Monday, July 15, 2013

Final Fantasy XIII

Game Final Fantasy XIII


 Final Fantasy XIII




Chapter 1
สถานที่ :  (Hanged Edge) ทางเชื่อมต่อระหว่างโคคูนกับโลกเบื้องล่าง

รถไฟขบวนใหญ่กำลังขนผู้โดยสารจากมหานครลอยฟ้า "โคคูน" ไปยังดวงดาวอีกดวงที่ล่องลอยอยู่ข้างใต้ซึ่งมีชื่อว่า "พัลส์" ผู้โดยสารพวกนี้เป็นชาวเมืองโบดัมที่ถูกรัฐบาลของโคคูนต้องสงสัยว่าจะมีลูซิ ของพัลส์ปะปนอยู่ ซึ่งการจะแยกว่าใครคือลูซิของพัลส์นั้นเป็นเรื่องยาก  ทางรัฐบาลจึงมีคำสั่งให้ส่งคนทั้งเมืองไปยังโลกเบื้องล่างซะ

ซัสซ์ ได้ติดตามรถไฟขบวนนี้มา เพราะเขารู้ว่ารถไฟขบวนนี้นอกจากจะขนผู้โดยแล้ว ยังได้ขนเอา "วัตถุโบราณสถานแห่งพัลส์" ที่เคยตั้งอยู่ในโคคูนออกมาด้วย เขาเชื่อว่าภาย ในวัตถุโบราณสถานนั้น มีลูซิของพัลส์ ซึ่งเป็นศัตรูของลูกชายของเขาอยู่ หากเขาสามารถกำจัดลูซิของพัลส์ที่อยู่ใน วัตถุโบราณสถานดังกล่าวได้ ลูกชายของเขาที่เป็นลูซิของโคคูน ก็จะกลายเป็นคริสตัล ได้รับความเป็นอมตะชัวนิรันดร์ และนั่นก็คือเป้าหมายในตอนนี้ของซัสซ์

อีกทางด้านหนึ่ง ไลท์นิ่ง เจ๊เครียด ซือเจ๊  ก็ร่วมมือกับซัสซ์เข้ามาในรถไฟขบวนนี้ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป น้องสาวของเธอที่มีชื่อว่าเซร่า ได้กลายเป็นลูซิของพัลส์ และได้ติดอยู่ในโบราณสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าโบราณสถานแห่งนั้นก็กำลังโดนขนเอาไปทิ้งยังพัลส์ ดังนั้นเธอจึงลอบเข้ารถไฟขบวนนี้มาเพื่อตามหาน้องสาวของเธอ

เมื่อเวลาอันควรมาถึง ซัสซ์และไลท์นิ่งก็อาละวาดบนรถไฟ พวกเขาพากันช่วยเหลือผู้โดยสารที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร
แต่ในไม่ช้าทางรัฐบาลก็ส่งกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง PSICOM มาหยุดยั้งพวกไลท์นิ่ง

เริ่มมาเราต้องสู้กับ BOSS (2 รอบ) มานาสวิน แล้วตามด้วยสู้ BOSS ไซค่อม 2 คน กับหัวหน้าหน่วยทหารไซค่อม
ปราบได้แล้วตัดไปทางชายหนุ่มเลือดร้อนที่มีชื่อว่าสโนว ชายผู้นี้ติดตามรถไฟขบวนดังกล่าวมาด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไปเช่นกัน สโนวนั้นเป็นหัวหน้ากลุ่มโนระที่มีอุดมการณ์แรงกล้าที่จะช่วยเหลือผู้คนทั่ว ไป ดังนั้นเขาจึงอยากจะมาช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ที่กำลังจะโดนถีบส่งไปยังโลก เบื้องล่าง แต่นอกจากเหตุผลดังกล่าวแล้ว สโนวที่เป็นแฟนหนุ่มของเซร่า ก็ยังเดินทางมาที่นี้เพื่อช่วยเหลือเซร่าด้วยเช่นกัน

สโนวและพวกพยายามช่วยเหลือผู้คนที่รอดชีวิตจากรถไฟมาได้ และได้มอบอาวุธให้คนเหล่านั้นสู้กับทางรัฐบาล ซึ่งคุณแม่ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ยินดีจับปืนลุกขึ้นสู้ รวมถึงหนูน้อยผมสีส้มด้วย

ในตอนนี้เพื่อนร่วมทีมจะเปลี่ยนเป็น สโนว (ผู้นำ), กาโด (สมาชิก), เลโบร (สมาชิก) ให้เราเดินไปตามทาง ซักพักจะต้องต่อสู้กับ BOSS: เบฮีมอธไค

