝีมือของทีมของ Chris ที่เคยมาผ่านมาแล้ว เมื่อขับเรือเข้ามาที่ซากอาคารด้านในจะพบ B.O.W เลื่อยโหดออกมาโจมตีอีกครั้ง แต่ก็มีกระสุนปริศนาจะใครบางคนที่ยิงช่วยทั้งคู่เอาไว้ ทั้งคู่ช่วยกันสู้และหนีการไล่ล่าของ B.O.W เลื่อยโหดและสามารถจัดการมันลงได้ด้วยการช่วยของหญิงปริศนาคนหนึ่ง  ..ในระหว่างการเดินทางต่อ Sherry จะเริ่มไม่สบายใจในเรื่องที่ Leon พูดถึง Simmons จนเธอลังเลที่จะทำตามคำสั่งที่ได้รับมาแล้ว จน Jake ต้องพูดปลอบใจว่า Sherry ควรทำในสิ่งที่ใจเธอต้องการจะทำ Sherry บอกกับ Jake ไว้ก่อนว่าถ้าไปถึงที่ตึกเป้าหมายที่เป็นที่อยู่ของ Simmons แล้วถ้าทุกอย่างที่ Leon พูดเป็นความจริงก็ให้ Jake หนีไปได้ทันที จากนั้นเมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงตึกที่อยู่ของ Simmons เข้ามาในตึก Kwun Lung จะพบกับ Simmons ที่กำลังหลบหนี พร้อมกับ Sherry และ Jake ที่เดินทางมาที่นี่เหมือนกัน มันสั่งลูกน้องให้ระดมยิงโจมตีเข้ามาใส่อย่างไม่ยั้ง ในขณะที่ Sherry พยายามถามหาความจริงถึงเรื่องแผนการร้ายที่ Simmons ได้ก่อขึ้นซึ่งมันเองก็ยอมรับแต่โดยดี เมื่อ Sherry รู้เช่นชาติเจ้านายของเธอแล้ว เธอจึงยอมมอบ Data Chip ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ C Virus และผลเลือด Antibodies ของ Jake ที่จะใช้เป็นยารักษาให้ไว้กับ Leon ทั้งหมด Leon จะบอกให้ Jake พา Sherry หนีไปก่อนส่วนเขาจะจัดการ Simmons เอง แต่ในขณะที่ทั้ง 2 คนกำลัวหนีพวก J’avo จนนวนมากก็เข้าล้อมเอาไว้แล้วจับ Jake และ Sherry เอาไว้จนได้



Jake Muller Chapter 5: See you around

Jake และ Sherry ถูกจับมาไว้ที่ห้องทดลองลับใต้ทะเลแห่งหนึ่ง จู่ๆสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่หลุดออกจากการถูกมัด ซึ่ง Jake ไม่รู้เลยว่า Chris ได้ช่วยเขาเอาไว้ จากนั้นดัน Sherry ให้ขึ้นไปบนท่อระบายอากาศให้เธอออกไปที่ห้องกลางเก็บอาวุธและเปิดประตูทางออกให้ จัดการศัตรูให้หมดแล้วหนีออกไปด้านนอก เป้าหมายของทั้งคู่คือหนีออกจากที่นี่แล้วเอาตัวอย่างเลือดของ Jake ไปทำเซรุ่มเพื่อหยุดยั้งการระบาดของ C – Virus ให้เร็วที่สุด …

ออกมาจนถึงส่วนของลิฟต์หมุน ในชั้น B สำรวจที่ลิฟต์ใหญ่ตรงกลางจะพบว่ามันไม่มีพลังงานจึงต้องทำการชาร์ทพลังงานของแบตเตอรรี่ตามจุดต่างๆเพื่อให้มันกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

- สับคันโยกแรกตรงลิฟต์เพื่อชาร์ตแบตครั้งที่ 1

- โดดขึ้นลิฟต์หมุนไปเข้าห้อง A  เข้าไปชาร์ตแบตครั้งที่ 2

- แล้วโดดขึ้นลิฟต์หมุนไปเข้าห้อง C  เข้าไปชาร์ตแบตครั้งที่ 3

- โดดขึ้นลิฟต์หมุนไปเข้าห้อง D เก็บไอเทมมาให้หมดแล้ว ดูลิฟต์หมุนให้ดีเพระมี 2 อันคือล่างและบน ให้รอโดดขึ้นอันบน แล้วโดดเข้าห้อง H ในขณะที่ Sherry เธอเข้าไปรอสับคันโยกที่ห้อง I แล้ว

- เข้าทางห้อง H เพื่อลุยมาถึงห้อง G ที่มันเข้าจากด้านนอกไม่ได้ ซึ่งต้องสับคันโยกพร้อมกับ Sherry ในห้อง I ข้างๆ แต่พอศัตรูออกมาพอยิงมันแล้วมันดันไปล้มทับแท่นควบคุมจนพังทำให้ลิฟต์หมุนไปจนควบคุมไม่ได้ วิ่งไปสับสวิตซ์ให้มือจับด้านนอกจับลิฟต์เอาไว้ แล้วโดดขึ้นลิฟต์ไปรีบหนีกลับไปเข้าห้อง B ให้เร็วที่สุดก่อนมันจะพังลงมา ทั้งคู่ก็จะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนได้สำเร็จ


เข้าไปห้องด้านในจะพบกับทีมของ Chris  ซึ่งขณะนี้ Chris รู้ความจริงแล้วว่า Jake เป็นลูก Wesker จึงถามไปตรงๆว่าเคยเจอกับพ่อมั๊ย ทำให้ Sherry เริ่มกังวลใจกลัวว่าจะทะเลาะกัน Jake จึงถามกลับไปว่า Chris เคยเจอพ่อของเขาหรอ Chris เองก็ตอบตรงไปว่าเคยเจอสิและเขาเองเป็นคนฆ่า Wesker เองเมื่อ 3 ปีก่อน ถึง 2 ครั้งด้วย ทำให้ Jake ฉุนจนควักปืนขึ้นมาจ่อหัว Chris ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้หวาดกลัวแถมท้าให้ Jake ยิงได้เลยเพราะถ้าเขาไม่ฆ่า Wesker จะมีคนตายอีกมากมาย Jake จะถาม Chris ไปว่าที่ฆ่า Wesker ไปนั้นเพราะหน้าที่หรือความแค้นส่วนตัว ซึ่ง Chris ตอบไปมา ทั้ง 2 อย่าง ทำให้ Jake แค้นมากแต่ก็สงบใจเอาไว้ได้เขาทำไก้แค่ยิงปืนถากแก้มของ Chris ไปเท่านั้น  ในขณะนั้นเองโรงงานจะเริ่มถล่ม ทุกคนจึงต้องรีบหนีออกจากที่นี่กันก่อนซึ่ง Jake และ Chris ยังมีเรื่องที่ต้องคุยกันต่ออีกเยอะ ทุกคนจะเข้ามาที่โดมห้องโถงขนาดใหญ่ที่มี ดักแด้ Cocoon ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง สำรวจแท่นควบคุมทั้ง 4 จุดพร้อมๆกันจะทำให้ลิฟต์วงแหวนเริ่มเลื่อนขึ้นด้านบน พวก Neo Umbrella จะบุกเข้ามาทันที พยายามเอาตัวรอดไปจนกว่าลิฟต์จะสุดทางที่ด้านบน แต่ ดักแด้ Cocoon ขนาดใหญ่ก็เริ่มฝักตัวออกมาเป็น B.O.W ขนาดใหญ่ที่รูปร่างคล้ายปลาหมึกออกมา มันเข้าโจมตีใส่ทั้ง 4 คนทันที Jake จะดึงตัว Sherry ให้ไปทำงานต่อให้เสร็จ Chris และ Piers จึงต้องเผชิญห้ากับ B.O.W ขนาดใหญ่กันเอง ซึ่ง Sherry จะต่อว่า Jake ที่ไม่ยอมช่วยพวกของ Chris แต่ Jake จะบอกไปว่า รับรองว่าเขาไม่เป็นเหมือนพ่อแน่ๆ เพราะฉะนั้นเรารีบไปช่วยโลกนี้กันก่อนเถอะ


ทั้งคู่หนีออกมาถึงห้องหลอมลาวา พอเข้ามาด้านในก็จะพบ Ustanak ที่ตามมาถึงที่นี่แล้วเหมือนกัน Jake เองก็เบื่อที่จะหนีมันแล้วจึงบอก Sherry เขาจะตัดสินกับมันที่นี่เลยแล้วกัน พยายามอยู่ห่างๆมันแล้วระดมยิงไปเรื่อยๆก็จะทำให้มันล้มลงได้ แต่มันก็ยังพุ่งเข้ามาใส่ Jake จนหล่นไปที่แท่นด้านล่างกันแค่ 2 ต่อสอง ปืนของ Jake ตกลงไปในลาวาแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสีย Jake วอร์มหมัดของเขาก่อนวิ่งเข้าไปอัดคอมโบใส่ Ustanak แบบไม่กลัวเกลงจนอัดมันตกลงไปในบ่อลาวาได้สำเร็จอย่างสะใจ ทั้งคู่จึงรีบหนีออกจากที่นี่จนไปถึงลิฟต์ความเร็วสูง ที่เร็วจนทั้งค่แทบจะเกาะไม่ไหว แต่เจ้า Ustanak ที่ร่างแทบจะแหลกเหลวก็ยังตามมาเกาะลิฟต์อีก ทั้งคู่พยายามเกาะเพื่อหนีไปด้านบนแล้วใช้สิ่งของต่างๆเข้าไปอัดใว่มันจนมันเสียหลักระเด็นมาอยู่หน้าลิฟต์ ทั้งคู่พยายามเข้าไปจนถึงปืนที่ตกอยู่ตรงหน้า Ustanak ซึ่ง Sherry จับปืนขึ้นได้ก่อนแต่มือเธอสั่นเพราะความเหนื่อยล้าจนทำให้ Jake ต้องเอามือมาคอยประคองจนสามารถปล่อยกระสุนใส่ Ustanak จนตายได้ในที่สุด Jake พูดกับ Sherry ด้วยเสียงที่เหนื่อยล้าว่า ขอบคุณ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แล้วลิฟต์ก็พาทั้งคู่ออกมาจากห้องทดลองใต้น้ำได้อย่างปลอดภัย


บนเครื่องบินโดยสาร Sherry นั่งพิมพ์รายงานของเรื่องทั้งหมดอยู่บนเครื่อง ซึ่งตอนนี้วัคซีนทั้งหมดได้ถูกส่งให้ผู้ติดเชื้อจนสามารถควบคุมการระบาดของ C – Virus แล้ว พร้อมกับข้อมูลทั้งหมดของเลือด Antibodies ของ Jake Muller ที่มีสำรองไว้พอเพียงกับการรับมือกับหายนะจากไวรัสครั้งต่อไปอีกด้วย ข้อความจาก Jale ที่ส่งมาให้ทางโทรศัพท์ว่า “ คุณยังเป็นหนี้ผมอยู่อีก 50 ล้านน๊ะ “รอยยิ้มบนใบหน้าของ Sherry ก็เกิดขึ้นทันที


Jake Muller วางโทรศัพท์จากอานมอเตอร์ไซด์ที่ใดที่หนึ่งใต้เครื่องบินที่ Sherry นั่งโดยสารผ่านไป เขายิ้มและออกเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซด์คันโปรดไปตามเส้นทางที่เขาเลือกเอง และทิ้งทางเดินที่ชั่วร้ายของสายเลือด ตามที่ Wesker ผู้พ่อทำมาตลอด แบบไม่ได้คิดจะตามรอยเท้าพ่ออีกเลย



Ada Wong Campaign

Ada Wong สายลับสาวลึกลับที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดของ C Virus และ Neo Umbrella ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดกันมากมาย

Jake จะรู้เธอในฐานะคนที่ปล่อยเชื้อไวรัส C จนพวกทหารรับจ้างเพื่อนของเขาคุ้มคลั่ง กลายเป็น J’avo

Leon จะรู้เธอในฐานะพยานคนสำคัญ ที่จะเข้าใกล้ Neo Umbrella

Chris จะรู้เธอในฐานะ ผู้บงการขององค์กรผู้ก่อการร้าย Neo Umbrella

ซึ่งความที่เป็นคนชอบแก้ไขมากกว่าแก้ตัว ตัวตนของเธอในตอนนี้ เธอทำงานให้ใครนั้นยังเป็นปริศนาความลับอันดำมืดอยู่


Ada ลุยเดี่ยวไม่มีคู่หู ไม่แคร์สื่อ ตายจริง เจ็บจริงแบบไม่มีใครมาเยียวยา แต่ด้วยความคล่องแคล่ว เทคนิคการลอบฆ่าชั้นเซียน และ Bow Gun ติดหัวระเบิดเป็นไม้เด็ดที่ไม่เคยทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอจางไปเลยไม่ว่าต้องสู้กับอะไร แต่เส้นทางของ Ada ที่ต้องลุยเดี่ยวนั้นจึงสุดจะยาก และต้องเอาตัวรอดทำอะไรคนเดียวแทบทั้งหมด กระสุนน้อย แรงน้อย แต่วิ่งหนีได้เร็วที่สุด


Ada Wong Chapter 1: I Spy

27 มิ.ย 2013 …..  ทะเลลึกในแถบแอตแลนติกเหนือ Ada ลอบเข้าไปยังเรือดำน้ำของ Simmons ด้วยชุดดำน้ำสุดไฮเทค เพื่อลอบเข้ามาดูความลับบางอย่างที่ซ่อนไว้ แผนการทั้งหมดที่ Simmons เคยคิดจะว่าจ้าง Ada ใน 6 เดือนที่แล้ว ก่อนที่ Simmons จะสืบจนรู้ความจริงว่า Ada ทำงานให้คนอื่นที่ไม่ใช่ Neo Umbrella อย่างที่หลายคนเข้าใจ  …


เมื่อเข้ามาถึงเรือดำน้ำแล้ว Simmons จะรู้ล่วงหน้าแล้วว่า Ada ต้องเข้ามาแต่มันก็ยังสนุกกับเล่นเกมส์กับเธอต่อไป ในพื้นที่ด้านในนั้น การเข้าไปแบบสุ่มเงียบลอบฆ่าไปที่ละคนจะเหมาะสมที่สุดสำหรับงานนี้ เพราะถ้ามีศัตรูคนใดเห็นและเปิดสัญญาณเตือนภัยละก็พวกมันจะเข้ามาโจมตีเรื่อยๆแบบไม่มีวันหมดเลย ลอบเข้าไปด้านในจนถึงห้องทำงานของ Simmons ที่ประตูห้องข้อมูลนั้นเข้าไม่ได้เพราะโดนล็อกด้วยรหัสรูปภาพด้านหน้าประตู ถ้าหมุนสุ่มสี่สุ่มห้าโดนไฟช็อตแน่นอน โดยต้องการหัสดังนี้

- สำรวจหัวกวางที่พนังทางขวาของประตูให้ตาของกวางเปิดออก แล้วมาสำรวจที่พนังด้านหลังของมัน จะมองผ่านไปที่รูปภาพจนเห็นรูปปลาขึ้นมา จำภาพนี้เอาไว้

-  สำรวจแท่นควบคุมทั้ง 4 อันที่มุมห้องเพื่อหมุนแค่ละอันให้เป็นภาพปลาเหมือนที่เคยเห็น แล้วเข้าไปกดรหัสก็จะเปิดประตูห้องข้อมูลได้แล้ว


เข้ามาในห้องข้อมูล Ada จะดูคำสั่งที่ Simmons จะให้เธอทำงานนี้เมื่อ 6 เดือนก่อน จนรู้ว่าเป้าหมายของมันคือจับตัว Jake Muller ชายที่มีสายเลือดพิเศษของ Albert Wesker ที่สามารถใช้เป็นเซรุ่มรักษาการต่อเชื้อจาก C – Virus ได้ จะเป็นยังไงถ้าผู้ก่อการร้ายทางชีวะภาพนั้นมีทั้งไวรัสที่แสนร้ายกาจและเซรุ่มแก้พิษอยู่ในมือ …จากนั้นสัญญาณเตือนภัยจะดังขึ้นพร้อมศัตรูที่บุกเข้ามากมาย Ada มีแผนที่จะหนีออกจากที่นี่ทาง Escape Pod จากนั้นก็ลุยไปตามทางระหว่างทางเรือดำน้ำจะเกิดการระเบิดทำให้ช่วงท้ายของเรือจมลงทำให้ Ada ไม่สามารถเข้าไปถึง Escape Pod ได้แล้ว เธอจึงเปลี่ยแผนที่จะหนีน้ำขึ้นไปที่ส่วนหัวเรือเพื่อหนีออกทางตอร์ปิโดแทน เมื่อขึ้นมาจนถึงส่วนห้องยิงตอร์ปิโดจะพบว่ามันไม่มีพลังงาน จึงต้องลุยไปอีกทาง ดำน้ำในส่วนล่างลงไปกดสวิตซ์พลังงานสำรองให้ทำงาน แล้วกลับมาที่ห้องยิงตอร์ปิโดจะสามารถเปิดช่องยิงออกได้ ต้านศัตรูเอาไว้ ในขณะนั้นก็มีเสียงผู้หญิงลึกลับที่ฟังดุแล้วเหมือนกับเสียงของตัว Ada เองมากๆพยายามพูดยั่วโมโหตลอด เมื่อท่อส่งเปิดออกแล้ว ดึงตัวขึ้นไปที่ ตอร์ปิโด แล้ว Ada ก็จะหนีออกจากที่นี่ได้สำเร็จ


Ada Wong Chapter 2: Counterinte lligerce

29 มิ.ย 2013 …..  เมือง Tall Oaks อเมริกา Ada เข้ามาจนถึงเขตสุสานของโบสถ์ของเมือง Tall Oaks และเฝ้ามอง Leon และ Helena ที่กำลังเดินทางเข้ามาที่นี่ Ada จะใช้ปืนสลิงโดดเข้าไปยังสุสานชั้นใต้ดินยิงกุญแจเปิดหีบเก็บ ตราสัญญาลักษณ์ส่วนแรกมา แล้วปีนขึ้นมาด้านบนที่หน้าประตูสัญญาลักษณ์ของตระกูล Simmons เอาตราสัญญาลักษณ์ส่วนแรกใส่เข้าไปประตูส่วนทางขวาจะเปิดออก โดดลงไปที่สุสานชั้นใต้ดินที่ฝั่งห้องด้านล่างจะมีประตูล็อกอยู่และประตูลูกกรงที่ไม่มีไฟฟ้าในการเปิดอยู่

- ขึ้นไปเก็บกุญแจมาไขเข้าประตุไปจะเป็นห้องประหาร ซอมบี้มันจะเอาลังไอเทมลงไปซ่อนที่ด้านล่างแล้ว เข้าไปเก็บปืน Sniper Rifle ด้านในมา คันโยกที่แท่นเมื่อสับแล้วพื้นตรงกลางมันจะเปิดแล้วปิดกลับมาเหมือนเดิมไม่สามารถโดดลงไปได้ สังเกตดูในนี้จะศพที่ถูกแขวนคออยู่มากมาย ให้ดันแท่นคันโยกไปทางขวาให้ตรงกับศพที่แขวนอยู่ด้านบนขวาของห้อง แล้วใช้ปืนสไนเปอร์ยิงเหล็กที่แขวนศพออกให้ศพตกลงมาทับคันโยกค้างเอาไว้จนพื้นตรงกลางเปิดออกได้แล้ว

- โดดลงไปชั้นล่างเก็บ ตราสัญญาลักษณ์ส่วนที่ 2 มาแต่ก็จะออกจากห้องนี้ไม่ได้เพราะไม่มีไฟฟ้าในการเปิดประตู ดันเก้าอี้ที่มีสพนั่งอยู่ไปที่จุดที่มีไฟฟ้าช็อต 2 จุดแล้วซอมบี้จะหล่นลงมาอีกตัวใช้การถีบมันให้กระเด็นไปใส่จุดไฟฟ้าช็อตอีกจุด ไฟฟ้าก็จะเดินครบวงจรทำให้ประตูทางออกแล้วประตูลูกกรงด้านบนสามารถเปิดเข้าได้แล้ว

- ขึ้นไปสับคันโยกเปิดประตูลูกกรงด้านบน ในนั้นจะมีซอมบี้อยู่ 3 ตัวและที่ติดกับพนังอีก 1 ตัวซึ่งถ้าโดดเข้าไปน้ำหนักมันจะเกิดทำให้พื้นเปิดออกแล้วตกลงไปด้านล่าง ใช้หน้าไม้ยิงให้ซอมบี้ทั้ง 3 ตัวไปติดพนังก่อนแล้วจึงโดดเข้าไปเก็บ ตราสัญญาลักษณ์ส่วนที่ 3 มาได้


เมื่อได้ครบแล้วก็กลับขึ้นไปเอาตราใส่ที่ ประตูสัญญาลักษณ์ของตระกูล Simmons เปิดเข้าไปด้านใน จะเห็น Leon และ Helena กำลังมา ในขณะคุยกันอยู่ Deborah ก็ค่อยๆเริ่มเปลี่ยนร่างไปทีละนิดจนลูกดอกของหน้าไม้ของ Ada ก็พุ่งเข้ามาเจาะหัวเธอจนล้มไป ทันทีที่ Ada Wong ปรากฏตัวขึ้นมา Leon ก็เหมือนกับเห็นผีขึ้นมาทันที แต่ก็สายไปเสียแล้ว Deborah กลายร่างจนสำเร็จและเข้าโจมตีใส่ทุกคนทันที Boss – Deborah เธอจะบินขึ้นไปเกาะที่สูงแล้วโจมตีลงมา ให้ใช้ Sniper เล็งยิงเธอจนตกลงมายิงซ้ำจนเธอหยุดนิ่งแล้วรีบเข้าไปกดโจมตีที่ร่างของเธอเพื่อทำคอมโบต่อเลย สู้ไปซักพักเธอจะหนีไปทุกคนจะพากันลงไปส่วนร่างของถ้ำต่อ ซึ่ง Ada จะมอบแหวนให้กับ Leon ไว้ด้วย  ระหว่างทาง Deborah ก็เข้ามาโจมตีอีกครั้งจน  Leon กระเด็นไปอีกฝั่ง ส่วน Helena และ Ada จะตกลงไปในรถรางพอดี ยิงคุ้มกันให้ Leon จนเข้าลงมาจนถึงรถราง ระหว่างทาง Deborah จะเข้าโจมตีเข้ามาในรถรางอักครั้ง ยิงจัดการ Deborah สลับกับคอยยิงระเบิดที่ขวางเส้นทางด้วยพยายามจัดการเธอให้ได้จนเธอจะตกลงไปในเหว ซึ่ง Helena จะรีบมาดึงตัว Deborah เอาไว้ได้ทัน แต่เธอเห็นสภาพน้องสาวที่กลายร่างจนควบคุมไม่ได้จนกลายเป็นปีศาจไวรัสไปแล้ว Helena จึงจำใจต้องปล่อยให้ Deborah ตกลงไปตายเพื่อพ้นทุกข์ จากนั้น Ada ก็จะแยกทางไปต่อ ลงลิฟท์ลงมาที่โรงงานลับใต้ดินที่เต็มไปด้วยซอมบี้อ้วน จัดการให้หมดแล้วเข้าไปเก็บกุญแจมาไขประตูเข้าด้านใน ลุยเข้าไปจนถึงห้องหม้อแปลงไฟฟ้าที่ Leon เปิดเส้นทางเอาไว้ให้แล้ว เข้าไปจนถึงห้องทดลองด้านใน