พอเรา ชนะเบฮีมอธได้ จะเกิดเหตุการณ์ที่ทางรัฐบาลยิงระเบิดตูมๆ ใส่จนสะพานขาด ผู้คนจะตกสะพานตายไปมากมาย รวมถึงแม่ของเด็กคนนั้นด้วย เหตุการณ์นี้ทำให้เด็กคนนั้นช็อคมาก ส่วนเจ้าสโนวก็พลัดตกไปกับบเขาด้วย ทว่าด้วยพลังของความเป็นพระเอก จึงทำให้เขารอดตายมาได้
จากนั้นฉากจะตัดกลับมาที่ไลท์นิ่งกับซัสซ์ ที่กำลังหาทางเอาตัวรอดอยู่ วิ่งไปตามทางแล้วสู้ BOSS: หุ่นยนต์กรีเกอร์

ตัดไปทางสโนวกับกาโด ที่ตกสะพานมาด้วยกัน แต่ก็รอดทั้งคู่ ให้ทั้งสองช่วยกันแหวกองทัพ PSICOM ไปจนสุดทาง จะเจอยาน ใช้ขี่กลับไปรวมกลุ่มกับพวกคนอื่นๆ พอเห็นว่าคนทั้งหมดปลอดภัยดีแล้ว สโนวจึงขอแยกตัวไปตามหาเซร่าคนเดียว 


อีกทางด้านหนึ่งเด็กหนุ่มที่พึ่งสูญเสียแม่ไปก็กำลังขวัญเสีย เด็กผู้หญิงผมสีส้มอีกคนหนึ่งจึงเจ้ามาปลอบโยนทั้งทางจิตใจ
ทั้งสองแนะนำตัวซึ่งกันและกัน และพยายามหาทางหนีไปด้วยกัน ทั้งคู่ได้เจอกับยานลำหนึ่งที่กาโดขี่มา และใช้มันขับหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุ จบ Chapter 1 ครับผมทานผู้ชม


Chapter 2
สถานที่ : ???????

โฮปขับยานร่วงจนพลาดตกเข้าไปในโบราณสถานลึกลับ.... ทั้งสองพยายามหาทางออกไปด้วยกัน เดินไปเดินมาก็ไปเจอกับสโนวที่กำลังตามหาเซร่า ตอนแรกสโนวบอกให้ทั้งสองคนเอาตัวรอดกันเอง ส่วนเขาจะไปช่วยเซร่า แต่พอเดินทิ้งระยะไปได้ซักหน่อย สโนวก็เดินกลับมาบอกว่าเค้าต้องปกป้องทุกคนนี่หว่า

อีกทางด้านหนึ่งไลท์นิ่งและซัสซ์ก็เดินมั่วมาจนได้พบกับเซร่า พอซัสซ์เห็นสัญลักษณ์ของลูซิบนแขนของเซร่า เขาก็กำปืนไว้แน่นหมายจะปิดชีพเซร่าที่เป็นศัตรูของลูกเค้าซะ ทว่าไลท์นิ่งไม่ยอมประกอบกับสโนวและเด็กนรกอีก 2 คนก็ตามมาสมทบพอดี ตอนนี้เซร่าดูหมดสภาพมาก ไลท์นิ่งเลยโทษว่าที่เซร่าต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะสโนว ทว่าเซร่ากลับพูดปกป้องสโนว และขอฝากสโนวให้ช่วยปกป้องโคคูนด้วย สโนวที่ได้ยินคำสั่งเสียของโคคูน ก็รับปากว่าเขาจะปกป้องโคคูนของเซร่า ปกป้องทุกๆ คนให้ได้


ในไม่ช้าเซร่าก็กลายเป็นคริสตัลไป ทำให้พวกไลท์นิ่งเสียใจมาก ด้านหน้าของพวกเขาคือห้องที่ฟัลซิประจำโบราณสถานแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ พวกเขาเดินเข้าไปหมายจะขอร้องให้ฟัลซิคืนสภาพให้เซร่า สโนวก็ก้มหัวขอร้องฟัลซิอนิม่าซึ่งเป็นเจ้าที่แห่งนี้แต่โดยดี ทว่าอนิม่ากลับไม่ตอบรับใดๆ ไลท์นิ่งเลยโมโหและเอาดาบเข้าไปฟันใส่อนิม่า ทำให้อนิม่าหันมาสู้กับทุกคนแทน

BOSS (ฟัลซิอนิมา มี 3 ส่วน เราต้องโจมตีทีละส่วน
วิธีการชนะ ให้ตัดแขนสองข้างของมันออกก่อน แล้วมันจะกลายเป็นศัตรูที่ อ่อนทันที

พอชนะแล้วอนิม่าจะเผยร่างจริงออกมา ก่อนที่มันจะระเบิดตัวเอง มันได้สาปให้ทุกคนในที่นี้กลายเป็นลูซิ ทาสรับใช้ของฟัลซิที่มีชีวิตอยู่เพื่อรอความตาย ลูซินั้นมีหน้าที่ทำภารกิจที่ฟัลซิประสงค์ให้สำเร็จ ถ้าทำได้ก็จะกลายเป็นคริสตัล ถ้าทำไม่ได้ในเวลาที่กำหนดก็กลายร่างเป็นมอนสเตอร์ดีๆ นี่เอง