Ada จะได้ดูม้วน VDO ที่เขียนหน้าตลับไว้ว่า Happy Birthday Ada Wong เมื่อดูก็จะพบร่างๆนึงกำลังฝักออกมาจากเปลือก Cocoon Chrysaild ปรากฏร่างของหญิงสาวที่หน้าเหมือน Ada ออกมา กับชายที่ส่วมแหวนประจำตรกูลที่มือของซ้ายที่กำลังเฝ้ามองการกำเนิดใหม่ของ C – Virus Project Ada อยู่อย่างใกล้ชิด หลังดูจบ Ada ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรแถมยังพูดติดตลกอีกว่า ตอนนี้คงไม่ได้มีชั้นคนเดียวแล้วที่ Leon ต้องการ  Simmons ติดต่อเข้ามาพูดจาเยาะเย้ย แต่ Ada ก็ตอบไปด้วยความใจเย็นตามสไตร์เธอว่า ถ้าไม่ได้เข้าใจผิดคนทีสวมแหวนใน VDO นั่นคือ Simmons ใช่หรือเปล่า เท่านี้ก็เป็นการยืนยันได้แล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลัง Neo Umbrella ทำให้เกิดการแพร์ระบาดของ C – Virus และแผนที่จะจับตัว Jake มาแล้วเอาเลือดมาทำเซรุ่มแก้พิษและนำไปช่วยเหลือผู้คนในฐานะคนของรัฐบาล เท่านี้ Simmons ก็จะได้ทุกอย่างอยู่ในกำมืออย่างชอบธรรมแล้ว แล้ว  การประเมินของ Ada เล่นทำให้ Simmons เงียบไปพักใหญ่ก่อนที่เสียงของ Ada อีกคนที่ฟังการสนทนาอยู่ก็พูดแทรกขึ้นว่า “ โดยที่โลกทั้งโลกจะโทษที่เธอคนเดียว เอด้า “ Ada ติดตั้งระเบิดเวลาอย่างใจเย็นแล้วบอกว่า ถ้าเแกอยากเล่นเกมก็จะได้เล่น เล่นกับ Ada ตัวจริงแล้วจะรู้ว่าจะเป็นยังไง ก่อนที่จะวางระเบิดทุกอย่างเป็นจุล

 ก่อนที่เธอจะแจ้งไปยังใครคนนึงว่าตอนนี้มี  Ada  2 คน ให้เตรียมรับมือเอาไว้ด้วย


 Ada Wong Chapter 3: This take me back

30 มิ.ย 3013 ….  Ada เข้ามาในเมืองช่วงที่ทีมของ Chris กำลังออกไล่ล่า Ada อีกคนไปที่เรือบรรทุกเครื่องบิน ลึยไปตามถนน Bin จะพบกับ B.O.W เลื่อยโหดออกมาวิ่งหนีมันเข้าด้านในก่อน จัดการซอมบี้ให้หมดแล้วเก็บกุญแจจากศพไขประตูด้านในไป ระหว่างทาง Ada จะได้เจอกับ B.O.W เลื่อยโหด อีกรอบและต้องสู้กับมันบนหลังคารถเมล์ ที่อาจจะแคบแต่ถ้ายืนตรงท้ายรถจะสามารถโหนตัวหลบมันมาท้ายรถได้ด้วย ลงมาสู้กับมันพื้นอีกรอบทิ้งระยะห่างมันหน่อยก็จะมีช่องวางพอจะส่องยิงมันได้ไม่ยากนัก หลังจากจัดการมันได้แล้วดึงตัวไปกับรถไฟที่วิ่งมาเพื่อเดินทางต่อ ได้นั่งพักไม่กี่อึดใจก็ต้องเดินทางต่อแล้ว Ada ปีนขึ้นบนหลังคารถไฟก็จะเห็นเครื่องบิโดยสารกำลังตก จากนั้นดึงตัวเข้าไปยังซอยแห่งหนึ่งแล้วขึ้นไปตามตึกจนถึงดาดฟ้า Ada จะเห็น Jake และ Sherry กำลังสู้กับ เจ้า B.O.W เลื่อยโหด เลื่อยโหดอยู่ ใช้สไนเปอร์ยิงช่วยพวก Jake และ Sherry จนสามารถช่วย Sherry เอาไว้ได้ ที่ยอดตึก Ada จะเห็น Ada อีกคนขับรถหนีการไล่ล่าของ Chris มุ่งหน้าไปที่ท่าเรือใหญ่ Ada จึงใช้เจ็ทสกีที่จอดอยู่ขี่ตามไปทันที


Ada Wong Chapter 4: Ada’s Demise

Ada ขี่ เจ็ทสกี ตาม Ada อีกคนมาจนถึงเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ ลอบเข้าไปด้านในจนถึงประตูรหัสที่ต้องการใช้ Pass code 3 อัน ซึ่งทั้ง 3 อันจะอยู่ในตัวพวก B.O.W ต่างๆที่เป็นจุดแดงในเรือนี้ ตามไปจัดการมันแล้วเก็บมาให้ครบ อย่าลืมแวะเก็บปืน Bear Commander ในห้องมาด้วย ในเรือจะค่อนข้างซับซ้อนและมีพวกศัตรูออกมาตลอดทางด้วย หลังจากเก็บมาครบแล้วนำกลับมาใส่ประตูรหัส เปิดเข้าไปด้านในตามทางจนพบกับทีมของ Chris กำลังตาม Ada ตัวปลอมพอดี Ada จึงรีบหนีเข้าไปด้านในทันที ผ่านออกมานอกเรือพยายามหลบไฟ Spotlight เอาไว้เพราะถ้าโดนพบศัตรูจะออกมามากมายเลย ลอบเข้าไปตามท่อระบายอากาศด้านบนจนถึงทางขึ้นดาดฟ้า จัดการศัตรูแล้วขึ้นไปจนถึงห้องพักของ Simmons ที่ด้านบน Ada จะเข้าไปค้นจะเจอข้อมูลการสร้าง Project Ada ที่เธอต้องตกใจเพราะ ร่างที่ใช้ทำ Ada อีกคนก็คือร่างของ Carla เมียของ Simmons นั่นเอง จากนั้นออกมานอกเรือจะพบ Ada อีกคนโดนยิงจนตกลงไปกระแทกพื้นด้านล่าง Ada จึงรีบตามลงไปดูที่ศพด้านล่าง เธอเข้ามาตรวจสอบศพและบ่นด้วยความสงสาร Carla ที่โดนทำแบบนี้


แต่ร่างของ Carla กลับยังไม่ตาย เธอกำลังเข้าสู่การฝักตัวเพื่อเกิดใหม่ Carla ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้นเธอบอกว่า เธอเป็น Ada ตัวจริงและตัวจริงอย่างเธอไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร Ada มองดูการเปลี่ยนแปลงได้ไม่นานก็ต้องรีบหนีเข้าไปในเรือเพราะร่างของ Carla เริ่มที่จะขยายขนาดใหญ่โตเป็นเมือกเหนียวขนาดมหึมาแล้ว ร่างของ Carla ขยายจนบีบเรือทั้งเรือเข้ามาด้านในได้ทั่วไปหมด พยายามหนีเข้าด้านในเมื่อโดนพุ่งเข้ามาโจมตีก็ยิงถังไนโตรเจนเหลวทำลายมัน รีบหนีเข้ามาถึงลิฟต์ด้านในจะพบกับหัวของ Carla ที่มาดักปิดทางเอาไว้ ยิงที่ตามันทั้ง 2 ข้างก่อนแล้วก็ยิงแบบต่อเนื่องไปที่หัวทันเรื่อยๆจนกว่ามันจะเป็นรูโบ๋เห็นถังไนโตรเจนเหลวที่อยู่ด้านหลังจัดการยิงมันให้ระเบิดก็จะกำจัดมันได้ ขึ้นลิฟต์ไปด้านบนจนถึงลานจอดเฮลิคอปเตอร์ Ada จะใช้ขับหนีออกจากที่นี่ในขณะที่ทีมของ Chris ก็ขังเครื่องบิไอพ่นออกจากที่นี่เช่นเดียวกัน


Ada Wong Chapter 5:What’s Next

1 กรกฎาคม 2013 ….  เมือง Tatchi ประเทศจีน  Ada ขับเฮลิคอปเตอร์ดูความโกลาหลของเมืองที่กำลังลุกเป็นไฟกับฝูงซอมบี้มากมายจนพบ Leon และ Helena กำลังโดนฝูงซอมบี้ล้อมอยู่ ใช้ปืนกลของ ฮ.ช่วยยิงจัดการพวกมันให้หมดจน Leon เดินทางต่อได้ จากนั้นเมื่อบินต่อไปก็จะพบ Simmons ที่กลายร่างเป็นไดโนเสาร์เข้าโจมตีใส่

Leon และ Helena ช่วยยิงถล่มใส่ Simmons จนมันล้มลง จากนั้นบินขึ้นไปตามยอดตึกจะพบกลุ่มชาวบ้านมากมายที่กำลังโดนซอมบี้ทำร้าย พยายายิงช่วยพวกเขาทุกจุดจนเกิดการระเบิดทำให้ยอดเสาสายล่อฟ้าหักลงไปปักที่พื้นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ จัดการยิงทำลายฝูงวอมบี้ที่ลานจอดให้หมดแล้ว Ada จะเอาเฮลิคอปเตอร์ลงจอดทิ้งไว้ให้ Leon พร้อมปืน RPG กับข้อมูลลับทั้งหมด ก่อที่จะลุยเข้าไปที่ตึกด้านใน จนพบ Simmons ที่กำลังปีนตึกไล่ล่า Leon และ Helena จากจุดที่ลิฟต์ถูกทำลาย Ada จึงพยายามยิงช่วยจนตกลงไปเผชิญหน้ากับ Simmons ที่เครน พยายามสู้กับมันไปเรื่อยๆแต่ Ada ก็จะโดนซัดจนสลบในขณะที่ Leon ก็จะโดดมาประคองและช่วยเธอเอาไว้ เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็ลุกขึ้นมาสู้ไปพร้อมๆกัน Leon , Ada และ Helena ร่วมมือกันสู้ Simmons ร่วมกันจนสามารถทำให้มันร่วงลงไปในกองไฟได้สำเร็จ ในขณะที่ Ada กำลังจะหนีอีกครั้ง Leon พยายามตะโกนถามเธอว่า เธอเป็นอะไรกันแน่ และทำไมถึงช่วยพวกของ Leon ตลอด แต่ Ada ส่งข้อความมาบอกแค่ว่า ตอนนี้ไม่มีเวลาจะคุยด้วยได้นาน แต่ก็ได้ทิ้งของขวัญชิ้นสำคัญไว้ให้บนดาดฟ้าแล้ว


Ada เข้าไปจนถึงห้องข้อมูลหลักของ Neo Umbrella ในตึกจะพบข้อมูลของ Carla ที่ดูเหมือจะร้ายพอๆกับ Ada ตัวจริงเลย เธอเองก็มีความคิดที่จะเป็นใหญ่ไม่ต่างอะไรกับ Simmons เธอจึงหักหลังและแอบทำการวิจัย Project อักอันซ้อนขึ้นมา ในเมือตัวเธอถูก Simmons ทำร้ายจนโดนจับมาทดลองเธอเองก้นำยีนของ Simmons มาสร้างเป็น B.O.W ตัวใหม่บ้างเป็นการตอบแทนความแค้น หลังจากดูจบ Ada ก็มองไปที่รูปของ Simmons และ Carla ที่กำลังลุกไหม้ด้วยความเศร้า เะอเดินเข้าไปในห้องทดลองก็จะพบ B.O.W ตัวใหม่ที่วากำลังเริ่มฝักตัวออกมาแล้ว Ada บอกกับสิ่งนั้นว่า ยิ่งเราห่างไกลจากความเห็นใจกันมากเท่าไหร์ เราก็ยิ่งห่างไกลมนุษย์ธรรมมากเท่านั้น ก่อนจะยิงร่างทดลองนั้นและทุกอย่างในห้องทดลองนี้จนระเบิดไหม้เป็นจุลไปทั้งหมดทันที


ในประเทศในตะวันออกกลางที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง เด็กน้อยกำลังหลบซ่อนในกระท่อมด้วยความหวาดกลัวกับเหล่า B.O.W ที่กำลังย่างกรายมาถึง เด็กน้อยพบชายคนนึงที่สวมผ้าคุมแอบอยู่ในบ้าน เขาบอกกับเด็กน้อยว่า ชั้นแน่ใจว่าเราอาจจะตกลงกันได้น๊ะ เด็กน้อยยื่นแอปเปิลที่มีเพียงลูกเดียวให้เขาเป็นค่างจ้างที่จะให้ช่วย และบอกว่าคุณสัญญาได้มั๊ยว่าจะช่วยผม  ชายในผ้าคลุมหัวเราะเบาๆก่อนเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับ B.O.W ที่ด้านนอก ผ้าคลุมถูกสบัดหลุดออกเผยให้เห็นหน้า Jake Muller ที่พร้อมรบเต็มที่ Jake บอกกับเด็กไปว่า ก็ยุติธรรมดีไอ้หนู ก็ยุติธรรมดี ก่อนที่จะกัด แอปเปิล ไปยิงไปอย่างเมามัน
จุดประสงค์ใหม่ของชะตากกรมแห่งผู้สืบทอดสายเลือด Albert Wesker ได้เริ่มต้นแล้ว
Resident evil 6




Campaign Skill



Firepower Lv. 1  -   เพิ่มพลังโจมตีของปืนทุกชนิด

Firepower Lv. 2   – เพิ่มพลังโจมตีของปืนทุกชนิดมากขึ้น

Firepower Lv. 3   -  เพิ่มพลังโจมตีของปืนทุกชนิดสูงสุด.



Melee Lv. 1  -  เพิ่มพลังการโจมตีด้วยมือเปล่า .

Melee Lv. 2   -  เพิ่มพลังการโจมตีด้วยมือเปล่า มากขึ้น

Melee Lv. 3  -  เพิ่มพลังการโจมตีด้วยมือเปล่าสูงสุดและเพิ่มคอมโบ FALCON PUNCH.



Defense Lv. 1  - เพิ่มพลังป้องกัน

 Defense Lv. 2  -  เพิ่มพลังป้องกันมากขึ้น

Defense Lv. 3  -  เพิ่มพลังป้องกันสูงสุด



Lock-On Lv. 1 – ลดการแกว่งไปมาของมือในตอนเล็งยิงและเพิ่มระยะในการอาวุธปืน

Lock-On Lv. 2 -  ลดการแกว่งไปมาของมือในตอนเล็งยิงมากขึ้นทำให้เล็งเป้ามหายได้แม่นยำมากขึ้น

Lock-On Lv. 3 - เพิ่มความแม่นยำของการยิงปืนสูงสุด



Rock Steady Lv. 1 – เพิ่มทักษะการใช้อาวุธปืน

Rock Steady Lv. 2  - เพิ่มทักษะการใช้อาวุธปืนและความแม่นยำมากขึ้น.

Rock Steady Lv. 3  - เพิ่มทักษะการใช้อาวุธปืนระดับสูงสุด ทำให้สามารถใช้ระบบ Semi Auto Shot เล็งยิงเป้าตามตัวศัตรูแบบอัตโนมัติได้



Critical Hit Lv. 1 -  เพิ่มอัตราการเกิด Critical Hit แบบนัดเดียวจอด

Critical Hit Lv. 2  - เพิ่มอัตราการเกิด Critical Hit และความรุนแรงของ Head Shot มากขึ้น

Critical Hit Lv. 3  - เพิ่มอัตราการเกิด Critical Hit และความรุนแรงของ Head Shot ระดับสูงสุด



Piercing Hit Lv. 1  - เพิ่มระยะการยิงของอาวุธปืน

Piercing Hit Lv. 2  -  เพิ่มระยะการยิงของอาวุธปืนมากขึ้น

Piercing Hit Lv. 3  -  เพิ่มระยะการยิงของอาวุธปืนระดับสูงสุด



J'avo Killer Lv. 1 – เพิ่มความเสียหายกับศัตรูประเภท J'avo

J'avo Killer Lv. 2  - เพิ่มความเสียหายกับศัตรูประเภท J'avo มากขึ้น

J'avo Killer Lv. 3 -  เพิ่มความเสียหายกับศัตรูประเภท J'avo สูงสุด



Zombie Killer Lv. 1 - เพิ่มความเสียหายกับศัตรูประเภท Zombie

Zombie Killer Lv. 2 – เพิ่มความเสียหายกับศัตรูประเภท Zombie มากขึ้น

Zombie Killer Lv. 3 –  เพิ่มความเสียหายกับศัตรูประเภท Zombie สูงสุด



Eagle Eye – เพิ่มความแม่นยำให้กับการใช้ปืนประเภท sniper rifles.



Quick Reload - เพิ่มความเร็วในการเติมกระสุนให้เร็วขึ้น



Last Shot – เพิ่มความรุนแรงให้กับกระสุนนัดสุดท้ายที่ออกจากแม็กในทุกๆการยิง



Shooting Wild  - เพิ่มความรุนแรงในการยิงปืนสูงสุด แต่ไม่มีเป้าเล็งขึ้นให้



Combat Gauge Boost Lv. 1  -  เพิ่ม Action gauge อีก  3 บล็อก

Combat Gauge Boost Lv. 2  -  เพิ่ม Action gauge เต็ม 10 บล็อก



Recovery Lv. 1  - เพิ่มความเร็วในการใช้ไอเทมเติมพลังในช่วงใกล้ตาย

Recovery Lv. 2 -  เพิ่มความเร็วในการใช้ไอเทมเติมพลังในช่วงใกล้ตายมากขึ้น

Recovery Lv. 3 – เพิ่มความเร็วในการใช้ไอเทมเติมพลังในช่วงใกล้ตายสูงสุด



Team Up  - เพิ่มความแข็งแกร่งเมื่อเพื่อนร่วมทีมในขณะที่ร่วมสู้อยู่ใกล้กันให้มากขึ้น



Field Medic Lv. 1  -  เพิ่มความเร็วของเพื่อนร่วมทีมในการเข้าช่วยเหลือเวลาที่เรานอนรอความตาย

Field Medic Lv. 2  - เพิ่มความเร็วของเพื่อนร่วมทีมในการเข้าช่วยเหลือเวลาที่เรานอนรอความตายมากขึ้น

Field Medic Lv. 3  - เพิ่มความเร็วของเพื่อนร่วมทีมในการเข้าช่วยเหลือเวลาที่เรานอนรอความตายสูงสุด



Lone Wolf  - เพิ่มความสามารถในการเอาตัวรอดเวลาสู้คนเดียวหรือตอนที่อยู่ห่างจากคู่ให้มากขึ้น


AR Ammo Pick-up เพิ่มจำนวนกระสุนของปืน AR ให้มากขึ้น

Shotgun Shell Pick-up เพิ่มจำนวนกระสุนของปืน Shotgun ให้มากขึ้น

Magnum Ammo Pick-up เพิ่มจำนวนกระสุนของปืน Magnum ให้มากขึ้น

Rifle Ammo Pick-up เพิ่มจำนวนกระสุนของปืน Rifle ให้มากขึ้น

Grenade Pick-up เพิ่มจำนวนกระสุนของปืน Grenade Launcher ให้มากขึ้น

Arrow Pick-up เพิ่มจำนวนลูกดอกของหน้าไม้ ให้มากขึ้น.



Skill ที่ได้หลังจบเกมส์

Infinite Handgun – ราคา 79,000 - ปืน Handgun กระสุนไม่มีวันหมด

Infinite Shotgun - ราคา 89,000 - ปืน Shotgun กระสุนไม่มีวันหมด

Infinite Magnum – ราคา 99,000 - ปืน Magnum กระสุนไม่มีวันหมด

Infinite Sniper Rifle - ราคา 79,000 - ปืน Sniper Rifle กระสุนไม่มีวันหมด

Infinite Machine Pistol - ราคา  89,000 - ปืน Machine Pistol กระสุนไม่มีวันหมด.

Infinite Assault Rifle - ราคา  89,000 - ปืน Assault Rifle กระสุนไม่มีวันหมด

Infinite Grenade Launcher – ราคา 99,000 -  ปืน Grenade Launcher กระสุนไม่มีวันหมด

Infinite Crossbow - ราคา 79,000 -  หน้าไม้ Crossbow  ลูกดอกไม่มีวันหมด





Monday, July 15, 2013

Final Fantasy XIII

Game Final Fantasy XIII


 Final Fantasy XIII




Chapter 1
สถานที่ :  (Hanged Edge) ทางเชื่อมต่อระหว่างโคคูนกับโลกเบื้องล่าง

รถไฟขบวนใหญ่กำลังขนผู้โดยสารจากมหานครลอยฟ้า "โคคูน" ไปยังดวงดาวอีกดวงที่ล่องลอยอยู่ข้างใต้ซึ่งมีชื่อว่า "พัลส์" ผู้โดยสารพวกนี้เป็นชาวเมืองโบดัมที่ถูกรัฐบาลของโคคูนต้องสงสัยว่าจะมีลูซิ ของพัลส์ปะปนอยู่ ซึ่งการจะแยกว่าใครคือลูซิของพัลส์นั้นเป็นเรื่องยาก  ทางรัฐบาลจึงมีคำสั่งให้ส่งคนทั้งเมืองไปยังโลกเบื้องล่างซะ

ซัสซ์ ได้ติดตามรถไฟขบวนนี้มา เพราะเขารู้ว่ารถไฟขบวนนี้นอกจากจะขนผู้โดยแล้ว ยังได้ขนเอา "วัตถุโบราณสถานแห่งพัลส์" ที่เคยตั้งอยู่ในโคคูนออกมาด้วย เขาเชื่อว่าภาย ในวัตถุโบราณสถานนั้น มีลูซิของพัลส์ ซึ่งเป็นศัตรูของลูกชายของเขาอยู่ หากเขาสามารถกำจัดลูซิของพัลส์ที่อยู่ใน วัตถุโบราณสถานดังกล่าวได้ ลูกชายของเขาที่เป็นลูซิของโคคูน ก็จะกลายเป็นคริสตัล ได้รับความเป็นอมตะชัวนิรันดร์ และนั่นก็คือเป้าหมายในตอนนี้ของซัสซ์

อีกทางด้านหนึ่ง ไลท์นิ่ง เจ๊เครียด ซือเจ๊  ก็ร่วมมือกับซัสซ์เข้ามาในรถไฟขบวนนี้ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป น้องสาวของเธอที่มีชื่อว่าเซร่า ได้กลายเป็นลูซิของพัลส์ และได้ติดอยู่ในโบราณสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าโบราณสถานแห่งนั้นก็กำลังโดนขนเอาไปทิ้งยังพัลส์ ดังนั้นเธอจึงลอบเข้ารถไฟขบวนนี้มาเพื่อตามหาน้องสาวของเธอ

เมื่อเวลาอันควรมาถึง ซัสซ์และไลท์นิ่งก็อาละวาดบนรถไฟ พวกเขาพากันช่วยเหลือผู้โดยสารที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร
แต่ในไม่ช้าทางรัฐบาลก็ส่งกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง PSICOM มาหยุดยั้งพวกไลท์นิ่ง

เริ่มมาเราต้องสู้กับ BOSS (2 รอบ) มานาสวิน แล้วตามด้วยสู้ BOSS ไซค่อม 2 คน กับหัวหน้าหน่วยทหารไซค่อม
ปราบได้แล้วตัดไปทางชายหนุ่มเลือดร้อนที่มีชื่อว่าสโนว ชายผู้นี้ติดตามรถไฟขบวนดังกล่าวมาด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไปเช่นกัน สโนวนั้นเป็นหัวหน้ากลุ่มโนระที่มีอุดมการณ์แรงกล้าที่จะช่วยเหลือผู้คนทั่ว ไป ดังนั้นเขาจึงอยากจะมาช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ที่กำลังจะโดนถีบส่งไปยังโลก เบื้องล่าง แต่นอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว สโนวที่เป็นแฟนหนุ่มของเซร่า ก็ยังเดินทางมาที่นี้เพื่อช่วยเหลือเซร่าด้วยเช่นกัน

สโนวและพวกพยายามช่วยเหลือผู้คนที่รอดชีวิตจากรถไฟมาได้ และได้มอบอาวุธให้คนเหล่านั้นสู้กับทางรัฐบาล ซึ่งคุณแม่ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ยินดีจับปืนลุกขึ้นสู้ รวมถึงหนูน้อยผมสีส้มด้วย

ในตอนนี้เพื่อนร่วมทีมจะเปลี่ยนเป็น สโนว (ผู้นำ), กาโด (สมาชิก), เลโบร (สมาชิก) ให้เราเดินไปตามทาง ซักพักจะต้องต่อสู้กับ BOSS: เบฮีมอธไค

พอเรา ชนะเบฮีมอธได้ จะเกิดเหตุการณ์ที่ทางรัฐบาลยิงระเบิดตูมๆ ใส่จนสะพานขาด ผู้คนจะตกสะพานตายไปมากมาย รวมถึงแม่ของเด็กคนนั้นด้วย เหตุการณ์นี้ทำให้เด็กคนนั้นช็อคมาก ส่วนเจ้าสโนวก็พลัดตกไปกับบเขาด้วย ทว่าด้วยพลังของความเป็นพระเอก จึงทำให้เขารอดตายมาได้
จากนั้นฉากจะตัดกลับมาที่ไลท์นิ่งกับซัสซ์ ที่กำลังหาทางเอาตัวรอดอยู่ วิ่งไปตามทางแล้วสู้ BOSS: หุ่นยนต์กรีเกอร์

ตัดไปทางสโนวกับกาโด ที่ตกสะพานมาด้วยกัน แต่ก็รอดทั้งคู่ ให้ทั้งสองช่วยกันแหวกองทัพ PSICOM ไปจนสุดทาง จะเจอยาน ใช้ขี่กลับไปรวมกลุ่มกับพวกคนอื่นๆ พอเห็นว่าคนทั้งหมดปลอดภัยดีแล้ว สโนวจึงขอแยกตัวไปตามหาเซร่าคนเดียว 


อีกทางด้านหนึ่งเด็กหนุ่มที่พึ่งสูญเสียแม่ไปก็กำลังขวัญเสีย เด็กผู้หญิงผมสีส้มอีกคนหนึ่งจึงเจ้ามาปลอบโยนทั้งทางจิตใจ
ทั้งสองแนะนำตัวซึ่งกันและกัน และพยายามหาทางหนีไปด้วยกัน ทั้งคู่ได้เจอกับยานลำหนึ่งที่กาโดขี่มา และใช้มันขับหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุ จบ Chapter 1 ครับผมทานผู้ชม


Chapter 2
สถานที่ : ???????

โฮปขับยานร่วงจนพลาดตกเข้าไปในโบราณสถานลึกลับ.... ทั้งสองพยายามหาทางออกไปด้วยกัน เดินไปเดินมาก็ไปเจอกับสโนวที่กำลังตามหาเซร่า ตอนแรกสโนวบอกให้ทั้งสองคนเอาตัวรอดกันเอง ส่วนเขาจะไปช่วยเซร่า แต่พอเดินทิ้งระยะไปได้ซักหน่อย สโนวก็เดินกลับมาบอกว่าเค้าต้องปกป้องทุกคนนี่หว่า

อีกทางด้านหนึ่งไลท์นิ่งและซัสซ์ก็เดินมั่วมาจนได้พบกับเซร่า พอซัสซ์เห็นสัญลักษณ์ของลูซิบนแขนของเซร่า เขาก็กำปืนไว้แน่นหมายจะปิดชีพเซร่าที่เป็นศัตรูของลูกเค้าซะ ทว่าไลท์นิ่งไม่ยอมประกอบกับสโนวและเด็กนรกอีก 2 คนก็ตามมาสมทบพอดี ตอนนี้เซร่าดูหมดสภาพมาก ไลท์นิ่งเลยโทษว่าที่เซร่าต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะสโนว ทว่าเซร่ากลับพูดปกป้องสโนว และขอฝากสโนวให้ช่วยปกป้องโคคูนด้วย สโนวที่ได้ยินคำสั่งเสียของโคคูน ก็รับปากว่าเขาจะปกป้องโคคูนของเซร่า ปกป้องทุกๆ คนให้ได้


ในไม่ช้าเซร่าก็กลายเป็นคริสตัลไป ทำให้พวกไลท์นิ่งเสียใจมาก ด้านหน้าของพวกเขาคือห้องที่ฟัลซิประจำโบราณสถานแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ พวกเขาเดินเข้าไปหมายจะขอร้องให้ฟัลซิคืนสภาพให้เซร่า สโนวก็ก้มหัวขอร้องฟัลซิอนิม่าซึ่งเป็นเจ้าที่แห่งนี้แต่โดยดี ทว่าอนิม่ากลับไม่ตอบรับใดๆ ไลท์นิ่งเลยโมโหและเอาดาบเข้าไปฟันใส่อนิม่า ทำให้อนิม่าหันมาสู้กับทุกคนแทน

BOSS (ฟัลซิอนิมา มี 3 ส่วน เราต้องโจมตีทีละส่วน
วิธีการชนะ ให้ตัดแขนสองข้างของมันออกก่อน แล้วมันจะกลายเป็นศัตรูที่ อ่อนทันที

พอชนะแล้วอนิม่าจะเผยร่างจริงออกมา ก่อนที่มันจะระเบิดตัวเอง มันได้สาปให้ทุกคนในที่นี้กลายเป็นลูซิ ทาสรับใช้ของฟัลซิที่มีชีวิตอยู่เพื่อรอความตาย ลูซินั้นมีหน้าที่ทำภารกิจที่ฟัลซิประสงค์ให้สำเร็จ ถ้าทำได้ก็จะกลายเป็นคริสตัล ถ้าทำไม่ได้ในเวลาที่กำหนดก็กลายร่างเป็นมอนสเตอร์ดีๆ นี่เอง

หลังจาก อนิม่าระเบิดไปแล้ว แรงระเบิดดังกล่าวส่งผลให้ทะเลสาบบิลจ์ ที่อยู่รอบบริเวณนั้นกลายเป็นน้ำแข็ง ไปอย่างน่าอัศจรรย์ จบ Chapter 2


Chapter 3
สถานที่ : ทะเลสาบต้องสาป บิลจ์

สโนวที่โดนแรงระเบิดเข้าไป ฝันถึงเหตุการณ์ 11 วันก่อนหน้านั้น ตอนนั้นเขาซื้อสร้อยคอไปเป็นของขวัญให้กับเซร่า และคุกเข่าขอเซร่าแต่งงาน ซึ่งเซร่าก็ดีใจมากและตอบรับทันที จากนั้นสโนวก็พาเซร่าไปดูเทศกาลดอกไม้ไฟด้วยกัน แล้วก็โชว์เลิฟซีนแบบแว้นซ์ๆ ประกอบเพลง Eternal Love

กลับมาที่ปัจจุบัน ทุกคนฟื้นขึ้นมาและพบว่าเจอศัตรูล้อมอยู่ ในตอนนี้ทุกคนสามารถปล่อยเวทมนต์ออกไปได้แล้ว ตอนแรกแต่ละคนก็ตกใจมาก โฮปโพล่งขึ้นมาว่ามันคือเวทมนต์ยังไงล่ะ พวกเราโดนสาปเป็นลูซิกันถ้วนหน้าแล้ว จากนั้นระหว่างสู้จะมีการสอนใช้ระบบ Optima Crystallium อีกทั้งตอนนี้ไลท์นิ่งยังมีเกจ ATB เพิ่มมาเป็น 3 ช่องแล้วด้วย

ระหว่างทางโฮปจะเริ่มบ่นว่าที่ทุกคนต้องลำบากแบบนี้ก็เพราะสโนวคิดจะไป ช่วยเซร่าอะไรนั่นท่าเดียว ทำให้ไลท์นิ่งและสโนวโกรธมาก เล่นเอาเจ้าโฮปซ็อตไปเลย.... ทีนี้วานิลลาก็ชวนคุยว่าเมื่อพวกเรากลายเป็นลูซิแล้ว ภารกิจที่ฟัลซิมอบให้พวกเราคืออะไร ว่าแล้วสโนวกับไลท์นิ่งที่เห็นภาพนิมิตก็พูดพร้อมกันว่า "แร็คนาร็อค" ก่อนอื่นพวกเขาต้องตามหาแร็คนาร็อคแล้วทำอะไรกับมันซักอย่าง

เดินทางไปต่อ สโนวก็จะแนะนำตัวและถามชื่อทุกๆ คน แต่ไลท์นิ่งไม่ยอมพูดกับใคร พอวานิลลาถามชื่อของเจ๊ เจ๊ก็ไม่ตอบ สโนวเลยแนะนำตัวแทนให้ว่า นี่ไลท์นิ่งจากโบดัม นามสกุลฟารอน ชื่อจริงทิ้งไปแล้ว

ต่อมาทุกคนจะพบเซร่าร่างคริสตัลที่กระเด็นออกมาด้วย ทุกคนพยายามช่วยแซะผลึกคริสตัลออกมา พอไลท์นิ่งเห็นแล้วก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ก็เลยปลีกตัวออกมา สโนวถามว่าทำไมไม่มาช่วยด้วยกันล่ะ ไลท์นิ่งซึนเดเระก็ตอบว่าทหารไซค่อมกำลังมาที่นี่ ทำให้ไลท์นิ่งกับสโนวทะเลาะกันจนสโนวโดนต่อยไป 2 ที แล้วบอสก็ดันโผล่มาพอดี

BOSS: (มานาสวินร่างใกลพัง แต่ดันโหดกว่า้เดิมหลายเท่าตัว)
เลเซอร์จากคริสตัลเลนส์ของมันทำความเสียหายหนักมาก ยังไงต้องใช้วานิลลาเป็นตัวยืน Healer ไว้ตลอด จากนั้นเวลาปกติให้ไลท์นิ่งเล่นสาย Blaster ทำเชนรัวๆ ใส่มัน แล้วสโนวเป็น Attacker ต่อยเอาดาเมจ ถ้าเห็นมันกำลังจะใช้ท่าไม้ตาย ให้เรารีบเปลี่ยนสโนวมาเป็น Defender ไลท์นิ่งก็ช่วยโยนโพชั่นด้วย ก็จะเอาชนะได้ไม่ยากครับ

พอชนะแล้ว ไลท์นิ่งจะปล่อยสโนวทิ้งไว้ที่นี่ ทุกคนก็เลือกที่จะตามไลท์นิ่งไป ปล่อยสโนวอยู่กับเซร่าเพียงลำพัง

ตอนนี้ปาร์ตี้กลายเป็นไลท์นิ่ง วานิลลา ซัซส์ ให้เราไปตามทางจนสู้บอส BOSS:เบฮีมอธสีเขียว จากนั้นเดินทางต่อเราจะเห็นพวกทหารอีกกลุ่มที่ลงเครื่องมาตามล่าพวกเราโฮปเลยบอกว่าก็ลูซิอย่างพวกเราน่ะมันไม่ใช่คนแล้วนี่ทำให้
วานิลลา ที่ได้ยินไม่พอใจ เธอบอกว่าถึงจะโดนสาปแต่ก็ต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้ เราจะเดินทางต่อกันจนเจอโบราณสถานแห่งหนึ่ง ด้านในนั้นจะมี
BOSS: (นกการูล่า) ปรากฏตัวออกมา มันมี 2 ร่างด้วยกัน จุดอ่อนของมันเป็นธาตุลม ให้วานิลลาใช้แอโร่รัวๆ ใส่มันก็จะชนะ แล้วซัสซ์ก็จะได้ Rolne Enhancer ส่วนวานิลลาได้ Jammer มาเพิ่ม

ทีนี้พวกเราก็จะเจอเครื่องบินจอดอยู่ในโบราณสถาน ซัสซ์ที่เป็นนักบินเลยอาสาขับยานพาทุกคนออกไปจากที่นี่เอง

เสร็จแล้วกลับไปทางสโนวที่อยู่คนเดียว เขายังคงหาทางช่วยเซร่าไม่เลิก จนสุดท้ายก็โดนพวกทหารเข้ามาล้อม สโนวพยายามสู้กับทหารแต่ก็สู้ไม่ไหว ทันใดนั้นรอยสักของเขาก็เปล่งแสงออกมา แล้วศิวะนิกซ์กับสตีเรียก็ปรากฏกายขึ้น ทั้งสองช่วยกันจัดการทหารจนหมด จากนั้นศิวะก็หันมาสู้กับสโนวซะเอง

BOSS: (ศิวะนิกซ์) การต่อสู้กับศิวะนั้นเป็นการสู้เพียงให้ศิวะยอมรับเราเท่านั้น ศิวะสตีเรียจะคอยเติมพลังให้เราตลอด ฉะนั้นเราจะไม่มีวันตาย สิ่งที่เราต้องทำในการต่อสู้นี้คือให้ทนรับการโจมตีของนิกซ์ไปเรื่อยๆ เมื่อโดนโจมตีมากๆ จนไดรฟ์เกจของศิวะเต็มแล้วให้เรากดสี่เหลี่ยม ก็จะจบการต่อสู้ ในการสู้นั้นมีเทคนิคเพียงว่าให้เราเปลี่ยนไปใช้ Role แบบ Defender และให้สโนวใช้ท่า  (ไลฟ์การ์ด) ไปเรื่อยๆ ในจุดนี้ตัวเกมเหมือนจะสอนเราคลายๆ ว่าสโนวเป็นคนที่เล่นบท Defender ได้ดีที่สุดนั่นเอง

เมื่อชนะแล้วเราจะได้ศิวะมา และสโนวจะได้ไดรฟ์เกจเพิ่ม 1 ช่อง สโนวจะหมดแรงล้มลงไป ทำให้ผู้นำของกองทัพอากาศ 2 คนที่มีชื่อว่าฟางกับริกดี้เดินเข้ามาประชิดตัวสโนวได้ ฟางที่เป็นผู้หญิงใช้สันมือฟันสโนวจนสลบ แล้วก็สั่งให้ทหารหิ้วสโนวและเซร่าขึ้นเครื่องบินไป จบ Chapter 3



Chapter 4
สถานที่ :  ไวลด์พีค

ซัสซ์ขับยานพาไลท์นิ่งและพวกขึ้นมาจากโลกด้านล่าง ระหว่างทางเข้าก็เจอทหาร PSICOM ไล่ยิงตลอดทาง แต่ก็อาศัยความสามารถจนรอดมาได้ พอมาถึงที่ปลอดภัยแล้วทุกคนก็เปิด TV 4 มิติดู แล้วก็พบการปราศรัยของกาเรนธ์ ไดสรี่ซึ่งเป็นผู้นำของรัฐบาล ซึ่งไดสรี่บอกว่าคำสั่งทั้งหมดที่ให้ขับไล่ผู้คนที่มีแววจะเป็นคนของพัลส์ ออกไปจากโคคูนนั้น เป็นบัญชาของฟัลซิเอเดน ทุกคนในยานดูแล้วก็เครียดไปตามๆ กัน มีแต่วานิลลาที่ถามแบบบ้องแบ้วว่าคนๆ นี้เป็นใครกันเหรอคะ...

ยานบินต่อมาอีกซักพักก็เจอแสงของฟัลซิที่ลอยอยู่บนฟ้าส่อยจนร่วงลงกับ พื้น ทุกคนจะสลบไป มีเพียงไลท์นิ่งที่ฟื้นขึ้นมา ในตอนนั้นมีศัตรูล้อมรอบทุกคนอยู่มากมาย แต่ไลท์นิ่งก็ไม่กล้าปลุกใคร เลยพยายามสู้คนเดียว แต่พอวานิลลาฟื้นขึ้นมาเธอก็รีบปลุกซัสซ์ให้รีบไปช่วยสู้ พอเหตุการณ์สงบแล้วพวกนี้ก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มทางใครทางมัน วานิลลาก็อยู่กับซัสซ์ ส่วนไลท์นิ่งนั้นอยากแยกตัวไปคนเดียวแต่เจ้าโฮปมันดันเดินตามตูดต้อยๆ ไป

จากนั้นก็มีการย้อนอดีตถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ 3 วันก่อน ตั้งแต่เทศกาลดอกไม้ไฟที่ไลท์นิ่งไปเฝ้ายามด้วย วานิลลาก็ไปดูเช่นกัน แต่พอมีคำสั่งให้ขับไล่คนไปยังพัลส์ ไลท์นิ่งก็มาบอกกับพวกทหาร PSICOM ว่าตนจะลงไปยังโลกเบื้องล่างด้วย ในตอนที่ต่อคิวตรวจร่างกายอยู่นั้นเธอก็ได้พบกับซัสซ์ที่เข้ามาทำความรู้จักกับเธอ ที่เล่ามานี้ไลท์นิ่งเพียงต้องการบอกโฮปว่าเธอเสี่ยงชีวิตมาเพื่อช่วยเซร่า ที่เป็นน้องสาวของเธอ โฮปบ่นว่าไลท์นิ่งมาทั้งที่ไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้เนี่ยนะ แต่ไลท์นิ่งบอกว่าได้ไม่ได้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ แล้วเธอก็เร่งสปีดหนีไป ทิ้งโฮปไว้คนเดียว

ต่อมาซัสซ์กับวานิลลาก็มาเจอโฮปที่โดนทิ้งอยู่คนเดียว โฮปก็นั่งบ่นถึงแม่ไปเรื่อยๆ วานิลลาเลยถามว่าแล้วพ่อของเธอล่ะ น่าจะกลับบ้านไปหาพ่อนี่นา? โฮปก็เลยนึกถึงอดีต 3 วันก่อนที่เขาไปดูดอกไม้ไฟกับแม่ เดิมทีพ่อก็บอกว่าจะมาดูได้ แต่พ่อก็ไม่มาตามนัดเพราะติดงาน ทำให้โฮปเสียใจและไม่ชอบใจพ่อที่ไม่เคยมีเวลาให้ครอบครัว ทำให้เขาไมอยากลับไปหาพ่อ ซัสซ์ฟังแล้วก็เศร้าเพราะตัวเขาเองก็อยากเจอลูกชายเหมือนกัน

ทั้งสามเดินทางต่อจนไปเจอกับไลท์นิ่งที่รออยู่ด้านหน้า วานิลลาชวนให้ไลท์นิ่งไปด้วยกันสิ ไลท์นิ่งไำม่ตอบอะไรแต่ก็ยอมเดินทางไปด้วย ให้เราไปต่อแล้วจะเจอ BOSS: (เดรดนอร์ท) มันมีสองร่างด้วยกัน พอชนะร่างแรกมันจะยิ่งพื้นจนถล่ม เราก็สู้ต่อร่างสอง พอชนะแล้วซัสซ์จะได้ Role Attacker มา ไลท์นิ่งจะได้ Healer และตอนนี้เราจะเข้าคำสั่งแต่งอาวุธที่จุดเซฟได้แล้ว

เดินไปจนถึงสุดทาง ไลท์นิ่งจะบอกว่าในเมื่อต้นตอของความวิบัติก็คือฟัลซิของพัลส์ และฟัลซิของทางรัฐบาล ดังนั้นเธอก็จะขยี้พวกมันให้หายไปทั้งหมดซะ ใครจะเป็นยังไงเธอไม่สนใจหรอก ซัสซ์บอกว่าจะทำแบบนั้นด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก! วานิลลาก็บอกว่าไม่ได้นะ เซร่าบอกให้เราปกป้องโคคูนไม่ใช่เหรอ แล้วยังหน้าที่ของลูซิอีกล่ะ ไลท์นิ่งเลยตอกกลับว่าเธอไม่ใช่ทาสรับใช้ของฟัลซิ เธอจะมีชีวิตในแบบของเธอเอง ว่าแล้วไลท์นิ่งก็เดินแยกไปอีก โฮปก็วิ่งตามไปด้วย

โฮปบอกไลท์นิ่งว่าเขาขอติดตามไลท์ิ่งไปด้วย ไลท์นิ่งเลยสวนกลับว่าแกยังปกป้องตัวแกเองไม่ได้เลย แต่กระนั้นโฮปก็บอกว่ายังไงเขาก็จะลองสู้ดู ระหว่างเถียงกันอยู่ทหาร PSICOM ก็โผล่ออกมาล้อมทั้งสองคน พอปราบได้หมดไลท์นิ่งที่เห็นความพยายามของโฮปก็ยอมคุยด้วยดีๆ แล้วบอกโฮปว่าต่อไปนี้เรียกเธอว่า "ไลท์ซัง" ก็พอ

เดินทางต่อจนไปเจอหุ่นยนต์ โฮปจะขี่มันเปิดทางไปต่อให้ พอไปจนสุดทางโฮปจะเหนื่อยอิดโรยหมดแรงข้าวต้ม ไลท์นิ่งเห็นความป้อแป้แบบนี้ก็เลยของขึ้น ทำให้โอดินปรากฏตัวออกมาจากตราสัญลักษณ์ของเธอ BOSS: (โอดิน) เงื่อนไขการทำให้โอดินยอมรับคือเราต้องโจมตีต่อเนื่องไปจนไดรฟ์เกจของโอดิน เต็ม แล้วกดสี่เหลี่ยม ถึงจะสามารถผ่านได้ ทว่าโอดินนั้นโจมตีได้อย่างรุนแรง เราจึงต้องเซตติ้งมาดีหน่อย แนะนำให้ไลท์นิ่งสวมเครื่องประดับที่ทำให้โพชั่นให้ผลเพิ่มเป็น 2 เท่า แล้วให้เธอใช้โหมด Blaster ตลอดเวลา ส่วนโฮปตอนแรกให้ใช้เโหมด Enhancer ร่ายบัฟเสริมพลังป้องกันให้ทั้งสองคน พอร่ายเสร็จแล้วก็ให้เปลี่ยนมาเป็น Healer ช่วยฟื้นพลังให้จนเต็ม แล้วเปลี่ยนไปเป็น Blaster ช่วยกันถลุงโอดิน... ถ้าพลังใครใกล้หมดก็ให้ไลท์นิ่งโยนโพชั่น จะช่วยเติมพลังได้ทีละ 300 พอผ่านแล้วไลท์นิ่งจะได้โหมดโอดินมาใช้ และได้ ATB เพิ่ม

เดินทางไปต่อจะเจอทหาร PSICOM อีกนิดหน่อย พอชนะแล้วโฮปจะหมดแรง ไลท์นิ่งเลยยอมให้โฮปนอนได้ ส่วนไลท์นิ่งจะนั่งเฝ้า ยามให้ ระหว่างที่โฮปนอนเขาก็จะเพ้อละเมอถึงแม่ ไลท์นิ่งเห็นก็ขำ แล้วบอกว่าแม่ที่ไหนกันเล่า! ท่าทางเจ๊จะเริ่มสงสารหนุ่มคนนี้ขึ้นมา

กลับมาที่ซัสซ์กับวานิลลา ให้ไปตามทางแล้วไปกดสวิตซ์ที่ตู้พลังงาน 4 สู้ ถึงจะเปิดทางไปต่อได้ ไปจนสุดทางแล้วทั้งสองจะตัดสินใจค้างแรมกันที่นี่ วานิลลาจะหาผ้าแถวๆ นั้นมาปูนอน แล้วก็ขีดเส้นกั้นบอกว่าห้ามซัสซ์ล้ำเส้นเข้ามาในบริเวณนี้ แต่พอนอนๆ ไปได้ซักพักกลับเป็นเธอเองที่นอนดิ้นเลยเส้นออกมา จนมานอนแบบหลังชนหลังกับซัสซ์....ฮ่าๆ

อีกทางด้านหนึ่ง ฟางก็คุมตัวสโนวมายังฐานทัพใหญ่ของกองทัพอากาศ ยานลอยฟ้าที่มีชื่อว่าลินบลัม ที่นั่นสโนวได้รู้จักกับผู้บัญชาการกองทัพอากาศที่มีชื่อว่าซิด แล้วสโนวก็ไปอาละวาดบนยานจนโดนอัดคว่ำ ระลึกความหลังกันต่อ

7 วันก่อน....เซร่าบอกกับสโนวว่าจะขอแยกทางกัน แต่สโนวไม่ยอมและพยายามกล่้อมเธอ เซร่าเลยเปิดเผยความจริงว่าเธอได้กลายเป็นลูซิแล้ว เธอเป็นศัตรูของโคคูน ศัตรูของมนุษย์ ศัตรูของสโนว ทำให้สโนวช็อคเป็นอย่างมากถึงขั้นทรุดลงกับพื้น แล้วเซร่าก็วิ่งร้องไห้หนีไป
พอ สโนวได้สติก็รีบวิ่งตามเซร่าไป และบอกว่าเซร่ามีหน้าที่ต้องทำให้ฐานะลูซิใช่มั้ย เอาสิ! เขาก็จะร่วมมือด้วย... เซร่าบอกว่าถ้าทำสำเร็จเธอต้องกลายเป็นคริสตัลไปชั่วนิรันดร์นะ สโนวบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าได้เป็นชั่วนิรันดร์ก็แปลว่าไม่มีวันตายน่ะสิ ก็พยายามพูดปลอบในแง่ดีไป จบ Chapter 4 จุงเบย


Chapter 5
สถานที่ : ป่าสีขาวกาปรา

ไลท์นิ่งกับโฮปเดินทางมาถึงป่ากาปรา สาวเจ้าบอกว่าให้โฮปช่วยเป็นแบ็คอัพให้ แต่โฮปกลับปฏิเสธแล้วบอกว่าเขาจะเดินนำหน้าให้เอง ทำได้หรือไม่ได้ไม่สำคัญ (เอาคำพูดที่ไลท์นิ่งเคยพูดมาใช้) ขอสู้ไว้ก่อนเป็นพอ ไลท์นิ่งได้ิยินแล้วก็ยิ้ม เธอบอกว่างั้นก็มุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว เธอจะระวังหลังให้เอง

เข้าไปด้านในเรื่อยๆ แล้วไลท์นิ่งจะมอบมีดพับอันหนึ่งให้กับโฮป แล้วทั้งสองจะคุยเรื่องของสโนวกับกลุ่มโนระกัน ซึ่งโฮปก็แสดงความไม่ชอบสโนวออกมาให้เห็น ระหว่างคุยก็เข้าไปด้านในเรื่อยๆ เจอเบฮีมอธก็ปราบเบฮีมอธ พอชนะได้โฮปจะเหนื่อยหมดแรงแต่ไลท์นิ่งก็พูดปลุกใจว่าตอนนี้ฉันเป็นแบ็คอัพ ของนายแล้วนะ ประกอบกับการที่โฮปคิดถึงเรื่องแม่ขึ้นมาพอดี ก็เลยฮึดลุกขึ้นเดินต่อ

เดินทางต่อซักพัก ไลท์นิ่งจะคิดถึงเรื่องเมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งเป็นวันเกิดของไลท์นิ่ง เซร่ากับสโนวเอาของขวัญวันเกิดใส่กล่องมาให้ พร้อมกับสารภาพเรื่องที่เซร่าเป็นลูซิ แต่ไลท์นิ่งที่ไม่เข้าใจอะไร ประกอบกับไม่ชอบสโนวอยู่แล้ว ก็ไม่รับฟังน้องสาว แถมยังตวาดกลับไปอย่างไม่ใยดี จนเซร่าวิ่งร้องไห้หนีออกไป สโนวเห็นแบบนั้นก็พยายามอธิบายแทนเซร่า แล้วก็ดันไปเรียกไลท์นิ่งว่าพี่สาว ก็เลยโดนสวนกลับว่าใครเป็นพี่สาวของแกกันห่ะ ถึงสโนวจะพยายามแล้ว แต่ทั้งสองก็คุยกันไม่รู้เรื่อง สโนวบอกว่าถ้างั้นเ้ค้าจะปกป้องเซร่าเอง แล้วก็วิ่งตามเซร่าออกจากบ้านไป

ต่อมาไลท์นิ่งที่สงบใจลงได้ ก็มาแกะกล่องของขวัญดูแล้วไำด้พบกับมีดพับ (อันที่ในเวลาปัจจุบันเอาให้โฮปไป) ที่ทั้งสองซื้อเป็นของขวัญให้เธอ เธอเลยบ่นแบบยิ้มเล็กๆ ว่าเซนส์ในการเลือกของนี่ห่วยบรมกันจริง จากนั้นเธอก็หันไปดูทีวีที่กำลังอธิบายเรื่องฟัลซิเอเดนมีบัญชาให้ขับไล่ชาว เมืองโบดัมออกไป ด้วยเหตุว่ามีคนต้องสงสัยว่าจะเป็นลูซิของพัลส์อยู่้ในเมืองโบดัม พอไลท์นิ่งฟังรายการไปเรื่อยๆ ถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซร่า แล้วก็เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป


กลับมาที่ปัจจุบัน โฮปเล่าให้ฟังบ้างว่าแม่ของเขาเองก็ชื่อว่าโนระ แล้วเขาก็พูดให้ฟังถึงเรื่องที่ว่าเขาเกลียดสโนวเพราะสโนวปล่อยให้แม่ของเขา ต้องตาย แต่ไลท์นิ่้งเถียงแทนให้ว่าไม่ใช่คนสโนว คนที่ผิดคือรัฐบาลต่างหาก ซึ่งโฮปที่ได้ยินก็ยอมรับฟังในที่สุด เขาจะมีชีวิตต่อไปเพื่อสู้กับรัฐบาล ไม่ใช่เพียงแค่เขา แต่ไลท์นิ่งก็ต้องมีชีวิตต่อไปด้วย

เข้าไปด้านในต่อ สู้กับ BOSS: สู้ปกติก็ชนะได้ครับทนๆหน่อย

เดินต่อไปอีกนิด ก็จะมาเจอเมืองซักที โฮปบอกว่าพ่อของเขาที่อยู่ในเมืองพาลัมโพลัมต้องไม่ยอมรับเขาที่เป็นลูซิแน่

อีกด้านหนึ่งภายในยานลินด์บลัม สโนวนึกถึงเหตุการณ์ 2 วันก่อน ที่เขากับเซร่าเจอทหารตามล่า ทั้งสองขี่แอร์ไบค์ฺหนีขึ้นไปบนอากาศ พอไปโฉบอยู่ใกล้โบราณสถานลึกลับที่เซร่าเคยเข้าไป เจ้าโบราณสถานนั่นก็ปล่อยเส้นน้ำออกมาดูดเซร่าเข้าไป แล้วโบราณสถานก็ยิงระเบิดออกมา ทำให้ยานของสโนวกระเด็นไปไกลแล้วเกิดระเบิดลุกไหม้ สโนวตกไปอยู่บนชายหาด แต่ก็รอดตายมาได้ จบ Chapter 5


Chapter 6
สถานที่ : ลุ่มแม่น้ำซันเรส

ฉากนี้มีเพลงประกอบบนฟิลด์ด้วย เป็นเพลงเดียวกับที่ใช้ในฉากสโนวตามหาเซร่า แต่ว่าจังหวะเร็วกว่า ซัสซ์จะนำทางไปยังเมืองนอวติลุส เราก็เดินทางตามๆ ไป ชมความงามของเจ้าพุดดิ้งเวจิต้า เกรมลิน ลุยฝ่าไปเรื่อยจนสุดทาง แล้ววานิลลาจะถามถึงเรื่องอดีตของซัสซ์บ้าง ซัสซ์ไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็นึกถึงเรื่องเมื่อ 3 วันก่อน ซัสซ์กับลูกชายตัวเล็กที่มีชื่อว่าแดจซ์ได้ไปดูเทศกาลดอกไม้ไฟด้วยกัน เค้าว่ากันว่าใครที่ขอพรในตอนนี้จะสมหวังดั่งใจหมาย แดจซ์ก็เลยขอให้คุณพ่อของเขากลับมายิ้มได้อีกครั้ง ให้คงรอยยิ้มไว้ตลอดไป ซัสซ์ได้ยินก็ตื้นตันใจมาก แต่แล้วพันโืทจิลนาบาตจาก PSICOM ก็เข้ามาหาพวกเขา เพื่อมาแจ้งถึงการยืนยันว่าแดจซ์มีพลังในการรับรู้ถึงสิ่งที่มาจากพัลส์จริงๆ

กลับมาที่ปัจจุบัน ทั้งสองเดินทางไปต่อจนถึงทะเลสาบเชล่า แล้วก็พักนอนกันที่ริมทะเลสาบ แต่พอวานิลลาตื่นมาก็ไม่เห็นซัสซ์แล้ว ให้เดินตามหาซัสซ์ซักพักก็จะเจอเขาอยู่ที่ริมทะเลสาบ ซัซส์เล่าให้ฟังว่า 9 วันก่อน เขาเดินช็อปปิ้งกับลูกเขาอยู่ เขาเดินเข้าไปซื้อลูกโจโคโบะในร้านแห่งหนึ่ง โดยบอกให้แดจซ์รออยู่ที่หน้าร้าน แต่พอออกมาปุ๊บก็ไม่เห็นลูกเขาแล้ว เขาตามหาลูกเขาจนไปถึงโรงงานแห่งหนึ่ง แล้วจู่ๆ โรงงานนั้นก็ดันเกิดระเบิดขึ้น ในตอนนั้นเองวานิลลากำลังทำอะไรกับร่างของแดจซ์ที่สลบอยู่ก็ไม่รู้ แต่พอวานิลลาได้ยินเสียงของซัสซ์ ฟางที่อยู่ข้างๆ ก็เรียกให้วานิลลารีบหนีไป... พอซัสซ์เข้ามาก็เจอแดจซ์นอนสลบอยู่คนเดียว แล้วเขาก็สังเกตเห็นตราสัญลักษณ์แปลกๆ ที่อยู่บนมือของแดจซ์ ซึ่งเข้ามารู้ทีหลังว่านั่นคือสัญลักษณ์ของลูซิ บัดนี้ฟัลซิได้เลือกให้แดจซ์เป็นลูซิคนใหม่แล้ว พอซัสซ์ได้รู้ว่าลูกกลายเป็นลูซิเขาก็เสียใจ แต่ถ้าต้องเลือกว่าจะให้ลูกทำภารกิจไม่สำเร็จแล้วต้องกลายเป็นมอนสเตอร์ กับให้ทำภารกิจสำเร็จแล้วกลายเป็นคริสตัล ซัสซ์ขอช่วยลูกทำภารกิจให้สำเร็จแล้วกลายเป็นคริสตัลดีกว่า

กลับมาที่ปัจจุบัน ซัสซ์เล่าจนจบแล้ว แต่วานิลลากลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ตัวเองก็มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์นั้นออกไป

เราจะเดินทางกันต่อ ระหว่างทางจะเจอเครื่องควบคุมฝน ซึ่งเราสามารถกดสลับไปมาเพื่อเปลี่ยนระหว่างอากาศแจ่มใส กับฝนตกได้ อากาศที่แตกต่างกันจะทำให้มอนสเตอร์ที่ปรากฏแตกต่างกันออกไป ใครชอบมอนสเตอร์แบบไหนก็ลองปรับอากาศแบบนั้นดู

เข้าไปจนถึงด้านในสุด จะเจอ BOSS: เล่นไปตามปกติก็เอาชนะได้ไม่ยาก
วิ่งเลยไปอีกนิดนึงก็จะถึงเมืองนอวติลุสพอดี นี่เป็นที่ๆ แดจซ์เคยบอกซัสซ์ว่าเขาอยากจะมามากๆ เพราะสวนสาธารณะของที่นี่มีโจโคโบะอยู่เยอะแยะเลย พอเข้าไปในตัวเมือง ฝนก็จะตกลงมาพอดี ซัสซ์เองก็จะบ่นๆ เรื่องของแดจซ์ให้วานิลลาฟัง พอวานิลลาได้ยินเธอก็ทำท่าเหมือนไม่กล้าพูดอะไรบางอย่างออกมา เธอวิ่งออกไปยืนตากฝน กำมือไว้แน่น ก่อนจะหันหน้ามาฝืนยิ้มให้กับซัสซ์ เพื่อจะบอกว่าไม่มีอะไร...


Chapter 7
สถานที่ : เมืองพาณิชย์ พาลัมโพลัม

ไลท์นิ่งพาโฮปมาส่งที่เมืองพาลัมโพลัม ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของโฮป แต่พอเข้ามาในเมืองก็ต้องช็อคตาตั้ง เพราะพันโทรอชได้ยกพวกมาปิดล้อมเมืองเพื่อเก็บไลท์นิ่งและโฮปโดยเฉพาะ โฮปที่รู้จักทางในเมืองนี้ดี ก็อาสาเดินนำทางให้ เราก็บังคับไลท์นิ่งวิ่งตามโฮปลงไปยังทางใต้ดิน ไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอสวิตซ์สำหรับกดเรียกลิฟต์ ซึ่งจะมีสวิตซ์ซ้ายกับ สวิตซ์ขวา ให้กดด้านซ้ายเพื่อไปเปิดหีบก่อน จากนั้นย้อนกลับมาที่เดิมแล้วกดสวิตซ์อันขวาเพื่อไปต่อ

ระหว่างทาง เธอจะคิดได้ว่ามนุษย์ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ตัวเธอเองก็ควรจะมีชีวิตรอดต่อไป เราเกิดมาในโลกที่มีฟัลซิคอยค้ำจุนอยู่ หากสูญเสียฟัลซิไป ทุกอย่างก็ต้องล่มสลายแน่ เธอเองก็จะปกป้องคนที่เหลืออยู่ให้ได้ เสร็จแล้วเธอก็จะเล่าถึงอดีตของเธอให้โฮปฟัง เธอบอกว่าพ่อของเธอตายตั้งแต่เธอยังเด็ก แล้วแม่ก็มาป่วยตายทีหลัง ดังนั้นเพื่อที่จะปกป้องเซร่าที่เป็นน้องสาว เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเธอให้ได้ และเพื่อที่จะได้บอกตัวเองว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่อีกต่อไป แล้ว เธอจึงทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อแม่ให้มา รวมถึงชื่อเก่าของเธอ จากนั้นก็สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาใหม่ด้วยตัวของเธอเอง และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นไลท์นิ่ง ส่วนโฮปเองก็ยังพูดเรื่องที่แม่ของเขาตายเพราะสโนวไม่เลิก.... ถ้าแม่ไม่ช่วยสโนวไว้ แม่ก็คงไม่ตาย... ทั้งหมดเพราะสโนวแท้ๆ

ออกมาจากทางใต้ดิน เราจะเจอทหารนับพันแห่มาต้อนรับ.... พันโทรอชบอกทหารทุกคนว่าพวกมันไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นลูซิที่น่าสะพรึงกลัว ไลท์นิ่งเห็นดังนั้นเลยบอกให้โฮปรีบหนีไป จงมีชีวิตรอดให้ได้นะ ส่วนเธอจะรับมือกับทหารทั้งหมดเอง ระหว่างที่โฮปกำลังอึ้งๆ อยู่ ก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายมาจากหมู่ทหาร แล้วทหารก็ล้มคว่ำกันระเนระนาด สโนวปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับฟาง เขาเรียกศิวะทั้งสองออกมาต่อกรกับเหล่าทหาร จากนั้นสโนวและฟางก็ขึ้นขี่ศิวะอาละวาดไปอาละวาดมา ซักพักก็ยิงไดมอนด์ดัสต์ใส่จนเกิดภูผาน้ำแข็งขนาดใหญ่ปกคลุมบริเวณนั้น ทหาร PSICOM ทั้งหมดหันมาสาดกระสุนใสสโนวแทน ซึ่งสโนวกับฟางที่แว๊นซ์อยู่ก็สามารถหลบกระสุนได้ทั้งหมด ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่ไลท์นิ่งจะพาโฮปหนีไป

ในไม่ช้าทหารเกือบทั้งหมดก็โดนศิวะจัดการเรียบ ไลท์นิ่งขอฝากโฮปไว้กับสโนว ส่วนเธอกับฟางจะไปจัดการทหารที่เหลือเอง สโนวจึงให้โฮปซ้อนท้ายศิวะด้วย แต่ว่าโฮปที่ยังอึ้งๆ และคิดว่าสโนวเป็นศัตรูอยู่ก็จับสโนวเอาไว้ไม่แน่น พอสโนวบิดเต็มแรงโฮปก็กระเด็นตกรถไป พอทหารจะไปรุมทึ้งโฮป... สโนวกับศิวะเลยร่วมมือกันกำจัดพวกทหาร

สโนวจะคอยคุ้มกันโฮปที่เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางโฮปจะชักมีดพับที่ซ่อนไว้ด้านหลังขึ้นมา

อีกทางด้านหนึ่งฟางที่อยู่กับไลท์นิ่งก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรเช็คความ ปลอดภัยของสโนว สโนวรีบถามทันทีว่าพี่สาวอยูที่ไหน แต่ไลท์นิ่งก็ตอบกลับไปตามธรรมเนียมว่าใครเป็นพี่สาวแกกัน ทั้งคู่คุยกันซักพัก จนนัดแนะเรียบร้อยแล้วว่าจะไปเจอกันที่ถนนฟิลิกซ์ ไลท์นิ่งก็ขอคุยกับโฮปบ้าง แต่พอโฮปรับสายเท่านั้น คื่นอนแถวนั้นก็เกิดอาเพศขึ้น ทำให้สัญญาณขาดหายไป

ไลท์นิ่งกับฟางเดินทางไปยังจุดนัดหมาย ระหว่างทางไลท์นิ่งก็สังเกตเห็นสัญลักษณ์ลูซิบนแขนของฟาง จึงถามฟางว่าเธอเป็นใครกันแน่ เธอบอกว่าเธอเป็นลูซิมาจากแกรนพัลส์ โลกที่อยู่ใต้โคคูนยังไงล่ะ...

สลับไปทางสโนวกับโฮป ทั้งคู่เห็นทหารที่กำลังต้อนผู้คนไปรวมตัวกันเพื่อตรวจสอบดูว่าใครเป็นลูซิ ที่ทางรัฐบาลตามล่าอยู่ สโนวก็ไล่อัดทหารไปตามเรื่องตามราว โดยไม่รู้ตัวเลยว่าโฮปที่เดินตามหลังอยู่กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาอาฆาตแค้น

พอไปถึงลานกว้างที่มีคนอยู่เยอะๆ สโนวก็เข้าไปแย่งปืนจากทหาร แล้วก็ยิงปืนขึ้นไปบนฟ้า ป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นลูซิยังไงล่ะ... พอทำแบบนี้แล้วชาวเมืองก็รีบพากันวิ่งหนี ส่วนทหารก็พากันเข้ามาหาสโนว เป็นวิธีช่วยคนและล่อเหยื่อไปพร้อมๆ กันนั่นเอง แต่พอชนะทหารได้แล้ว ชาวเมืองดันแห่กันแบกอาวุธเข้ามาจะรุมทุบสโนว ทั้งโฮปทั้งสโนวต่างก็ช็อคกับภาพที่เห็นไปตามๆ กัน ขนาดเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ยังร้องไห้วิ่งหนีโฮป โฮปเลยยิ่งช็อคเค้าไปใหญ่ว่าลูซินี่มันโดนสังคมรังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ สโนวเห็นท่าไม่ดีก็เลยยิงเวทใส่เสาเหล็กให้ร่วงลงมาขวางทาง ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้ามาโจมตีสโนวได้ โฮปเองก็เอาตุ๊กตาที่เด็กผู้หญิงทำตกไว้ไปวางบนเสา จังหวะนี้พวกทหารก็แห่มาสมทบพอดี สโนวกับโฮปเลยอาศัยเครื่องร่อนของทหาร บินหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึก

เดินทางไปต่อก็จะพบกับ BOSS:เครื่องบินรบ อุจูมก้า พอชนะแล้วมันจะบินหนีไป

บนยอดตึกแห่งหนึ่ง สโนวจะซื้อน้ำกระป๋องให้โฮปดื่ม โฮปบอกว่าเขาไม่หิวน้ำ สโนวก็เลยกินซะเอง ระหว่างที่สโนวดื่มอยู่ โฮปก็ถามว่าเป้าหมายของสโนวคืออะไร สโนวบอกว่าช่วยเซร่าปกป้องโคคูนยังไงล่ะ ว่าแล้วก็โยนน้ำดื่มลงไปในถังขยะแถวนั้น โฮปถามว่าถ้าการมีชีวิตอยู่ของนาย มันไปทำลายความหวังของคนอื่นเค้า นายจะช่วยเหลือพวกเขาได้ยังไง? สโนวได้ยินแล้วก็อึ้ง เขานึกถึงเรื่องที่ไลท์นิ่งไม่ชอบเขา นึกถึงเรื่องที่แม่ของโฮปต้องตายต่อหน้าต่อตาเขา แล้วก็เริ่มสะเทือนใจ สโนวบอกว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องมีชีวิตอยู่และสู้ต่อไป คำตอบนี้ฟังแล้วโฮปไม่พอใจ สโนวก็แค่ตอบปัดไปเพื่อหลีกหนีจากความเป็นจริงเท่านั้น สโนวบอกว่าแล้วจะให้ทำยังไงละเฟ้ย! ให้รับผิดชอบเรื่องทั้งหมดแล้วก็ตายๆ ไปอย่างงั้นเหรอ! โฮปบอกว่างั้นก็ตายไปเลยไป!! แล้วก็ระเบิดพลังเวทใส่สโนว... จนสโนวกระเด็นหลุดจากตัวตึกไป แต่ก็ยังจับขอบตึกเอาไว้ได้

โฮปบอกว่า "โนระ เอสไฮม์" ก็คือแม่ของฉัน...คนที่แกปล่อยให้ตายไปยังไงล่ะ!!

ว่าแล้วโฮปก็เงื้อมีดขึ้นมาหมายจะแทงสโนวให้ตายไป สโนวเองก็ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม แต่ด้วยพลังของพระเอก ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้น... พวกทหารยิงระเบิดลงมาทางด้านหลังของโฮป ทำให้โฮปกระเด็นออกจากตัวตึกเหมือนกัน พอสโนวเห็นโฮปกำลังร่วงลงไป เขาก็พุ่งเข้าไปจับโฮปไว้ แล้วใช้ร่างของเขาคอยรับแรงกระแทกในตอนที่ตกลงสู่พื้นแทน...

กลับไปทางฟางกับไลท์นิ่ง ฟางเล่าเรื่องเมื่อ 9 วันก่อนให้ฟัง เธอกับวานิลลาเดินทางไปที่โรงพลังงานที่หุบเขาเอวลีด ฟางนั้นเป็นลูซิของพัลส์ที่บุกเข้ามาต่อสู้กับฟัลซิของโคคูน ตอนนั้นเองฟัลซิคุจาตาที่อยู่ในโรงงานนั้นก็เลยเลือกแดจซ์ที่เป็นลูกชายของ ซัสซ์มาเป็นลูซิ ให้ช่วยต่อกรกับพวกฟางนั่นเอง จากนั้นฟางก็อธิบายการเปลี่ยนแปลงของสัญลักษณ์แห่งลูซิให้ฟัง เธอบอกว่าถ้ามันเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีลูกตาปรากฏออกมาเมื่อไหร่ก็แปลว่าหมด เวลาทำภารกิจ แล้วลูซิคนนั้นก็ต้องกลายสภาพไป จากนั้นฟางก็ขอดูสัญลักษณ์ของไลท์นิ่งหน่อย ไลท์นิ่งก็เลยรูดซิบเสื้อลงมา และเผยสัญลักษณที่ประทับอยู่บนหน้าอกให้ฟางดู...

ตัดมาทางสโนวกับโฮปที่ตกตึกลงมา สโนวที่บาดเจ็บสาหัสมองเห็นยานของศัตรูที่บินไปบินมาบนฟ้าเพื่อตามหาพวกเขา เขาเลยแบกโฮปที่สลบอยู่ขึ้นหลังเพื่อเตรียมหนี แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นมีดที่ตกอยู่ข้างๆ ตัวโฮป มันคือมีดที่เขาและเซร่ามอบให้ไลท์นิ่งนี่หว่า!? แต่ไอ้เด็กนี่ดันจะเอามาแทงเขา!! สโนวเก็บมีดไป แล้วก็แบกโฮปหนีอย่างทุลักทุเล

กลับมาบังคับไลท์นิ่งและฟาง เดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงถนนฟิลิกซ์ จากนั้นก็กลับมาบังคับสโนวที่แบกโฮปกลับขึ้นมาบนยอดตึกอีกครั้ง โฮปที่อยู่บนหลังก็ฟื้นขึ้นมาแล้วถามว่าจะช่วยเขาไว้ทำไม? สโนวเลยบอกว่าเขาจะปกป้องทุกคนให้ได้ รวมทั้งพี่สาวด้วย ส่วนเรื่องของคุณโนระ... เขาขอโทษ จากนั้นก็ยื่นมีดพับคืนให้กับโฮป

เดินไปต่อซักพักสโนวที่ยังบาดเจ็บก็จะล้มลงไปทั้งที่ยังแบกโฮปอยู่ BOSS: ที่บินหนีเราไปจะกลับมาเยือนอีกครั้ง สโนวบอกให้โฮปหนีไป แล้วก็โดนบอสโจมตีใส่จนกระเด็นไป แต่ปรากฏว่าโฮปดันไม่ยอมหนี และเลือกที่จะสู้เพื่อปกป้องสโนวเองซะอย่างงั้น...

เราต้องบังคับโฮปสู้กับบอสไปซักพัก แล้วไลท์นิ่งกับฟางจะเข้ามาช่วย ไลท์นิ่งถามก่อนว่าสโนวเป็นยังไงบ้าง ซึ่งโฮปก็บอกว่ายังไม่ตายครับ จากนั้นทั้งสามก็ช่วยกันสู้กับบอสตัวนี้จนชนะ

พอชนะแล้วโฮปก็คืนมีดพับให้กับไลท์นิ่ง เขายอมรับและเข้าใจเรื่องการตายของแม่แล้ว ไลท์นิ่งก็ดีใจและก้มลงกอดโฮปเอาไว้ จากนี้ไปเธอเองก็จะช่วยปกป้องโฮปด้วย เสร็จแล้วไลท์นิ่งก็เข้าไปประคองสโนวให้ลุกขึ้นมา แล้วพยุงเดินไปยังบ้านของโฮปด้วยกัน

เมื่อไปถึงบ้านของโฮป โฮปจะเข้าไปกดออดที่ประตู พอพ่อของโฮปเปิดประตูมาเห็นโฮปก็ตกใจมาก แล้วโฮปก็พาเพื่อนทั้งหมดเข้าไปในบ้าน แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟัง พอได้ยินว่าแม่ตายแล้ว คุณพ่อของโฮปที่ชื่อ "บัลโทโลเม" ก็กุมขมับร้องไห้ โฮปบอกว่าเขาจะพักอยู่ที่นี่ซักพัก เดี๋ยวก็ไปแล้ว เพราะถ้ารัฐบาลรู้ว่าพ่อให้ลูซิซ่อนตัวในบ้านนี้ล่ะก้อ... บ้านบึ้มแน่ๆ แต่พ่อโฮปจะบอกว่าที่นี่คือบ้านของแก แกไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น

พอทุกคนไปรวมกันที่ห้องนั่งเล่น สโนวก็คุกเข่า คำนับขอโทษพ่อของโฮปในเรื่องที่เขามีส่วนทำให้แม่ของโฮปต้องตาย ระหว่างที่ปรับความเข้าใจกัน จู่ๆ ไฟในบ้านก็ดับลง ทหาร PSICOM ปาระเบิดควันทะลุเพดานกระจกลงมา ทำให้มีควันฟุ้งเต็มบ้าน แล้วทหารก็โดดทะลุกระจกเข้ามา... ไลท์นิ่ง ฟาง และโฮปเลยช่วยกันสู้กับพวกทหาร ขณะที่สโนวที่บาดเจ็บอยู่ก็คอยคุ้มกันคุณพ่อของโฮป

พอชนะแล้วทหารที่อยู่นอกบ้านก็แห่กันเข้ามาล้อมบ้านเอาไว้หมด ทางอากาศก็มียานเหาะลอยไปลอยมารอยิงเต็มที่ ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้พระเอกของเราบอกว่าเขาจะไปคุยกับพวก PSICOM เอง ว่าแล้วสโนวก็ถอดเสื้อนอกออกแล้วชูเสื้ออกไปนอกหน้าต่าง... เท่านั้นแหละ ทหารก็กราดกระสุนใส่เสื้อของสโนวกันไม่ยั้ง พอกระสุนสงบลง สโนวก็เดินออกมาจากบ้านยกมือยอมแพ้... เขาพูดกล่อมทหารว่าดูให้เต็มตาสิ นี่คือลูซิยังไงล่ะ คนที่เกิดและเติบโตมาในโคคูนเหมือนพวกแกยังไง คนที่มีความรู้สึกอยากจะปกป้องโคคูนเหมือนพวกแกยังไง ทหาร PSICOM ได้ยินแล้วก็สับสนว่าตกลงลูซิมันคืออะไรกันแน่ พันโทรอชเลยเดินฝ่าวงทหารเข้ามาและบอกว่าเขาเข้าใจจุดยืนของสโนว แต่การมีอยู่ของลูซิจะเป็นภัยต่อโคคูน ลำพังสโนวคนเดียวจะสามารถรับผิดชอบชีวิตคนนับสิบล้านคนในโคคูนได้เหรอ? เขาว่าไม่ได้หรอก ว่าแล้วทหารที่โดนไซโคไปมาก็เตรียมที่จะยิงใส่สโนว โชคดีที่ใครก็ไม่รู้ปาระเบิดควันและระเบิดจริงจำนวนมากเข้ามาในกลุ่มทหาร ทำให้เหล่าทหารล้มลง แล้วก็มีทหารใส่หน้ากากคนนึงหันไปยิงใส่รอช ทำให้รอชถึงกับปลิว

ภายในบ้าน โฮปขอโทษพ่อแล้วก็เอาเชือกมามัดแขนพ่อไว้ ทำเหมือนกับว่าพ่อเป็นตัวประกันของพวกเขา พ่อจะได้ไม่ซวยไปด้วย... ว่าแล้วเขาก็ขอลาไปทำหน้าที่ของเขา เขาจะขอติดตามไลท์นิ่งไป ว่าแล้วก็กอดพ่อเป็นการสั่งลา

โฮป ไลท์นิ่ง ฟาง ออกไปยังด้านนอก และสู้กับ BOSS:ยานรบไกรฟ มันจะมี 5 ส่วนด้วยกัน ให้เราจัดการส่วนย่อยๆ ทีละส่วนแล้วค่อย ไปจัดการส่วนหลัก ก็จะทำให้ฆ่ามันได้ง่ายขึ้น แต่พอปราบบอสตัวนี้ได้ ก็จะมียานลำอื่นโผล่มาหมายจะโจมตีเราอยู่ดี ทว่ากลับมียานของกองทัพอากาศโผล่ออกมาโจมตีใส่ยานของ PSICOM จนร่วงลงไป พอยานของกองทัพอากาศลงจอดที่หน้าบ้านโฮป ริกดี้ที่เป็นมือขวดของซิดก็ลงมาจากยาน และเรียกฟางกับทุกๆ คนให้ขึ้นยานหนีไป ปล่อยให้พ่อโฮปโดนมัดอยู่ในบ้านจนมีทหาร PSICOM มาช่วย

Chapter 8
สถานที่ : เมืองนอวติลุส

ซัสซ์กับวานิลลาเดินเล่นอยู่ภายในเมือง พวกเขากำลังดูข่าวลูซิบุกอาละวาดในเมืองพาลัมโพลัม พอวานิลลาเห็นภาพฟางในข่าวด้วยก็ตกใจ พอคนในเมืองดูข่าวจนจบก็เอาแต่นินทาว่าลูซิในทางไม่ดี

ต่อมาทั้งสองคนก็เข้าไปดูขบวนพาเหรดของเหล่ามนต์อสูร มันคือการแสดงโชว์ที่พวกมนต์อสูรทั้งคาร์บังเกิล ไซเรน อิฟทรี ลามู ช่วยกันแสดงพลังเวทสุดอลังการให้มนุษย์ได้ชมกัน ระหว่างที่ดูอยู่วานิลลาก็ได้เห็นภาพนิมิตแว้บๆ อีกครั้ง มันคือภาพของแร็คนาร็อคที่ดูยังไงก็ไม่เข้าใจ
ซัสซ์ชวนวานิลลาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันต่อ ที่นั่นมีนกโจโคโบะอยู่มากมาย เขาเล่าให้วานิลลาฟังว่าแดจซ์อยากมาที่นี่เพราะเขาชอบโจโคโบะมาก วานิลลาเองก็ชอบโจโคโบะเหมือนกัน จากนั้นเราต้องเล่นมินิเกมจับลูกโจโคโบะที่บินหนีไปมา

ต่อมาวานิลลาก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว เลยอยากจะสารภาพความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงงานในหุบเขาเอวลีดให้ฟัง แต่พอพูดได้นิดเดียว ก็มีทหารแห่มาล้อมพวกเขา ทั้งสองฝ่าดงทหารไปเรื่อยๆ จนหนีมาเจอ BOSS: หุ่นยนต์เรเว่

พอชนะแล้วแดจซ์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าของซัสซ์ ที่จริงตอนนี้แดจซ์โดนทาง PSICOM คุมตัวเอาไว้ แล้วพอแดจซ์บอกว่าอยากมาสวนนอวติลุส ทาง PSICOM จึงคิดว่าต้องมีลูซิอยู่ที่นี่แน่ๆ ก็เลยพาแดจซ์มายังที่แห่งนี้ด้วย แต่พอได้เจอกันเท่านั้นแหละ แดจซ์ก็กลายเป็นคริสตัลต่อหน้าต่อตาซัสซ์ ว่าแล้วพันโทจิลนาบาตก็ปรากฏตัวขึ้นมา เธอใช้เครื่องฉายภาพเล่าความจริงที่วานิลลาปิดบังไว้ให้ฟัง

ในวันที่แดจซ์โดนเลือกให้เป็นลูซินั้น ที่จริงแล้วฟางกับวานิลลาได้บุกเข้าไปในโรงงานเพื่อสู้กับฟัลซิคุจาตา แล้วระหว่างนั้นแดจซ์ก็ดันเดินผ่าน 2 คนนั้นพอดี ก็เลยซวย...โดนฟัลซิเลือกให้เป็นลูซิไป วานิลลาได้ยินแล้วก็ไม่อยากฟัง เธอเอามือปิดหูแล้วก็กรีดร้องวิ่งหนีไป ซัสซ์เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตาม ส่วนจิลก็บอกให้ทหารทุกคนไม่ต้องรีบตามาสองคนนั้นไป

วานิลลาที่หนีไปอีกทางก็เจอภาพหลอนของซัสซ์ เธอเห็นภาพของซัสซ์ที่เอาปืนกระหน่ำยิงใส่เธอ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็รู้ว่าเธอคิดไปเอง หลังจากนั้นซักพักนึงซัสซ์ตัวจริงที่วิ่งตามมาทันก็เล็งปืนใส่วานิลลา ที่แดจซ์โดนเลือกให้เป็นลูซิก็เพราะวานิลลา งั้นภารกิจของแดจซ์ก็อาจจะเป็นการเชือดวานิลลาด้วย

วานิลลาสารภาพว่าชื่อเต็มของเธอคือ "โอลบา ไดอา วานิลลา" เป็นลูซิจากแกรนพัลส์นั่นเอง ถ้าอยากยิงล่ะก้อเอาเลยสิ ซัสซ์เลยบอกให้หุบปากซะ คิดว่าตายไปแล้วเรื่องจะจบรึไง!? คิดว่าตายไปแล้วจะได้รับการให้อภัยรึไง!? วานิลลาเลยถามว่าแล้วจะให้ทำยังไงเล่า!! ซัสซ์ก็บอกให้คิดเอาเองสิวะ

วานิลลาไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ร้องไห้และบอกว่าไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วซัสซ์ก็ทิ้งปืนลง... จะฆ่าก็ฆ่าไม่ได้ เลยปล่อยให้วานิลลาคิดเอง ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสับสนอยู่นั้น สัญลักษณ์แห่งลูซิของซัสซ์ก็ส่องแสงออกมา อสูรไฟ BOSS: บรุน ฮิลเด้ปรากฏกายขึ้นมาหมายจะเอาชีวิตของซัสซ์ แต่วานิลลาที่ยังร้องไห้อยู่ก็วิ่งเข้ามาบังเอาไว้ แล้วบอกซัสซ์ว่าห้ามตายนะ.... ซัสซ์เห็นดังนั้นก็เลยหยิบปืนขึ้นมาสู้กับบรุนฮิลเด้ด้วย

ในการสู้กับบรุนฮิลเด้นั้น ต้องทำเชนเยอะๆ ดาเมจมากๆ ถึงจะผ่านได้ จุดอ่อนของมันคือน้ำ ก็ต้องให้วานิลลาใช้เวท  ใส่มัน แต่ก่อนอื่นต้องให้ซัสซ์ใช้บัฟเพิ่มพลังเสียก่อน วานิลลาเองก็ใช้เวทดีบัฟใส่บรุนฮิลเด้ด้วย พอเตรียมการพร้อมแล้วก็เปลี่ยนทั้งสองคนเข้าโหมด Blaster แล้วช่วยกันถล่มมันซะ ถ้าพลังเหลือน้อยก็เปลี่ยนวานิลลาเป็น Healer เติมพลัง แล้วก็เปลี่ยนกลับเป็น Blaster ซะ ทำแบบนี้วนไปวนมา พอชนะแล้วซัสซ์จะได้มนต์อสูรบรุนฮิลเด้ แถมเกจ ATB ยังเพิ่มให้อีก 1 ช่อง

รุนฮิลเด้หายไปแล้ว... แต่ซัสซ์ยังคงเอาปืนชี้ไปที่วานิลลาอยู่ วานิลลาก็ยอมเป็นเป้านิ่งให้ยิงดีๆ แต่ซัสซ์ก็ไม่กล้ายิง เขาค่อยๆ ลดปืนลง จนวานิลลาที่สับสนก็ทรุดลงแล้วร้องไห้ ว่าแล้วซัสซ์ก็ทำเรื่องที่ทุกคนไม่อาจคาดคิดได้ นั่นคือการเอาปืนจ่อหัวตัวเอง.... แล้วก็...โป้ง!!!

เวลาต่อมา พวกทหารและจิลก็ตามมาจับซัสซ์ยัดเข้าโลงศพ... ส่วนวานิลลาก็โดนคุมตัวไปไหนก็ไม่รู้

Chapter 9
สถานที่ : ฐานทัพเวหาพาราเมเกีย

ก่อนจะไปยังฐานทัพเวลาพาราเมเกีย พวกไลท์นิ่งจะชุมนุมกันอยู่บนยานเหาะลินด์บลัมของซิด ฟางกำลังร้อนใจอยากไปช่วยวานิลลา ส่วนโฮปกับสโนวในตอนนี้ก็สนิทชิดเชื้อกันแล้ว เมื่อพร้อมแล้วซิดจะให้ลูกน้องขับยานเหาะพาเราไปส่งยังพาราเมเกีย ซึ่งเป็นฐานทัพกลางฟ้าที่ๆ พันโทจิลนาบาตและประมุขกาเรนธ์ ไดสรี่พำนักอยู่ ขณะเดียวกันวานิลลากับซัสซ์ก็ถูกจับไปยังที่แห่งนั้น

ภายในห้องที่ขังวานิลลาไว้ วานิลลานึกถึงเหตุการณ์ในตอนท้ายแชปเตอร์ก่อน ซัสซ์เอาปืนจ่อหัวตัวเอง

แล้วก็ยกปืนเลยเหนือศีรษะไปหน่อย แล้วค่อยลั่นไกดัง... โป้ง!!

หลังจากนั้นซัสซ์ก็บ่นว่าที่จริงแล้วเรื่องทั้งหมดก็ไม่ใช่ความผิดของ วานิลลาคนเดียว การที่วานิลลาและฟางเข้าไปสู้กับฟัลซิคุจาตา จนเป็นเหตุให้แดจซ์โดนเลือกเป็นลูซิ ก็ต้องบอกว่าเป็นความผิดของฟัลซิด้วย ตอนแรกเขาก็โกรธแค้นและอยากจะฆ่าวานิลลา แต่ตอนนี้ก็คิดได้ว่าถึงฆ่าวานิลลาไปเค้าก็ไม่ได้อะไร แดจซ์ก็ไม่ได้ฟื้นกลับคืนมา ก็เลยเปลี่ยนใจแล้วละกัน

ขณะที่กำลังอึ้งๆ กันอยู่ทหารก็แห่กันมาล้อมจับตัวทั้งสองเอาไว้ จิลนาบาตเข้ามาเอาตะบองข่มขู่ซัสซ์ และบอกให้ดีใจซะเถอะที่ลูกของแกได้กลายเป็นคริสตัล ลูกแกจะเป็นตัวอย่างของฮีโร่ผู้โชคร้ายที่คิดช่วยโคคูนไว้ ยังไงซะก็ดีกว่าการเป็นแค่ลูกชายที่น่าสมเพชของลูซิอย่างแก ไม่คิดเหรอว่าการที่เขากลายเป็นคริสตัล มันจะช่วยทำให้เขามีความสุขขึ้นเหรอ ว่าแล้วซัสซ์ก็คำรามว๊ากออกมา เลยเจอเจ๊เอาตะบองทุบเส้นประสาทที่ต้นคอจนสลบ แล้วทหารก็โยนซัสซ์ที่สลบไปเข้าโลง แล้วก็จับวานิลลา กับแดจซ์ในร่างคริสตัลไป

จบการย้อนอดีต กลับมาที่ปัจจุบัน ซัสซ์และวานิลลายังคงปลอดภัยดี ว่าแล้ววานิลลาก็นึกเรื่องย้อนอดีตอีกแล้ว คราวนี้เป็นเรื่องเมื่อ 13 วันก่อนเริ่มเกม... ภายในโบราณสถานของเมืองโบดัม ฟางกำลังนอนสลบอยู่ในโบราณสถานแห่งนั้น ข้างๆ ปรากฏเป็นคริสตัลที่มีรูปร่างเหมือนวานิลลา คริสตัลนั้นค่อยๆ กลายสภาพจนเป็นวานิลลาที่มีเนื้อหนังแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน ตอนแรกก็เปลือยล่อนจ้อนอยู่ แต่พระเจ้าก็ดันไม่ลืมเสกเสื้อผ้าให้เเธอใส่ในพริบตาด้วย แสดงว่าก่อนหน้านั้นวานิลลาเคยเป็นลูซิที่ทำหน้าที่สำเร็จจนกลายเป็นคริสตัล มาก่อน ทว่าในวันดังกล่าวฟัลซิอนิมามีเรื่องจะให้เธอกับฟางทำ ก็เลยคืนชีพวานิลลาให้ฟื้นจากสภาพคริสตัล พอวานิลลาฟื้นแล้วเธอก็ลุกไปปลุกฟาง เธอรู้ตัวดีว่าเธอเป็นเสมือนทาสรับใช้ของฟัลซิ คือมีชีวิตอยู่เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ แล้วก็กลับเป็นคริสตัลดังเดิม รอคอยวันเวลาที่ฟัลซิจะเรียกใช้และคืนชีพให้เธอใหม่

เดิมทีแล้วทั้งสองนั้นเป็นลูซิของแกรนพัลส์ แต่ว่าฟางพยายามขัดคำสั่งของฟัลซิ เธอจึงถูกลบความทรงจำ เมื่อฟางตื่นขึ้นมาเมื่อ 13 วันก่อน เธอจึงไม่มีความทรงจำก่อนหน้านั้นเหลืออยู่ ผิดกับวานิลลาที่รู้ตัวดีว่าเธอเคยทำหน้าที่เป็นลูซิมาหลายครั้งแล้ว และจริงๆ เธอก็เป็นลูซิมานานแล้ว แต่ดันทำเนียนว่ากลายเป็นลูซิพร้อมพวกไลท์นิ่ง

ตัดกลับมายังเวลาปัจจุบัน ทางด้านไลท์นิ่งที่มาถึงยานพาราเมเกียแล้วก็วิ่งฝ่าไปตามทางเรื่อย ไล่ทุบไล่ตีทหารไปเรื่อยๆ

สลับมาทางด้าของซัสซ์กับวานิลลาที่โดนขังอยู่ในห้องเดียวกัน พอเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นในยาน ทหารก็เข้ามาในห้องขังเพื่อจะพาซัสซ์และวานิลลาไปกักตัวยังที่อื่นแทน แต่ซัสซ์ก็ขัดขืนและต่อยตีกับทหาร ส่วนวานิลลาก็แย่งปืนของทหารมาใช้ ทั้งสองหนีออกจากห้องขังไปจนเจอห้องที่เก็บอาวุธของพวกตน ทั้งสองก็หยิบอาวุธคืนมา แล้วก็วิ่งอาละวาดหาทางออกกัน

ขณะที่ยานเหาะกำลังวุ่นวาย ประมุขกาเรนธ์ยังคงนิ่งเฉย แต่จิลมีท่าทีร้อนใจมากและรีบออกคำสั่งด่วน

ในช่วงนี้เราต้องเล่นสลับระหว่างฝั่งซัสซ์กับฝั่งไลท์นิ่ง ก็พาวิ่งตามทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไลท์นิ่งเจอ BOSS:นกยักษ์คาราวินก้า พอปราบมันได้แล้วมันจะบินหนีไป ขณะเดียวกันกำแพงด้านข้างก็โดนระเบิดออก พอควันจางลงไลท์นิ่งก็เห็นซัสซ์กับวานิลลาที่อาละวาดจนกำแพงพังนั่นเอง

จังหวะนี้เจ้าบอสตัวเดิมจะบินกลับมา เราต้องสู้กับมันอีกรอบนึง พอชนะแล้วฟางก็จะเข้าไปโอบวานิลลา เธอดีใจมากที่วานิลลาปลอดภัย จากนั้นเธอก็ถกกระโปรงของวานิลลาขึ้นมาดูว่าสัญลักษณ์ของวานิลลาเป็นยังไง บ้างแล้ว โฮปที่เห็นขาอ่อนของสาวน้อยเข้าให้ก็ร้องโอ๊ะโอ... แล้วก็ปิดตา หันไปมองทางอื่น... ซัสซ์เห็นภาพแบบนี้แล้วก็แอบยิ้มอยู่คนเดียว เขาดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ฆ่าวานิลลาไป สโนวเห็นพิรุธก็หันไปถามซัสซ์ว่ามีอะไรเหรอ แต่ลุงแกก็บอกว่าเปล่าๆ ไม่มีอะไร

เราตัดสินใจจะบุกไปยังห้องของประมุขกาเรนธ์ด้วยกัน วานิลลาก็ใช้อาวุธของเธอตรึงร่างมังกรสีม่วงที่บินไปมาแถวนั้นเอาไว้ แล้วฟางก็กระโดดขึ้นไปเสียบมังกรให้ร่วงลงมา เธอบอกให้ทุกคนขึ้นขี่มันได้เลย เราจะไปหากาเรนธ์ด้วยกัน พวกเราทั้งหมดก็ขี่มังกร หลบการโจมตีของศัตรู จนไปถึงบริเวณใกล้ห้องพำนัก พวกเราก็กระโดดออกจากมังกรไป มาโผล่ยังทางเดินยาวที่มีศัตรูมากมาย ให้ฝ่าเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงด้านในสุด

ภายในห้องนั้นมีจิลกับกาเรนธ์รอต้อนรับเราอยู่ พอซัสซ์เจอจิลก็ควักปืนขึ้นมาทันที ส่วนจิลก็หยิบตะบองขึ้นมาหมายจะบู๊กับลูซิอย่างเราๆ แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อกาเรนธ์ที่อยู่ด้านหลังบอกว่า ไม่ต้อง... แล้วเขาก็ยิงพลังเวทใส่จิลจนกระเด็นไป...

ซัสซ์ตกใจมากที่ประมุขกาเรนธ์สามารถใช้เวทมนต์ได้ สโนวตะโกนบอกทันทีว่ามันไม่ใช่คนนี่หว่า... แล้วกาเรนธ์ไดสรี่ก็โชว์เมพด้วยการปล่อยพลังออกไปทั่วฟ้า ทำลายอาณาบริเวณรอบๆ ตัว สโนวเห็นท่าไม่ดีเลยวิ่งเข้าไปจะต่อยกาเรนธ์ แต่กลับติดบาร์เรียลึกลับทำให้กระเด็นกลับมา กาเรนธ์คำรามด่าเหล่าลูกน้องว่าเจ้าพวกทาสผู้โง่เขลาที่หวาดกลัวลูซิทั้ง หลายเอ้ยยย... ไลท์นิ่งเลยรีบชักดาบถามว่าตกลงแกเป็นใครกันแน่ เป็นลูซิงั้นเหรอ!?

กาเรนธ์ตอบกลับว่าคิดว่าเขาเป็นลูซิงั้นรึ? ไม่ใช่หรอก!! ฉันคือฟัลซิต่างหาก!!! ฟัลซิบัลโทอันเดลุส! ราชาแห่งฟัลซิ!! ประมุขของรัฐบาลสวรรค์และของโคคูนยังไงล่ะ!!!! แล้วเราก็ต้องสู้กับ BOSS:ราชาแห่งฟัลซิที่มีร่างกาย 5 ส่วนด้วยกัน

ในการสู้กับบัลโทอันเดลุส.... เราต้องเตรียมการมาดีกว่าปกติ ขึ้นชื่อว่าราชาแห่งฟัลซิแล้ว ย่อมเชื่อได้ว่าพี่แกมีฝีมือเหนือชั้นกว่าบอสทั้งหมดที่เราเคยเจอมาหลายขุม ร่างกายส่วนหลักของมันจะมีพลังประมาณ 4 แสนกว่า เราต้องกำจัดส่วนย่อยๆ ทั้ง 4 ส่วนของมันก่อน และถึงจะสามารถทำเชนเพื่อเบรคส่วนหลักของมันได้ พอมันเหลือแต่ส่วนหลักแล้ว การโจมตีของมันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ท่าเลเซอร์นรกแต่ละท่าของมันมีอานุภาพขนาดประทับตราวีซ่าให้เราไปทัวร์ยมโลก ได้ทันที ดังนั้นเราต้องใช้บัฟโพรเทคและเชลช่วยเอาไว้ตลอด ถ้าโพรเทคและเชลหายเมื่อไหร่ก็ให้รีบเติมทันที และควรหมั่นเติมพลังให้เต็มอยู่ตลอดเวลา มีจังหวะค่อยร่ายดีบัฟใส่มัน ขอให้จำไว้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการชนะมันคือหมั่นเติมพลังให้เต็ม และเติมบัฟไม่ให้ขาดอยู่เสมอ ตัวละครที่แนะนำคือไลท์นิ่ง ฟาง และโฮปครับ

พอชนะมันแล้วคริสตัลเลียมจะอัพเลเวล พวกเราที่เห็นกาเรนธ์หายไปแล้วก็พากันพูดว่ามันตายแล้วเหรอ แต่กาเรนธ์ดันบินลงมาจากฟ้าแล้วบอกว่าราชาแห่งฟัลซิจะไปตายได้ยังไงเล่า! ไอ้ที่สู้ไปเมื่อกี้มันเป็นแค่น้ำจิ้ม ก็แค่การทดสอบฝีมือของพวกเราเท่านั้นแหละ แล้วมันก็เล่าความจริงให้ฟังว่า เค้าคือราชาฟัลซิของพัลส์ ที่ต้องการกำจัดฟัลซิออฟาน ซึ่งออฟานเป็นฟัลซิของพัลส์ที่ทรยศมาอยู่ฝั่งโคคูน ดังนั้นภารกิจที่เขาและอนิมาขอมอบให้ลูซิอย่างพวกเราก็คือ "การเรียกมนต์อสูรแร็คนาร็อคมากำจัดฟัลซิออฟาน" ที่เป็นพวกโคคูน แล้วทำลายโคคูนทิ้งซะ

แล้วเค้าก็ตอบข้อสงสัยให้ฟังว่าหน้าที่ที่ฟัลซิอนิมามอบให้เซร่าก็คือ การล่อคนมาเป็นลูซิ เพื่อที่จะได้ใช้คนพวกนั้นไปปราบออฟาน และถล่มโคคูนอีกทอดนึง.... การที่พวกเรา 5 คนแห่กันเข้าไปในโบราณสถาน ได้ทำให้ภารกิจของเซร่าเสร็จสมบูรณ์ เธอจึงได้กลายเป็นคริสตัล ในตอนนี้ถึงกาเรนธ์อยากให้พวกเราไปจัดการออฟาน แต่จากการทดสอบฝีมือ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าฝีมือของเรายังไม่ถึงขั้น ดังนั้นพวกเจ้าจงไปเอาพลังใหม่มาซะ.... ว่าแล้วกาเรนธ์ก็เสกนกแถวนั้นที่บินผ่านให้กลายเป็นยานเหาะ ตัวเขาลอยหายเข้าไปในยานเหาะ และไลท์นิ่งก็เรียกให้ทุกคนตามเข้าไปก่อน

พอยานเหาะออกบินเท่านั้นแหละ พันโทรอชที่ยังไม่ตายก็ขับยานเหาะมาไล่ยิงเรา เกิดเป็นการไล่ลากลางเวหา ถึงแม้จะโดนยิงไปเยอะ แต่ยานเรากลับไม่เป็นอะไรเลย พอเราสะบัดยานของรอชพ้น ทุกคนในยานก็มัวแต่มองด้านหลังกันว่ารอชตามมาทันรึเปล่า จนลืมมองด้านหน้า..... สุดท้ายยานก็ชนเข้ากับสิ่งปลูกสร้างอย่างหนึ่ง...

Chapter 10
สถานที่ : ฟิฟธ์อาร์ค.... อารยธรรมที่หลงเหลือจากพัลส์

เดิมทีแล้วสถานที่แห่งนี้เคยตั้งอยู่ในพัลส์ แต่ถูกฟัลซิยกมาไว้ในโคคูน

ทุกคนลงมาจากยานแล้วก็มายืนเก็กซิมว่าจะเอาไงต่อกับชีวิตดี สโนวได้แต่เหม่อลอยสับสน ก็ไหนเซร่าบอกให้เขาปกป้องโคคูน แต่ภารกิจของเขาดันเป็นการกำจัดฟัลซิออฟานและทำลายโคคูน จะเอายังไงกับชีวิตดีล่ะ

โฮปเองคิดว่าถ้าเราเรียกแร็คนาร็อคออกมากำจัดออฟานได้จริง เราก็ต้องกลายเป็นคริสตัลอยู่ดี แล้วถึงฟัลซิจะคืนชีพให้ทีหลัง มันก็จะคืนชีพให้ต่อเมื่อมีเรื่องจะใช้เรา แล้วพอเราทำหน้าที่เสร็จ เราก็ต้องกลายเป็นคริสตัลอีกรอบ แบบนี้ก็เท่ากับเราต้องกลายเป็นทาสของฟัลซิไปชั่วนิรันดร์อย่างนั้นเหรอ!?

ในตอนนี้สัญลักษณ์แห่งลูซิของแต่ละคนได้กลายเป็นสีแดงแล้ว นั่นแปลว่าทุกคนเหลือเวลาทำภารกิจอีกไม่นาน หากทำไม่ทันเวลา ทุกคนก็ต้องกลายสภาพเป็นมอนสเตอร์ ระหว่างปรึกษากันอยู่ศัตรูที่เป็นหุ่นยนต์เจ้าที่ก็แห่กันเข้ามาต้อนรับขับ สู้ เราก็วิ่งหนีโกยเอาโกยเอาตามอัธยาศัย ถึงตอนนี้เราจะสามารถเปลี่ยน Leader ได้อย่างเสรีแล้ว และยังสามารถอัพคริสตัลได้ทุกสายแล้วด้วย

ให้เราลงไปด้านล่างเรื่อยๆ ลงลิฟต์ไปจนถึงด้านในสุด แล้วจะเจอผู้บัญชาการกองทัพอากาศ "ซิด เรนส์" โผล่มาขวางทางไว้ ซิดจะรู้เรื่องของเราทั้งหมดแล้ว รวมทั้งเรื่องที่เรามีหน้าที่ต้องทำลายโคคูนด้วย แต่ซิดบอกว่าเขาเองก็เป็นลูซิเหมือนกัน โดยเขาเป็นลูซิฝั่งโคคูน และหน้าที่ของเขาก็คือการปกป้องโคคูน ดังนั้นเขาจะปล่อยให้เราทำตามใจชอบไม่ได้ พอพวกเราได้ยินก็ตกใจในเรื่องที่ซิดเป็นลูซิ ไลท์นิ่งเห็นแล้วก็พุ่งเข้าไปจะฟาดดาบใส่ซิด แต่ซิดก็จับแขนของไลท์นิ่งไว้ได้ แล้วก็เหวี่ยงไลท์นิ่งซะกระเด็น ดาบของไลท์นิ่งปลิวลอยขึ้นฟ้าและตกลงมาเข้าสู่มือของซิด แล้วซิดก็โยนดาบคืนให้กับไลท์นิ่ง

เราต้องสู้กับ BOSS: ที่แปลงร่างมาสู้กับเรา เขาจะมี HP ประมาณ 2 แสนหน่อยๆ เขาจะใช้บัฟเสริมพลังให้กับตัวเอง และยังมีท่าโจมตีหนักๆ มากมาย เวลาใกล้ตายจะโหดขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้เอาวานิลลาไปร่ายดิสเปลและยิงดีบัฟใส่ แล้วเอาโฮปไปช่วยบัฟและฮีลให้เราด้วย ส่วนตัวแทงค์แนะนำให้เอาสโนวครับ เพราะการสู้กับซิดนั้นต้องเน้นถึกจริงๆครับ

พอเราชนะซิดแล้ว นั่นแปลว่าหน้าที่ในการปกป้องโคคูนของซิดเสร็จสิ้นลงแล้ว ซิดกลายเป็นคริสตัล แล้วก็สลาย ล่องลอยขึ้นไปบนฟ้า

ลงไปถึงด้านในสุด สโนวจะตัดสินใจได้ว่า.....ถึงหน้าที่ในฐานะลูซิของเขาจะเป็นการทำลายโคคูน แต่เขาอยากจะปกป้องโคคูนของเซร่า โคคูนของทุกคน ปกป้องดาวที่เขาเกิดและเติบโตมา ว่าแล้วฮีโร่ซังก็เริ่มทำการไซโคคนในกลุ่ม จนวานิลลาและโฮปคล้อยตามวิ่งเข้ามาประสานมือกับสโนวด้วย ทว่าฟางกลับไม่สนใจ เธอบอกว่าเธอจะทำหน้าที่ให้สำเร็จ โคคูนจะล่มสลายไปยังไงก็ช่าง มันย่อมดีกว่าการที่เธอต้องเห็นเพื่อนๆ กลายสภาพเป็นมอนสเตอร์ไป แล้วสัญลักษณ์ของฟางก็ส่องแสงออกมา เกิดเป็นบาฮามุทพุ่งพวยขึ้นไปบนฟ้า ทุกคนรีบชักอาวุธขึ้นมาเตรียมรับมือพอดี แล้วบาฮามุทเจ้ากรรมก็ยิงเมก้าแฟลร์ออกมาจากปาก บอลพลังนั้นพุ่งเข้าหาฟางด้วยความรวดเร็ว ไลท์นิ่งเห็นดังนั้นเลยรีบพุ่งมาบังฟางให้ทันที แต่แล้วกลับเป็นสโนวที่พุ่งมาบังไลท์นิ่งไว้อีกต่อ เขาใช้มือของเขารับเมก้าแฟลร์ของบาฮามุท และปัดมันออกไปได้อย่างสบายๆ  พอเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว ไลท์นิ่งก็ยื่นมือไปทางฟาง แล้วบอกว่ามาช่วยกันเถอะ

เราต้องใช้ฟาง วานิลลา ไลท์นิ่ง สู้กับ BOSS: บาฮามุท ซึ่งผมเล่นมั่วๆ เทคเดียวผ่าน ก็เลยไม่มีคำแนะนำใดๆ ให้ นอกจากพุ่งเข้าไปตีรัวๆ รัวๆ และรัวๆ ก็จะผ่านง่ายๆ เลยครับ

พอชนะแล้วเราจะได้มนต์อสูรบาฮามุทพร้อมเกจ ATB ของฟางอีก 1 ช่อง แล้วฟางจะยอมทำตามที่ทุกคนพูด จะปกป้องโคคูนอะไรก็แล้วแต่ ไปก็ไป ยังไงทุกคนก็คือพวกเดียวกัน ให้เดินทางไปต่อจะเห็นเส้นทางที่สัตว์อสูรเปิดไว้ให้ ไปจนสุดทางจะเจอยานเหาะที่จอดรอเราอยู่ วานิลลาบอกว่ามันคือเหาะจากแกรนพัลส์ ซัสซ์บอกว่าเขาจะขอขับมันเอง แต่ฟางรีบย้อนทันทีว่านายจะทำได้เหรอ กลไภายในของมันไม่เหมือนกับยานเหาะในโคคูนหรอกนะ แต่ซัสซ์บอกว่าเชื่อมือเขาได้เลย แล้วก็ทุบหน้าอกตัวเองแรงๆ แต่ดันทุบแรงไปหน่อยก็เลยสำลัก ไอค่อกแค่กออกมา สโนวที่ขำก็ช่วยตบหลังแรงๆ ซ้ำให้อีกที

ซัสซ์จะขับยานออกมาจากโคคูน เพื่อมุ่งหน้าลงไปยังโลกเบื้องล่าง แต่พอเข้าสู่น่านฟ้าของพัลส์เท่านั้น สัตว์ยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาโจมตีเรากลางอากาศ ทำเอากระจกยานแตกกระจุย ลมที่พัดทะลุเข้ามาทำให้ทุกคนปลิวออกจากยาน ระหว่างที่กำลังร่วงลงมา ฟางก็เรียกบาฮามุทมารับตัวเธอกับไลท์นิ่ง แล้วให้บาฮามุทพุ่งเข้าไำปรับซัสซ์ สโนว โฮป และวานิลลา พอทุกคนนั่งอยู่บนบาฮามุทพร้อมแล้ว ฟางก็บอกว่ายินดีต้อนรับสู่ "แกรนพัลส์"


Chapter 11
สถานที่ :  หุบเขามีเดีย

เมื่อมาถึงแกรนพัลส์แล้วเราจะแยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย วานิลลาจะไปนอนโดยมีฟางเฝ้าอยู่ข้างๆ โฮปจะไปเล่นกับลูกโจโคโบะ ส่วนซัสซ์ สโนว และไลท์นิ่งจะออกไปสำรวจทาง แต่พอถึงเวลารวมพล ลูกโจโคโบะดันบินกลับมาตัวเดียวโดยไม่มีโฮปมาด้วย

เราช่วยกันออกตามหาโฮป จนเจอโฮปสลบอยู่ที่ริมน้ำ เราเลยไม่เคลื่อนไปไหน นั่งผิงไฟกันอยู่แถวนั้นจนถึงค่ำ ระหว่างนั้นเองโฮปก็ฟื้นขึ้นมา เขาอธิบายให้ทุกคนฟังว่าเขาพยายามสู้กับศัตรูคนเดียวจนสลบไป ไลท์นิ่งเลยบอกว่าให้ทุกคนช่วยก็ได้นี่นา ก็เราเป็นพวกพ้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไม่ใช่เหรอ โฮปจึงบอกว่าก็เพราะว่าเป็นพวกพ้องน่ะสิถึงไม่อยากให้พวกเราโดนทำร้าย ความรู้สึกที่อยากช่วยเหลือเพื่อนๆ นั้น ได้ทำให้ BOSS: อเล็กซานเดอร์ ปรากฏตัวขึ้นมา ไลท์นิ่งบอกว่านั่นคือพลังของโฮปเอง นายต้องจัดการมันให้ได้ แล้วไลท์นิ่งกับฟางจะเข้ามาช่วยกันปราบอเล็กซานเดอร์

ในการต่อสู้กับอเล็กซานเดอร์ ให้โฮปบัฟสเตตัสให้กับเพื่อน จากนั้นก็ฮีลรัวๆ ไป ส่วนไลท์นิ่งก็ยิงเวทรัวๆ แล้วฟางเป็นคนโจมตี ซักพักก็จะปราบอเล็กซานเดอร์ได้อย่างง่ายดาย เมื่อชนะแล้วเราจะได้มนต์อสูรอเล็กซานเดอร์ และเกจ ATB ของโฮปก็จะเพิ่มมาอีก 1 ช่อง

เราจะเดินทางต่อมายังทุ่งอาคิลิท แล้วจะเจอแท่นหินแปลกๆ ที่เป็นตัวมอบมิสชั่น แท่นหินพวกนี้คือซากของลูซิที่เคยทำหน้าที่ไม่สำเร็จ พวกเขาจึงอยากให้เราช่วยรับฟังคำขอร้องและทำมิสชั่นให้สำเร็จแทนเขา ภายในพัลส์จะมีตัวจ่ายมิสชั่นทั้งหมด 64 มิสชั่น กระจายอยู่ทั่วๆ พัลส์ มิสชั่นไหนทำแล้วเวลากดสี่เหลี่ยมเพื่อเรียกแผนที่ ก็จะมีการติ๊กบอกว่าอันไหนทำแล้ว อันไหนยังไม่ทำ ก็ลองค้นหาดูนะครับ

ตอนนี้เราอย่าพึ่งมุ่งหน้าไปต่อ แต่ให้เดินย้อนกลับมาด้านหลัง ไปตามเส้นทางเรื่อยๆ เราจะมาถึงภูเขายาจัส แล้วจะพบว่าลูกศรนำทางที่เคยชี้ให้เราไปทางหนึ่ง ตอนนี้มันดันชี้ไปอีกทางแล้ว ก็ให้เราตามลูกศรไปจนเจออีเวนต์ เป็นเหตุการณ์ที่โฮปนั่งคุยกับวานิลลา โดยโฮปบอกว่าเขาชอบรอยยิ้มของวานิลลา แล้ววานิลลาก็อายใหญ่ โฮปเลยบอกว่ายิ่งน่ารักเข้าไปอีก แล้วโฮปก็วิ่งหนีไป วานิลลาที่อายก็วิ่งไล่จับโฮปแก้เขิน

เสร็จจากอีเวนต์นี้แล้วให้กลับไปที่ทุ่งอาคิลิท สถานที่ๆ ถูกเรียกว่านรก... ซึ่งหากคุณลองเดินเล่นในทุ่งนี้ดูซัก 10 นาที คุณจะเข้าใจเองว่ามันนรกยังไง มอนสเตอร์มากมายในทุ่งแห่งนี้มีพลังมากพอที่จะขยี้เราให้ตายในพริบตา ไม่ว่าจะเป็นอันดามันไท คิงเบฮมีอธ หรือเจ้าหมายักษ์เมกิโด้ นอกจากนี้ภายในส่วนลึกของพัลส์ยังคงมีมอนสเตอร์ระดับเจ้าที่อีกมากที่รอต้อนรับเราอยู่ ฉะนั้นเพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี กรุณากลับไปเก็บเลเวลที่ภูเขายาจัสเสียก่อน เอาไว้มั่นใจแล้วค่อยกลับไปทำเนื้อเรื่องต่อก็ยังไม่สาย

 ถ้าพร้อมแล้ว ให้เราเดินสำรวจทุ่งอาคิลิทจนเจอเนินเขาที่มีเต่ายักษ์อันดามันเคริสนอนอยู่ รอบๆ ขึ้นไปบนเนินนั้นแล้วเราจะเจออีเวนต์ที่ซัสซ์พบซาโบเทนเดอร์ มันจะวิ่งหนีไปมาด้วยความเร็วสูง ให้สังเกตทิศทางการหลบของมันให้ดี แล้วพยายามแตะตัวมันให้ได้ เมื่อเราจับตัวมันได้ก็จะต้องสู้ พอชนะมันแล้วหลังจากนี้ก็จะมีซาโบเทนเดอร์ปรากฏเป็นมอนสเตอร์ธรรมดาๆ วิ่งไปวิ่งมาเต็มทุ่งนี้แล้ว

ให้เราวิ่งผ่านทุ่งอาคิลิทไปตามทาง ก่อนจะถึงถ้ำจะเจอคิงเบฮีมอธกับหมาเมกิโด้กำลังฟัดกัน... จงใช้สกิลที่ฝึกมาจากวินนิ่ง ทำการสับขาหลอก วิ่งหลบผ่านมอนสเตอร์ทั้งสองตัวเพื่อเข้าไปยังถ้ำด้านหน้าให้ได้ซะ

ภายในถ้ำ จะมีทางแยกย่อยมากมาย กรุณาไปตามลูกศรอย่างเดียว เพราะหากออกนอกเส้นทาง คุณอาจจะเจอหุ่นยนต์นรก บอมบ์นรก หรือตัวนรกอื่นๆ ที่คอยแจก Game Over ให้กับผู้เล่นอย่างง่ายๆ ทว่าหากคุณไปตามเส้นทางปกติ คุณก็จะเจอกับหุ่นยนต์เจ้าที่ ที่ยืนจังก้าขวางทางไปต่ออยู่ ขึ้นชื่อว่าหุ่นเจ้าที่แล้ว...ขอบอกว่ามันไม่ธรรมดา เพราะมันสามารถเรียกพวกออกมาช่วยได้เรื่อยๆ นั่น เอง ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพบหุ่นตัวใหญ่ๆ หน้าตาโง่ๆ ยืนกางแขนบังทางไปต่อ ให้คุณสังเกตการเคลื่อนไหวแล้วหาทางเลี่ยงการปะทะกับมันซะ วิถีหลบมันง่ายๆ คือ ให้ไปยืนอยู่ด้านหน้าทางซ้ายของมัน แล้วมันจะพยายามหมุนตัวมาหาเรา จังหวะที่มันหมุนตัว แขนที่เคยบังทางเอาไว้จะบิดออกทำให้เราวิ่งผ่านไปได้ แต่ใครที่อยากสู้กับมันก็ให้ลองสู้ดูได้ แต่เวลาสู้กับมันให้เรามุ่งกำจัดเจ้าหุ่นเจ้าที่นี้ก่อน อย่าไปกำจัดหุ่นลูกน้องของมัน ไม่งั้นมันจะเรียกพวกมาช่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านจากถ้ำแรกมาแล้ว จะเจอเหตุการณ์ที่วานิลลาถามฟางว่าจำดอกไม้นี้ได้มั้ย ระหว่างที่คุยๆ กันอยู่สัญลักษณ์ของวานิลลาจะส่องแสงเกิดเป็น    BOSS: เฮคาตันไครีส โดยเราต้องใช้วานิลลากับฟางแค่สองคน เงื่อนไขการผ่านคือต้องโจมตีมันรัวๆ จนได้จำนวนครั้งตามที่กำหนด

เฮคาตันไครีสนั้นจะต่างจากศัตรูทั่วไป เวลาปกติมันจะทำการตั้งรับอยู่ตลอดเวลา แต่พอตั้งรับไปซักพักมันจะทำการเคาเตอร์กลับอย่างรุนแรง เราต้องจดจำให้ดีว่าจังหวะไหนที่มันจะตั้งรับ จังหวะไหนที่มันจะลุย เวลาที่มันตั้งรับให้วานิลลาเป็น Jammer และฟางเป็น Attacker ช่วยกันโจมตีรัวๆ ส่วนจังหวะที่มันเคาเตอร์ ก็ให้วานิลลาแบบ Healer คอยฮีล และฟางที่เป็น Defender ก็ให้ตั้งการ์ดเอาไว้ ทำสลับไปมาตามจังหวะ ก็จะผ่านไปได้เอง แล้วจะได้มนต์อสูรเฮคาตันไครีสเพิ่มมา และเกจ ATB ของวานิลลาจะเพิ่มอีก 1 ช่อง

ให้เรามุ่งหน้าเข้าถ้ำไปจนถึงด้านในสุด จะมีเหตุการณ์ที่โฮปเล่นซนจนเกือบโดนฟัลซิอโตมอสทับ แต่พวกหุ่นจักเกอร์นอร์ทที่รักโฮปกลับโผล่มาช่วยกันหยุดอโตมอสไว้ หลังจากนี้เราจะสามารถขึ้นขี่อโตมอสได้ ก็ให้ขี่มันจะไปโผล่ทางเข้าถ้ำอีกแห่งหนึ่ง

เข้าไปด้านในแล้วสโนวจะเอาคริสตัลที่เป็นหยดน้ำตาของเซร่าขึ้นมาส่อง เพื่อให้เซร่าได้มองดูโคคูนที่ยังปลอดภัยดี วานิลลาจะมาขอสโนวดูคริสตัลบ้าง แล้ววานิลลาจะนึกถึงเรื่อง 5 วันก่อนเริ่มเกม ซึ่งเธอได้เจอกับเซร่าที่ชายหาดเมืองโบดัม วานิลลาจะนั่งเล่นอยู่กับเซร่า และขอโทษที่ทำให้เซร่าต้องแบกรับหน้าที่ในฐานะลูซิไปด้วย เดิมทีแล้วหน้าที่ในการหาคนมาเป็นลูซิเพื่อทำลาสยโคคูนนั้นเคยเป็นของ วานิลลา แต่ตอนนี้มันถูกส่งผ่านไปยังเซร่า

เดินทางต่อ ถ้ำแห่งนี้นอกจากจะมีน้ำตกและทะเลสาบตั้งอยู่แล้ว ยังมีปลาเจ้าที่สถิตอยู่ด้วยอีกต่างหาก ซึ่งปลาเจ้าที่ดังกล่าวมิใช่ปลาธรรมดา แต่มันเป็นมอนสเตอร์ระดับเจ้าที่ ที่คอยยืนขวางทางไปเก็บสมบัติชิ้นต่างๆ และเวลาสู้กับมัน มันจะสามารถเรียกพวกออกมาช่วยได้เรื่อยๆ น่าสยดสยองเป็นที่สุด ดังนั้นยามใดที่คุณเจอปลาดังกล่าว กรุณารีบกำจัดมันโดยไม่ต้องไปสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นรอบๆ ตัว 

ออกจากถ้ำแล้ว จะมาโผล่ที่ทุ่งดอกไม้ สโนวถามไลท์นิ่งว่าเราจะได้เจอเซร่าอีกแน่ๆ ใช่มั้ย ไลท์นิ่งบอกว่าต้องได้เจอสิ ก็นายเป็นคนมอบความฝันนั้นให้กับเธอไม่ใช่เหรอ แล้วไลท์นิ่งก็ร้องไห้ สโนวเลยบอกว่าไว้จบเรื่องแล้วเรากลับไปหาเซร่าด้วยกันนะ 

เลยจากทุ่งดอกไม้ไปหน่อย ก็จะพบหอคอยเทจินที่อยู่ท่ามกลางทิวผา แถมหอคอยนี้มันยังหักครึ่งแล้วอีกด้วย ไม่รู้ไปโดนเจ้าที่ตนไหนซิวเข้าให้... วานิลลาบอกว่าข้างหน้านี้ก็เป็นบ้านเกิดของเธอแล้ว แต่ต้องผ่านหอคอยนี้ไปก่อน ก็ให้เราเข้าไปในหอคอย เดินตามโฮปเข้าไปในลิฟต์ จนโผล่มาบนชั้น 2 จะเจอรูปปั้นที่เป็นตัวจ่ายมิสชั่นกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ เราต้องทำมิสชั่นให้สำเร็จทั้งหมด ทางไปต่อถึงจะถูกเปิดออก ทำได้แล้วก็ให้ขึ้นไปบนชั้น 3 ให้เราไล่ทำมิสชั่นตามชั้น 3-6 ไปเรื่อยๆ พอทำมิสชั่นเสร็จแล้วจะสามารถกดลิฟต์ไปบนชั้นยอดของหอคอยได้ แต่ถ้าไปขึ้นลิฟต์อีกตัวที่อยู่ไกลๆ ก็จะสามารถไปเก็บหีบสมบัติที่ชั้น 7 ได้

ที่ยอดหอคอย เราจะเจอเจ้าที่ประจำหอคอยนี้ มันคือ BOSS: ฟัลซิดาฮาคา มีพลังชีวิตประมาณ 2.3 ล้าน แถมเวลาใกล้ตายมันจะใช้ท่าที่ทำให้เราติดสเตตัสผิดปกติทุกชนิด ให้คอยใช้เวทเอสน่าให้ทัน แล้วจะผ่านได้ไม่ยาก

ชนะแล้วเราจะมีลิฟต์โผล่ขึ้นมาในชั้นนั้นเพิ่มอีก 1 ตัว ให้เราเข้าไปลิฟต์แล้วจะสามารถลงไปที่ชั้น 7 ได้ ก็ให้ลงไปที่ชั้น 7 ไปสำรวจรูปปั้น แล้วกลไกของหอคอยจะกลับสู่สภาพปกติ ทำให้สามารถใช้ลิฟต์ไปมาทุกชั้นได้แล้ว นอกจากนี้ที่ชั้น 7 ยังมีหีบสมบัติที่ให้ไอเทม "กู๊ดช็อยส์" ที่ช่วยเพิ่มอัตราการดรอปของไอเทมปกติด้วย โปรดอย่าลืมเก็บมา 

เสร็จภารกิจแล้วก็ให้กลับขึ้นไปยังชั้นยอดของหอคอย จะพบทางเดินไปขึ้นยานเพื่อมุ่งหน้าไปยังทุ่งหิมะอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านโอลบาซึ่งเป็นบ้านเกิด ของวานิลลา แต่ตอนนี้มันร้างซะจนมีแต่มอนสเตอร์และพวกคนที่กลายสภาพแล้วอาศัยอยู่

ภายในหมู่บ้านนี้จะมีบ้านหลังหนึ่งที่เป็นบ้านเก่าของวานิลลา ภายในจะมีหุ่นยนต์ ???? พักตี้ที่เจ๊งแล้วอยู่ เราต้องหาชิ้นส่วนทั้ง 5 มาช่วยซ่อมมัน โดนชิ้นส่วนนี้จะกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของหมู่บ้าน ก็ต้องออกแรงเดินสำรวจกันหน่อย ชื่อชิ้นส่วนทั้ง 5 ก็มีดังนี้ ??????, ????????, ???????, ?????? และ ?????? เมื่อซ่อมพักตี้ได้แล้วได้ไอเทมเป็นรางวัล และยังได้ Trophy อีกใบหนึ่งด้วย

เข้าไปจนถึงด้านในสุดของหมู่บ้าน เราจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยออกมาอธิบายเรื่องอสูรแร็คนาร็อค ทันใดนั้นเซร่าที่ทุกคนรู้จักก็ปรากฏตัวออกมา เธอเรียกไลท์นิ่งด้วยชื่อจริงว่าพี่ "เอเครล" แล้ววิ่งเข้ามากอดสโนวท่ามกลางความตระหนกตกใจของทุกคน เซร่าจะบอกให้ทุกคนเรียกแร็คนาร็อคออกมาทำลายโคคูนให้ได้ สโนวที่ได้ยินเลยรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เซร่าที่เขารู้จัก ก็เลยผลักเซร่าออกไป เซร่าจะยังคงยุให้เรากำจัดออฟาน ทำลายโคคูนให้ได้ แต่เจ๊เอแคร์ไส้สตอเบอร์รี่ เอ๊ย...ไลท์นิ่งกลับไม่เชื่อว่านี่คือคำพูดที่มาจากปากน้องสาวของตน ก็เลยชักดาบขึ้นมาเตรียมสู้

เซร่าแสดงตัวออกมาว่าแท้จริงแล้วมันคือกาเรนธ์ ไดสรี่ที่ปลอมตัวมา สโนวเห็นว่าไดสรี่มากวนตีน ก็เลยวิ่งเข้าไปต่อย แต่กาเรนธ์ก็วาร์ปหลบได้ แม้จะวิ่งเข้าไปต่อยอีก แต่ก็ติดบาร์เรียจนสโนวกระเด็นกลับมา มันจะยุให้เราทำลายโคคูนต่อ แล้วยังบอกอีกว่าตอนนี้ซิดเองก็กำลังดำเนินแผนการณ์เพื่อทำลายโคคูนอยู่ พวกเราเลยถามไปว่าซิดยังมีชีวิตอยู่เหรอ มันเลยบอกว่ามันเป็นคนปลุกซิดขึ้นมาจากสภาพคริสตัลเอง และตอนนี้ซิดเป็นทาสรับใช้ของมัน โดยหน้าที่ใหม่ของซิดก็คือการทำลายโคคูน!!!

เราจะขี้เกียจฟังที่มันพูดเลยต้องสู้กับมัน BOSS: ฟัลซิบัลโทอันเดลุส พลังชีวิตประมาณ 3 ล้าน เล่นไปตามปกติก็ชนะสบายๆ แล้วคริสตัลเลียมก็จะเลเวลอัพ
ถึงชนะราชาแห่งฟัลซิได้อีกครั้ง แต่มันก็ยังไม่ตาย ว่าแล้วมันก็เสกนกให้กลายเป็นยานเหาะสำหรับพวกเรา แล้วฝากให้พวกเรากลับไปทำลายโคคูนด้วยนะ

โฮปจะบอกให้ทุกคนปกป้องโคคูนให้ได้ แล้วก็ทวนคำพูดของไลท์นิ่งที่ว่าทำได้หรือไม่นั้นไม่สำคัญ ว่าแล้วทุกคนก็ตกลงตามนั้น ยังไงก็ต้องปกป้องโคคูนให้ถึงที่สุด แต่ตอนนี้ ต้องรีบนั่งเครื่องบินกลับไปโคคูนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นซะแล้ว...


Chapter 12
สถานที่ :  มหานครเอเดน

ณ ทำเนียบของรัฐบาล ซิดที่น่าจะกลายเป็นคริสตัลอยู่กับเฝ้ามองความเป็นไปของโคคูนอย่างสงบ เขาได้จัดการแข่งขันขับยานที่คล้ายๆ กับซิ่งรถในโลกของเราขึ้น แล้วก็กล่าวปราศรัยต่อสาธารณชนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการแข่งขันครั้งนี้ โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการล่อคนจำนวนมากให้มาชุมนุมกันที่เมืองหลวงนั่นเอง

เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น พวกเราทั้ง 6 ก็พุ่งลงมาจากฟ้า ตกลงมาในสนามแข่งพอดี ทำให้นักแข่งหลายคนที่หักหลบพวกเราต้องกระเด็นออกนอกเส้นทางไป แต่สโนวก็เรียกศิวะออกมาจับยานพวกนั้นไม่ให้ปะทะเข้ากับอะไร สโนวที่กำลังดีใจก็ตะโกนดังลั่นว่าฮีโร่กลับมาแล้ว ว่าแล้วพี่แกก็ชูกำปั้นขึ้นสูง กล้องในสนามรีบจับภาพไปที่แขนของสโนว ทำให้ผู้เข้าชมทุกคนเห็นสัญลักษณ์ของลูซิ และแตกตื่นกันอย่างมาก พอมีการประกาศว่าลูซิหลงเข้ามาในสนามแข่งเท่านั้นแหละ ผู้คนก็เลยรีบหนี พวกทหารยามต่างๆ ก็ปรี่เข้ามาไล่จับพวกเรา สโนวเลยขี่ศิวะแล้วแว้นซ์หนีทันที  โฮปเองก็เรียกอเล็กซานเดอร์มาทุบศัตรู โอดินกับไลท์นิ่งก็สู้เคียงข้างกัน  เธอกระโดดข้ามไปมาระหว่างรถแข่งคันแล้วคันเล่าพร้อมกำจัดศัตรูไปด้วย ส่วนวานิลลากับเฮคาตันไครีสที่เจอทหารเอาบาซูก้ายิ่งใส่ ก็กระเด็นปลิวไป แต่ก็ได้ซัสซ์ช่วยเอาไว้

ไลท์นิ่งจะขี่โอดินแล้วไล่ฟันทหารฝ่ายศัตรูจนเละ เมื่อไปถึงสุดท้ายแล้วจะเจอ BOSS: ให้เราใช้โอดินโจมตีมันรัวๆ เร็วๆ ก็จะผ่านได้อย่างสบาย

ตอนนี้เอง ท่ามกลางท้องฟ้าอันว่างเปล่า ประตูมิติที่เชื่อมระหว่างพัลส์กับโคคูนก็เปิดออกมา ทำให้มอนสเตอร์ยักษ์จำนวนมากเดินทางจากพัลส์มายังโคคูน สร้างความโกลาหลไปทั่ว คิงเบฮีมอธ หมาเมกิโด เต่าอันดามัน ปลาเจ้าที่และหุ่นเจ้าที่ทั้งหลายแห่กันกรูออกมา เล่นเอาคนหนีตายกันจ้าละหวั่น เมืองหลวงแห่งนี้กำลังจะกลายเป็นนรกแห่งการสังหารหมู่

ทหารนายหนึ่งเข้ามาแจ้งซิดว่ามอนสเตอร์จากพัลส์บุกเข้า มาในโคคูนแล้ว ทหารที่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของซิดก็พยายามจะยิงซิดทิ้งซะ แต่แล้วริกดี้และทหารในสังกัดกองทัพอากาศก็ปรากฏตัวขึ้นมากำจัดทหารคนนั้น ทิ้ง เสร็จแล้วริกดี้ก็เข้ามาถามซิดตรงๆ ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนการณ์ของนายงั้นรึ? ซิดนั่งตอบอย่างสงบใจว่าเขาในตอนนี้เป็นเพียงทาสรับใช้ของฟัลซิเท่านั้น เมื่อริกดี้ได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาปืนจ่อขมับของซิด แล้วก็ยิงซิดทิ้งซะตรงนั้น ส่วนตัวเขาเองและกองทัพอากาศก็อยู่ทำหน้าที่ปกป้องโคคูนต่อไป เป็นอันว่าหน้าที่ของซิดในภาคนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้

กลับมาที่พวกไลท์นิ่งซึ่งยังอยู่ในสนามแข่ง ให้เราเข้าไปด้านใน เดินไปตามทางสนามแข่ง แล้วจะเจอเหตุการณ์ที่เหมือนกับฉากเปิดตัว FInal Fantasy XIII Trailer แรกที่ฉายในงาน E3 ไลท์นิ่งกระโดดลงมาจากฟ้าโยนระเบิดใส่ทหาร เธอใช้อุปกรณ์ต่อต้านแรงโน้มถ่วงทำให้เธอและพวกตกลงพื้นได้อย่างปลอดภัย จากนั้นเธอก็อาละวาดไล่กำจัดศัตรูที่ขวางทางแบบที่เราเคยเห็นในเทรลเลอร์แรก เป๊ะ เข้าไปด้านในแล้วเราต้องสู้กับคิงเบฮีมอธ และศัตรูต่างๆ ในพัลส์ที่เราเคยเจอมา แต่คราวนี้เราจะหนีไม่ได้แล้ว เพราะต้องลุยไปตามเนื้อเรื่องอย่างเดียว

ไปจนสุดทางแล้วเราจะเจอพันโทรอชออกมาขวาง ตัวเขาบอกว่าจะปกป้องโคคูนให้ได้ สโนวเลยบอกว่าเขาก็จะปกป้องโคคูนเช่นกัน  แต่รอชเถียงว่าพวกสโนวเป็นลูซิไม่ใช่เหรอ คนที่จะปกป้องมนุษย์น่ะไม่ใช่ฟัลซิหรือลูซิหรอก แต่คนที่จะปกป้องมนุษย์ได้ก็คือมนุษย์ด้วยกันเอง!!

ว่าแล้วรอชก็วิ่งขึ้นไปขับหุ่น BOSS: พราวด์แคลด ที่มีชื่อเดียวกับบอสหุ่นยนต์ในภาค 7 มาสู้กับเรา มันมีพลังชีวิตประมาณ 1.53 ล้าน พอชนะได้แล้วมันจะบินหนีไป

ให้เราลงลิฟมาชั้นล่าง แล้วจะเจอเหตุการณ์ที่หุ่นนรกสีฟ้ากำลังต่อสู้กับทหาร แต่ทหารก็ใช้บาซูก้ายิงหุ่นนั้นกระจุยไปได้ ทหารทั้งหมู่ต่างดีใจกันมาก แต่พออันดามันเคริสปรากฏตัวออกมาเท่านั้นแหละ ทหารทั้งหมดก็หนีกันกระเจิง ทุกคนรีบหนีเข้าไปในที่หลบภัย แล้วก็ปิดชัตเตอร์ลง ทหารคนหนึ่งที่หนีไม่ทันก็ได้แต่ยืนตะลึงกับอันดามันเคริสที่ตระหง่านอยู่ ตรงหน้า ร้อนถึงสโนวและพวกที่ต้องเข้าไปช่วยซะแล้ว 

การโจมตีปกติและเวทมนต์ทั่วไปจะให้ผลเพียงครึ่งนึงของ ปกติ แต่มันก็ยังแพ้เวทน้ำอยู่ดี การสู้กับมันนั้นอาจจะให้ใช้คนโจมตี 1 คน แล้วอีก 2 คนช่วยกันใช้เคอัลล่าก็ได้ แต่ตัวผมเองให้วานิลลาเรียกอสูรมา แล้วใช้เวทดีบัฟทุกชนิดให้มันติดสเตตัสผิดปกติทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นก็เปลี่ยนกลับมาเป็นพวก 3 คน แล้วก็โจมตีเร็วๆ ทำเบรค แล้วก็ตีรัวๆ จนชนะมัน

ไปตามทางต่อแล้วเราจะพบกองทัพอากาศกับทหารแห่งเอเดนช่วยกันสู้กับมอนสเตอร์ จำนวนมาก เดินไปสุดทางแล้วจะเจอทางตัน แต่ก็ได้กลุ่มโนระที่เป็นพวกของสโนวมาเปิดทางให้ แล้วพวกโนระจะฝากพวกเราปกป้องโคคูนด้วยนะ แต่โฮปก็ไม่ลืมบอกว่าไม่ใช่แค่พวกเรา แต่ขอให้ทุกคนรวมถึงกลุ่มโนระด้วยมาช่วยกันปกป้องโคคูนด้วยกันเถอะ ทุกคนตกลงตามนั้นแล้วพวกโนระก็แยกไปปกป้องเมืองของพวกตน

เดินทางต่อไปแล้วจะเจอทหารที่โดนบัลโทอันเดลุสสาปให้กลายร่างเป็นมอนสเตอร์ จำนวนมากมาย ให้ฝ่าพวกมันเพื่อเข้าไปหาฟัลซิเอเดนให้ได้ จนสุดทางจะพบกับประตูใหญ่ที่มี BOSS: พราวด์แคลดของรอชจังก้าอยู่ มันจะมี HP 3.57 ล้าน และมีการโจมตีที่รุนแรงมาก

ในการสู้กับมันนั้นต้องรู้ก่อนว่ามันแบ่งการโจมตีออก เป็นสองช่วง คือร่างเวลากับร่างพื้นดินที่เรียกว่าเดสทรอยโหมด จังหวะที่เป็นร่างเวหานั้นมันจะโจมตีเบา เพราะมันเอาเวลาไปชาร์จพลัง ในช่วงนี้ก็ให้เราใช้บัฟรัวๆ เพื่อเพิ่มพลังป้องกันให้กับเรา จากนั้นพอมันเปลี่ยนเป็นร่างพื้นดิน มันจะกระหน่ำโจมตีอย่างรุนแรงและรวดเร็วมาก ใครที่ฮีลไม่ทันก็เปลี่ยนไปใช้ Healer สองคนช่วยกันฮีล และพยายามถ่วงเวลาเอาตัวรอดให้ได้ ถ้าเห็นมันใช้ท่าไม้ตายที่ลดพลังเยอะๆ แล้วก็ให้ Healer 2 คนช่วยกันฮีลแบบไม่ต้องคิดอะไรมากไปกว่าฮีลให้รัวที่สุด... พอผ่านช่วงนี้ไปได้มันจะกลับมาเป็นร่างเวหา ให้เรารีบใช้บัฟเสริมพลังป้องกันแล้วก็โจมตีใส่มันรัวๆ ซะ พอมันใกล้ตายแล้วมันจะใช้บัฟและดีบัฟใส่ตัวเอง ทำให้พลังโจมตีและความเร็วเพิ่มขึ้น แต่พลังป้องกันก็ลดลง ตอนนี้เราอย่าเสียเวลาไปดิสเปลมัน เพราะใช้ไปก็ไม่ได้ผล ให้ตั้งหน้าตั้งตาฮีลๆๆ แล้วโจมตีมันอย่างเดียวดีกว่า สุดท้ายก็จะชนะมันได้ครับ

พอชนะแล้วรอชที่โชกเลือดใกล้ตายจะขอฝากความหวังในการปกป้องโคคูนให้กับสโนว ในเมื่อสโนวมาที่นีั่่เพื่อปกป้องโคคูนไม่ใช่เหรอ งั้นก็จงมุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อทำหน้าที่นั้นซะ แล้วเขาก็แจ้งให้ลูกน้องทั้งหมดทราบว่าให้เลิกจับลูซิโดยไม่ต้องถามเหตุผล แล้วสโนวก็บอกว่านายต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อรอดูโคคูนที่ได้รับการปกป้องให้ได้นะ แล้วทุกคนก็เดินผ่านรอชเข้าประตูไป

รอชที่กำลังโชกเลือดอยู่ใกล้จะหมดสติลงทุกขณะ คิงเบฮีมอธสองตัวค่อยๆ ย่างเข้ามาทางเขาอย่างช้าๆ รอชที่คิดดีแล้วจึงควักระเบิดขึ้นมา แล้วพอเบฮีมอธทั้งสอกระโจนเข้ามาเขาก็กดระเบิดตัวเองตายไปพร้อมกับเบฮีมอธ เพื่อไม่ให้มอนสเตอร์สองตัวนั้นตามมารังควานเราได้

ตัดกลับมาทางไลท์นิ่งและพวกที่ได้ยินเสียงระเบิดดัง สนั่นมาจากทางด้านหลัง ทุกคนสลดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พอวิ่งกลับไปเปิดประตูเพื่อหารอช เบื้องหน้าพวกเขาก็เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น


Chapter 13
สถานที่ :ออฟานเครเดิล

เมื่อเข้ามาด้านในของเซนทรัลทาวเวอร์แล้ว จะพบว่าด้านในนี้เป็นมิติลี้ลับที่มีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากด้านนอกอย่าง สิ้นเชิง เราจะเจอเหตุการณ์ที่ฟัลซิเอเดนโผล่มาแบบเงียบๆ ไม่ให้ซุ่มให้เสียง แล้วก็ช่วยสร้างจุดวาร์ปให้กับเรา

จุดวาร์ปทางซ้ายเป็นการออกไปนอกเซนทรัลทาวเวอร์ กลับสู่เมืองเอเดนนั่นแหละ
จุดวาร์ปตรงกลางด้านหลัง เป็นการวาร์ปไปทางเข้าห้องบอสใหญ่ ซึ่งยังใช้ไม่ได้จนกว่าจะจบเกม
จุดวาร์ปทางขวาเป็นการกลับไปยังแกรนพัลส์ บริเวณมีเดียแคมป์ ที่เราไปชุมนุมกันในตอนแรกที่ไปถึง

 เรื่องจุดวาร์ปนั่นช่างมันไปเถอะ ยังไงก็ยังไม่ได้ใช้ ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือการวิ่งไปตามทาง สำรวจรูปปั้น สู้บอส วิ่งไปตามทางใหม่ สำรวจรูปปั้นใหม่ สู้บอส ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไปถึงห้องบอสใหญ่ หมายถึงห้องของบัลโทอัลเดลุส ที่มันออกคำสั่งให้พวกเราทำลายโคคูนน่ะครับ

ระหว่างทางจะเจอบอส 3 ชุดด้วยกัน ซึ่งชุดแรกเป็น BOSS: แจปเบอร์วอล์ค กับ บันดาน่าสแนช พวกมันมีรูปร่างเหมือนบอสเอนริลกับเอนคิ ที่เราเคยสู้มาแล้วทุกประการ เพียงแต่สีของร่างกายกลับแตกต่างกันออกไป วิธีการสู้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เล่นไปตามปกติก็ชนะ

ผ่านจากเจ้าสองตัวนี้มาได้ ก็จะเจอกับ BOSS: อูลาดิซุส นักดาบนรกที่มีท่าไม้ตายอันร้ายกาจ ปกติมันจะฟันใส่พวกเราทีละคน ทำความเสียหายเกือบสองพัน  เราจึงควรร่ายบัฟโพรเทคให้เพื่อนทุกคนไว้ตลอดเวลา นอกจากนี้เวลามันจะใช้ท่าไม้ตาย มันจะใช้เวทดีบัฟใส่เราก่อน แล้วค่อยตามด้วยท่าไม้ตาย หากโดนเข้าไปจะเกิดความเสียหายเกินเก้าพันแน่ๆ ถ้า Leader โดนเข้าไปจังๆ ยังไงก็เกมโอเวอร์ ดังนั้นถ้าเห็นมันใช้ดีบัฟใส่เรา ให้รีบเปลี่ยนเพื่อน 2 คนมาเป็น Healer ทันที เพื่อที่เพื่อนทั้ง 2 จะได้ช่วยกันร่ายเอสน่าแก้ดีบัฟให้เราได้ทัน หากโดนท่าไม้ตายเข้าไปในสภาพที่เราไม่ติดดีบัฟแล้ว ก็จะเกิดความเสียหายแค่สามพันเท่านั้น แนะนำให้ใช้สโนวเป็น Leader เพราะมีพลังชีวิตสูงสุด และควรเปลี่ยนเป็น Defender ในตอนที่บอสจะใช้ท่าไม้ตายใส่สโนว แค่นี้ก็จะรอดตายได้แน่นอนครับ

เสร็จจากบอสตัวนี้แล้ว ไปตามทางอีกก็จะเจอ BOSS: หุ่นยนต์เทียแม็ต ที่มีรูปแบบการต่อสู้เหมือนพราวด์แคลด ก็เล่นไปตามสูตรเดิมแล้วจะผ่านได้ครับ

ผ่านจากเทียแม็ตมาได้ก็จะเจอห้องสีขาว.... ห้องแบบที่ใช้ในอาร์ทเวิร์ครูปไลท์นิ่งนั่งไขว่ห้างบนโซฟาน่ะครับ ในห้องนี้จะมีจุดเซฟจุดสุดท้ายตั้งอยู่ หลังจบเกมแล้วเราจะมาโผล่ที่จุดเซฟจุดนี้แหละ และเจ้าจุดวาร์ปที่อยู่หน้าดันเจี้ยนนี้ก็เชื่อมต่อกับห้องนี้นั่นเอง

ทุกคนจะเดินขบวนเข้าไปในห้องด้านในสุด แต่กลับไม่พบใครนั่งอยู่บนบัลลังค์ ท่ามกลางความตะลึงงั้น จู่ๆ คริสตัลของแดจซ์และเซร่าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ  เสียงของกาเรนธ์ ไดสรี่ดังกงวานขึ้นมาพร้อมกับความน่าสะพรึง มันปรากฏตัวขึ้นมา แล้วใช้ไม้เท้าเคาะลงไปบนพื้น

เพียงเท่านั้น... คริสตัลของแดจซ์และเซร่า ก็แตกสลายไป..
สโนวที่เห็นภาพดังนั้นก็โกรธจัดมาก จึงวิ่งเข้าไปจะต่อยใส่ไดสรี่ แต่ก็ติดบาร์เรียของมันอีกแล้ว สโนวที่กระเด็นออกมาได้ไลท์นิ่งช่วยพยุงขึ้นมาให้ เธอบอกสโนวว่าไม่ต้องห่วงหรอก เซร่าน่ะยังอยู่ที่นี่เสมอ ในคริสตัลหยดน้ำตาของเซร่านี้ ส่วนซัสซ์เองก็ยื่นลูกโจโคโบะมาให้ ราวกับจะบอกว่าแดจซ์เองก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วย

กาเรนธ์ ไดสรี่ จะกล่าวยินดีต้อนรับการกลับมาของลูซิทุกคน มันบอกว่ามนุษย์และมนุษย์ มนุษย์และปิศาจ โคคูนและพัลส์ ต้องทำสงครามกันไปตลอดไม่มีวันจบสิ้น มันอยากจะใช้พวกเราให้ทำลายโคคูน สถานที่อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของมนุษย์ทั้งหมดทิ้ง เพื่อที่ทุกอย่างจะได้จบสิ้นไป แต่พวกเรากลับปฏิเสธ ไลท์นิ่งบอกว่าเธอเองก็จะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้ได้ ว่าแล้วกาเรนธ์ก็เลยแปลงร่างเป็น BOSS: บัลโทอันเดลุสเข้ามาห้ำหั่นกับเราอีกครั้ง พลังชีวิตราว 5 ล้าน ชนะได้ไม่ยาก

พอชนะแล้วบัลโทอันเดลุสจะตกลงไปในน้ำ ไลท์นิ่งจะพูดขึ้นมาว่า จบแล้วเหรอ? สโนวก็จะยกแขนขึ้นร้องโย้ชดังๆ ฟางกับวานิลลาก็แตะมือกัน ทุกคนจะดีใจกันมากที่ปราบราชาแห่งฟัลซิได้จริงๆ แล้ว... แต่ไลท์นิ่งกลับรู้สึกแปลกๆ แล้วเธอก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านบน

นกตัวหนึ่งที่เราเห็นมันอยู่กับกาเรนธ์เป็นประจำ โบยบินไปมาเหนือห้องแห่งนั้น ว่าแล้วนกน้อยกลอยใจที่จริงๆ แล้วเป็นร่างแทนของฟัลซิออฟาน ฟัลซิที่คอยค้ำจุนโคคูนอยู่ ก็บินลงไปในน้ำที่ฟัลซิบัลโทอันเดลุสตกลงไป...

ฟัลซิออฟานหลอมรวมเอาพลังของบัลโทอัลเดลุสเข้าไป แล้วผุดขึ้นมาจากน้ำ เสียงของมันในตอนนี้จะเป็นเสียงของผู้หญิงและผู้ชายพูดประสานกัน มันเข้าโจมตีพวกเราหมายจะกำจัดพวกเราทุกคนทิ้ง เราจึงต้องสู้กับบอส BOSS: ฟัลซิออฟานที่มีพลังชีวิต 6.78 ล้าน

ในการสู้กับออฟานนั้น เริ่มมามันจะใช้ท่า "การพิพากษาไร้ใจ" ที่ทำให้ทุกคนในกลุ่มอยู่ในสภาพใกล้ตาย ให้เรารีบเปลี่ยนมาใช้ระบบ Healer 2 คนเพื่อเติมพลังให้เต็มในทันที หากเปลี่ยนช้ามันจะโจมตีหมู่ซ้ำจนทำให้เรา Game Over ได้ พอเติมพลังแล้วจากนั้นจึงค่อยสู้กับมันตามปกติ พยายามใส่บัฟให้กับตัวละครอย่างสม่ำเสมอ จะใช้ดีบัฟใส่มันตามโอกาส เมื่อใดที่มันใช้ท่าไม้ตายคำพิพากษาไร้ใจก็ให้เรารีบเปลี่ยน Optima มาเติมพลังให้ทัน แล้วระวังเรื่องการทำเชนไว้ด้วย เพราะหลังจากมันใช้ท่าไม้ตาย เชนที่เราทำไว้จะกลับไปเริ่มต้นใหม่ ถ้ามันใช้เวทเดธใส่ ก็ให้เราใช้ศรัทธาภาวนาขอให้มันใช้ไม่ได้ติดด้วย... อาเมน

หลังชนะออฟานได้ มันจะปล่อยคลื่นพลังออกมาทำให้ทุกคนกระเด็นไปไกลและบาดเจ็บกันสาหัส มันจะร่ายเวทจับวานิลลาไว้ แล้วเล่าให้ฟังว่าที่จริงแล้ว 500 ปีก่อนในตอนที่ฟัลซิจะกวาดล้างพัลส์ พวกมันก็ให้วานิลลาเป็นคนเรียกแร็คนาร็อคออกมา ซึ่งวานิลลาก็ทำได้สำเร็จ พัลส์จึงล่มสลายลงโดยมีผู้รอดชีวิตสองคนคือวานิลลาและฟาง ทั้งสองที่ทำหน้าที่สำเร็จได้กลายเป็นคริสตัล  ต่อมาฟัลซิก็ได้สร้างโคคูนขึ้นมาเป็นที่อยู่ใหม่ให้กับมนุษย์แทน มนุษย์ได้เริ่มต้นชีวิตและสร้างอารยธรรมกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ในตอนนี้ที่มันปลุกฟางกับวานิลลาขึ้นมาจากสภาพคริสตัลก็เพื่อให้ทั้งสอง คนช่วยกันเรียกแร็คนาร็อคขึ้นมาอีกรอบ เพื่อที่คราวนี้จะได้ทำลายโลกโคคูนให้มันล่มสลายไป เพื่อยุติทุกสิ่งทุกอย่าง การมีอยู่ของ มนุษย์ ปิศาจ โคคูน พัลส์ ให้สงครามทั้งหมดจบสิ้นไป

มันร่ายเวทมนต์ใส่วานิลลาทำให้วานิลลาเจ็บปวดมาก ที่ทำไปก็เพื่อให้วานิลลาและฟางเจ็บปวด ชิงชังมันจนมีพลังมากพอที่จะเรียกแร็คนาร็อคออกมาขยี้มัน ทำลายฟัลซิโอฟานที่เป็นผู้ค้ำจุนโคคูน และทำให้โคคูนล่มสลายไปได้ แต่ฟางที่เห็นวานิลลาทรมานก็ทนไม่ได้ เธอบอกว่าเธอจะเรียกแร็คนาร็อคแทนวานิลลาเอง

ออฟานปล่อยวานิลลาลงมา และตั้งใจจะใช้ฟางเพื่อเรียกแร็คนาร็อคแทน วานิลลาบอกว่าเธอไม่เป็นไร แต่ฟางจะยอมทำตามมันไม่ได้นะ เราต้องปกป้องโคคูนสิ แต่ฟางที่ไม่อยากเห็นวานิลลาต้องเจ็บปวดเลยฝืนใจตัวเองด้วยการชักออกขึ้นมา จะฟาดใส่วานิลลาให้เงียบ แต่สโนวกับซัสซ์ก็ช่วยกันเข้ามาจับฟางเอาไว้ ทว่าฟางที่มีพลังโจมตีมากที่สุดในกลุ่มก็สามารถสะบัดทั้งสองออกไปได้ แล้วยังถีบสโนวจนกระเด็นไปไกล เธอตัดสินใจกระโดดขึ้นฟ้าแล้วใช้ท่าไม้ตาย "ไฮวินด์" ลงมาใส่ทุกคน เพื่อที่เธอจะได้เรียกแร็คนาร็อคได้... เพื่อที่วานิลลาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด...

การโจมตีนั้น ทำให้ซัสซ์ สโนว โฮป และไลท์นิ่งที่ขัดคำสั่งของฟัลซิ ได้กลายสภาพเป็นมอนสเตอร์ไปเรียบร้อย ฟางกับวานิลลาต่างก็ตกใจมาก แล้วเพื่อนทั้งสี่ที่กลายร่างแล้วก็เข้ามารุมทำร้ายฟาง ซึ่งฟางที่เศร้าสลดก็ไม่กล้าตอบโต้ทำร้ายเพื่อนๆ วานิลลาพยายามบอกให้ทุกคนหยุดนะ แต่ก็ไม่เป็นผลอะไร จนสุดท้ายฟางก็สลบลงไป พร้อมกับเพื่อนทั้งสี่ที่กลายร่างแล้วก็ล้มคว่ำลงไปด้วยกัน

แต่แล้ว...ฟางก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง สัญลักษณ์แห่งลูซิของเธอได้ส่องแสงและเปลี่ยนจากสีน้ำเงินมาเป็นสีแดง ฟางที่โกรธจัดกลายร่างเป็นสัตว์อสูร แต่ก็ยังมีพลังไม่มากพอถึงระดับแร็คนาร็อค ฟางในร่างสัตว์อสูรเข้าไปสู้กับออฟานแต่ก็สู้ไม่ได้ จนในที่สุดฟางก็กลับคืนสู่ร่างปกติ

เพื่อนทั้งหมดที่กลายร่างเป็นมอนสเตอร์และหมดสติไป กำลังนึกถึงการเดินทางทั้งหมดที่ผ่านมา ความลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ ดราม่าที่เกิดมาด้วยกัน แล้ววานิลลาก็บอกทุกคนว่า "อย่าสิ้นหวังนะ" เราต้องช่วยกันปกป้องให้ได้สิ เสียงนั้น...ได้ส่องผ่านเข้าไปถึงจิตใจของเพื่อนทุกคน แม้ว่าจะกลายเป็นมอนสเตอร์ไปแล้วก็ตามที

ออฟานที่ยังคลั่งอยู่ ได้ใช้เวทจับฟางขึ้นมา มันยิงเวทใส่ฟาง ให้เธอทรมาน แล้วก็ใช้เวทรักษาให้ จากนั้นก็ยิงเวทเพื่อทรมานใหม่ แล้วก็รักษาให้ใหม่ สลับไปมาไม่รู้จบ เพื่อให้ฟางได้ลิ้มรสชาติของความทนทุกข์ที่ไม่มีวันจบสิ้น และเพื่อทำให้วานิลลาเกลียดมัน วานิลลาจะได้สติแตกและกลายร่างเข้าเป็นแร็คนาร็อคมาทำลายมันและทำลายทุกสิ่ง ให้พินาศไป

วานิลลาเดินเข้าไปจะช่วยฟาง แต่ฟางที่โดนทรมานอยู่กลับบอกให้วานิลลาหนีไป แต่วานิลลาก็บอกว่าเธอจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว ทันใดนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อมีกระสุนเวทจำนวนมากโจมตีเข้าใส่ออฟาน อย่างรุนแรงจนควันโขมง

ฟางที่หลุดจากการทรมานก็กระเด็นออกมาแต่ก็ได้สโนวที่ กลับสู่สภาพปกติแล้วรับเอาไว้ โฮปเดินเข้ามาช่วยฟื้นพลังให้กับฟาง แล้วไลท์นิ่งกับซัสซ์ที่เป็นคนกระหน่ำยิงเวทใส่ออฟานก็บอกว่ายังไม่สิ้นหวัง สโนวจะขอโทษฟางที่ตอนกลายเป็นมอนสเตอร์ได้ทำร้ายเธอ ไลท์นิ่งก็จะเอาหอกคืนให้กับฟาง วานิลลาถามว่าทำไมทุกคนถึงกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ล่ะ โฮปบอกว่าไม่รู้สิ คงเป็นเพราะปาฏิหาริย์ล่ะมั้ง พวกเราได้นึกถึงการเดินทางที่ผ่านมา เวลาที่พวกเราได้เคยมีอยู่ร่วมกัน ทุกข์สุขที่เคยมีมาด้วยกัน แล้วพวกเราก็กลับคืนร่างมนุษย์อีกครั้ง นั่นแสดงว่าพวกเราไม่ได้อยู่อย่างเดียวดาย เราถึงกลับมาได้

ออฟานจะร้องอ๊ากกดังลั่น ก่อนที่จะจมน้ำลงไปเพื่อเปลี่ยนเป็นร่างสุดท้าย ทุกคนจะชักอาวุธเตรียมพร้อมสู้ มันคือการต่อสู้เพื่อปกป้องโคคูน ปกป้องความฝันของทุกคน และปลดปล่อยมนุษย์จากการครอบงำของฟัลซิ

สัญลักษณ์แห่งลูซิของแต่ละคนจะกลายเป็นสีฟ้า สัญลักษณ์ของลูซิผู้ทรยศ แล้วฟัลซิออฟานก็จะลอยจากน้ำขึ้นมาใหม่ พร้อมกับเสียงหัวเราะอันดังสนั่นของมัน แต่ไลท์นิ่งที่ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ก็บอกว่าพวกเราจะทำหน้าที่ให้สำเร็จ....หน้าที่ในฐานะมนุษย์!!

และแล้วก็ถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเกม เราต้องเผชิญหน้ากับ BOSS: ออฟานร่างสุดท้าย มันมีพลังชีวิต 3.39 ล้าน พอเริ่มการต่อสู้มันจะร่ายเวทแห่งความตายใส่เราเพื่อเป็นการนับเวลาถอยหลัง เมื่อเวลาหมดเมื่อไหร่เราจะตายทันที เวลาปกติการโจมตีธรรมดาทั้งทางกายภาพและเวทมนต์จะไม่สามารถทำความเสียหายให้ กับมันได้ มีแต่ท่าไม้ตายของแต่ละคนเท่านั้นถึงจะลดพลังมันได้ สิ่งที่เราต้องทำจริงๆ ในการสู้กับมันไม่ใช่การกระหน่ำโจมตีด้วยท่าไม้ตาย แต่เป็นการกระหน่ำทำเชนให้มันเบรคไวๆ เมื่อมันเบรคแล้วการโจมตีธรรมดาถึงจะใช้ได้ผลกับมัน

หากเราโจมตีมันไปเรื่อยๆ แล้วมันยังไม่เบรค ซักพักมันจะใช้ท่าไม้ตายซึ่งสร้างความเสียหายไม่มากนัก แต่ทำให้เชนทั้งหมดที่เราทำมาหายไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เราจึงควรเซ็ตให้ไลท์นิ่งเป็น Leader ในสภาพ Blaster แล้วให้เพื่อนอีก 2 คนเป็น Blaster กับ Jammer

เมื่อมันเข้าสู่สภาพเบรคแล้ว ให้เปลี่ยนเพื่อนทั้งสองเป็น Attacker หรือจะเปลี่ยนเป็น Attacker กับ Blaster ก็ได้ แต่ให้ไลท์นิ่งเป็น Blaster เหมือนเดิมเอาไว้ แล้วให้ไลท์นิ่งกระหน่ำใช้ท่าไม้ตาย "ซีนไดรฟ์" ใส่มันเพื่อที่ % การเชนจะได้พุ่งขึ้นถึง 999% เร็วๆ ถ้าถึง 999% แล้วก็เปลี่ยนไลท์นิ่งเป็น Attacker ช่วยโจมตีไปอีกคนด้วย พยายามทำเวลาให้เร็วที่สุด เพราะหากปราบมันได้ด้วยคะแนนระดับ 5 ดาว เราจะได้ Trophy เพิ่มอีกใบ

ในการสู้กับมันนั้น ไม่จำเป็นต้องบัฟพลังป้องกัน และไม่ต้องเติมพลังให้บ่อย เพราะออฟานร่างสุดท้ายโจมตีค่อนข้างเบา หากเรามัวแต่บัฟและเติมพลังก็จะเสียเวลาทำเชน ควรทุ่มไปที่การทำเชนอย่างเดียว แล้วจะชนะมันได้ครับ

เมื่อกำจัดฟัลซิออฟานที่เป็นฟัลซิที่คอยค้ำจุนโคคูนอยู่ ได้แล้ว โคคูนก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเตรียมตกลงสู่พัลส์ ด้านนอกจะถล่มกันวินาศสันตะโร ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งราวกับว่านี่เป็นวันสิ้นโลก ซัสซ์ สโนว โฮป และไลท์นิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศจะพยายามจับมือเกาะกลุ่มกันเอาไว้ สโนวจะพยายามเรียกวานิลลาให้เข้ามาร่วมวงด้วย แต่พอหันไปดูก็เห็นวานิลลาและฟางที่สบตาแบบรู้ใจกันกำลังจับมือกันสองต่อ สองอยู่ พวกเธอคิดจะทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ หน้าที่ในการเรียกแร็คนาร็อค สัตว์อสูรที่มีพลังสูงสุดออกมา แต่นั่นไม่ใช่เรียกเพื่อมาทำลายโคคูน หากแต่เป็นการเรียกแร็คนาร็อคมาเพื่อช่วยเหลือโคคูน

วานิลลาและฟาง ดูดกลืนมอนสเตอร์ต่างๆ ที่อาละวาดอยู่ในโคคูนมารวมร่างกัน จนเกิดเป็นสัตว์อสูรตัวใหม่ที่มีรูปร่างขนาดมหึมา ชื่อของมันคือ "แร็คนาร็อค" ซึ่งเจ้าแร็คนาร็อคนี่ก็ได้ส่งมนุษย์ทั้งหมดที่อยู่ในโคคูนให้ลงไปยังพัลส์

จากนั้นแร็คนาร็อคก็ได้พุ่งเข้าไปบริเวณใต้ดาวโคคูนที่กำลังจะตกลงมาใส่พัลส์ มันใช้แขนจำนวนมากของมันแบกรับโคคูนที่กำลังถล่มลงมาไว้ แต่ราวกับว่าลำพังพลังของมันจะไม่สามารถหยุดการร่วงหล่นของดาวทั้งดวงได้ มันจึงเรียกลาวาจากพัลส์ให้พุ่งพวยขึ้นฟ้า มาปะทะเข้ากับตัวมัน มาปะทะเข้ากับโคคูนทั้งใบ จากนั้นมันก็ใช้พลังอำนาจ แปรสภาพลาวาที่พุ่งขึ้นมาและแปรสภาพร่างกายของมันเองให้กลายเป็นเสาผลึกคริสตัล เพื่อที่เสานั้นจะได้อยู่เป็นแกนค้ำจุนโคคูนไม่ให้ตกลงมาสู่พัลส์ได้นั่นเอง

ไลท์นิ่ง โฮป สโนว และซัสซ์ที่ถูกส่งมายังพัลส์และกลายเป็นคริสตัลเพราะทำหน้าที่ในการกำจัดออ ฟานได้สำเร็จ กลับสู่สภาพปกติเพราะบัดนี้ราชาแห่งฟัลซิได้ไปแล้วไปลับไม่กลับมาจริงๆ แล้ว

พวกพ้องทั้งสี่จ้องมองโคคูนที่ถูกปกป้องเอาไว้ด้วยความ ยินดี แม้ว่าจะไม่มีคนอยู่แล้ว แต่ดาวที่พวกเขาเกิดและเติบโตมา ก็ยังคงตั้งตระหง่านอย่างสง่างามอยู่บนท้องฟ้าอันสดใส เมื่อมองซ้ายมองขวา ก็ได้เห็นทหารและชาวบ้านทั้งหมดที่ถูกส่งลงมาจากโคคูน นั่นแปลว่าพวกเขาสามารถช่วยเหลือทั้งมนุษย์และโคคูนเอาไว้ได้

รอยยิ้ม ปรากฏบนใบหน้าทุกคนอย่างช้าๆ แต่ยาวนาน... ระหว่างนั้นโฮปก็ยกแขนขึ้นมาดูแล้วพบว่าสัญลักษณ์ลูซิของตนหายไปแล้ว ไลท์นิ่งรีบหันมาจับหน้าอกของตนแล้วพบว่าสัญลักษณ์ได้หายไปเช่นกัน ทั้งซัสซ์กับสโนวเองต่างก็ดีใจ

เซร่าและแดจซ์ ที่หายจากสภาพคริสตัลแล้วก็ค่อยๆ เดินผ่านแถวนั้นมาด้วยกัน พอโจโคโบะน้อยเห็นแดจซ์เท่านั้น มันก็รีบบินไปหา เซร่ารีบทักให้แดจซ์เห็นทุกๆ คนที่รอพวกเขาอยู่ด้านหน้า ว่าแล้วแดจซ์ก็วิ่งเข้าไปสวมกอดกับซัสซ์ที่วิ่งเข้ามาพร้อมตะโกนชื่อลูกชาย ตัวดีดังลั่น

สโนวกับไลท์นิ่งเอง พอได้เห็นเซร่ากลับมาเป็นปกติแล้วก็เผลอฉีกยิ้มซะจนหลุดมาดเจ๊เครียด... เป็นฉากที่ไลท์นิ่งดูมีความเป็นผู้หญิงมากที่สุด และดูสวยที่สุดในเกมเลยทีเดียว (ปกติออกจะแมน) ทั้งสโนวและเซร่าต่างก็วิ่งเข้ามาสวมกอด และร้องเรียกชื่อของกันและกัน

ด้านโฮปเอง เขามองซ้ายแลขวา แล้วก็บอกว่าสองคนนั้นหายไปไหน? ว่าแล้วก็คอตก แต่ก็ได้ไลท์นิ่งเข้ามาโอบหลังเอาไว้ โฮปบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าชะตากรรมจะไม่อยากให้เราได้พบกันอีก แต่พวกเราก็จะทำปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นเอง

เซร่าที่กอดกับสโนวจนอิ่ม ก็วิ่งเข้ามากอดกับพี่สาวของเธอบ้าง ไลท์นิ่งเองก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่าขอโทษนะ (สำหรับเรื่องที่ผ่านมา) แต่สโนวก็ดึงเซร่ากลับมาโอบแล้วบอกว่า เฮ่ยๆๆ คำพูดนี้ผมต้องเป็นคนพูดต่างหาก ขอโทษนะ แต่ยกน้องสาวให้ผมเถอะ! ว่าแล้วสโนวก็ผงกหัวให้ใหญ่ ไลท์นิ่งเองก็ขำ โฮปถามว่าจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้แล้วเหรอ? ซัสซ์ก็ถามเสริมว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะ?

สโนวก็ตะโกนดังลั่นตามมาว่า "ไม่ต้องห่วง! ต่อไปนี้ผมจะทำให้ทั้งสองคนมีความสุขเอง!!"
ไลท์นิ่งเลยตอบกลับมาว่า "ฉันเชื่อนะ" เล่นเอาสโนวกับเซร่าต้องร้อง เฮ่ย!! ด้วยความตกใจ
"ยินดีด้วยค่ะ" เอเครลกล่าวปิดท้ายเพื่ออวยพรให้กับความสงบสุขที่จะมาถึง เธอเชื่อมั่นในอนาคตอันนั้น
เพราะบัดนี้ เธอมีเขาอยู่ที่นี่แล้ว.....

ทางด้านวานิลลาและฟางที่กลายเป็นคริสตัลด้วยความตั้งใจ ของตัวเอง ก็คิดว่าเวลาที่ขออวยพรให้ จะทำให้ชะตากรรมแปรเปลี่ยนไป เมื่อชะตากรรมได้กำหนดให้พวกเราพบกันอีกครั้ง พวกเราจะได้พบกันใหม่ในอนาคตอย่างแน่นอน....

จบเกมส์ครับ




Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Best Buy Printable Coupons