หลังจาก อนิม่าระเบิดไปแล้ว แรงระเบิดดังกล่าวส่งผลให้ทะเลสาบบิลจ์ ที่อยู่รอบบริเวณนั้นกลายเป็นน้ำแข็ง ไปอย่างน่าอัศจรรย์ จบ Chapter 2


Chapter 3
สถานที่ : ทะเลสาบต้องสาป บิลจ์

สโนวที่โดนแรงระเบิดเข้าไป ฝันถึงเหตุการณ์ 11 วันก่อนหน้านั้น ตอนนั้นเขาซื้อสร้อยคอไปเป็นของขวัญให้กับเซร่า และคุกเข่าขอเซร่าแต่งงาน ซึ่งเซร่าก็ดีใจมากและตอบรับทันที จากนั้นสโนวก็พาเซร่าไปดูเทศกาลดอกไม้ไฟด้วยกัน แล้วก็โชว์เลิฟซีนแบบแว้นซ์ๆ ประกอบเพลง Eternal Love

กลับมาที่ปัจจุบัน ทุกคนฟื้นขึ้นมาและพบว่าเจอศัตรูล้อมอยู่ ในตอนนี้ทุกคนสามารถปล่อยเวทมนต์ออกไปได้แล้ว ตอนแรกแต่ละคนก็ตกใจมาก โฮปโพล่งขึ้นมาว่ามันคือเวทมนต์ยังไงล่ะ พวกเราโดนสาปเป็นลูซิกันถ้วนหน้าแล้ว จากนั้นระหว่างสู้จะมีการสอนใช้ระบบ Optima Crystallium อีกทั้งตอนนี้ไลท์นิ่งยังมีเกจ ATB เพิ่มมาเป็น 3 ช่องแล้วด้วย

ระหว่างทางโฮปจะเริ่มบ่นว่าที่ทุกคนต้องลำบากแบบนี้ก็เพราะสโนวคิดจะไป ช่วยเซร่าอะไรนั่นท่าเดียว ทำให้ไลท์นิ่งและสโนวโกรธมาก เล่นเอาเจ้าโฮปซ็อตไปเลย.... ทีนี้วานิลลาก็ชวนคุยว่าเมื่อพวกเรากลายเป็นลูซิแล้ว ภารกิจที่ฟัลซิมอบให้พวกเราคืออะไร ว่าแล้วสโนวกับไลท์นิ่งที่เห็นภาพนิมิตก็พูดพร้อมกันว่า "แร็คนาร็อค" ก่อนอื่นพวกเขาต้องตามหาแร็คนาร็อคแล้วทำอะไรกับมันซักอย่าง

เดินทางไปต่อ สโนวก็จะแนะนำตัวและถามชื่อทุกๆ คน แต่ไลท์นิ่งไม่ยอมพูดกับใคร พอวานิลลาถามชื่อของเจ๊ เจ๊ก็ไม่ตอบ สโนวเลยแนะนำตัวแทนให้ว่า นี่ไลท์นิ่งจากโบดัม นามสกุลฟารอน ชื่อจริงทิ้งไปแล้ว

ต่อมาทุกคนจะพบเซร่าร่างคริสตัลที่กระเด็นออกมาด้วย ทุกคนพยายามช่วยแซะผลึกคริสตัลออกมา พอไลท์นิ่งเห็นแล้วก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ ก็เลยปลีกตัวออกมา สโนวถามว่าทำไมไม่มาช่วยด้วยกันล่ะ ไลท์นิ่งซึนเดเระก็ตอบว่าทหารไซค่อมกำลังมาที่นี่ ทำให้ไลท์นิ่งกับสโนวทะเลาะกันจนสโนวโดนต่อยไป 2 ที แล้วบอสก็ดันโผล่มาพอดี

BOSS: (มานาสวินร่างใกลพัง แต่ดันโหดกว่า้เดิมหลายเท่าตัว)
เลเซอร์จากคริสตัลเลนส์ของมันทำความเสียหายหนักมาก ยังไงต้องใช้วานิลลาเป็นตัวยืน Healer ไว้ตลอด จากนั้นเวลาปกติให้ไลท์นิ่งเล่นสาย Blaster ทำเชนรัวๆ ใส่มัน แล้วสโนวเป็น Attacker ต่อยเอาดาเมจ ถ้าเห็นมันกำลังจะใช้ท่าไม้ตาย ให้เรารีบเปลี่ยนสโนวมาเป็น Defender ไลท์นิ่งก็ช่วยโยนโพชั่นด้วย ก็จะเอาชนะได้ไม่ยากครับ

พอชนะแล้ว ไลท์นิ่งจะปล่อยสโนวทิ้งไว้ที่นี่ ทุกคนก็เลือกที่จะตามไลท์นิ่งไป ปล่อยสโนวอยู่กับเซร่าเพียงลำพัง

ตอนนี้ปาร์ตี้กลายเป็นไลท์นิ่ง วานิลลา ซัซส์ ให้เราไปตามทางจนสู้บอส BOSS:เบฮีมอธสีเขียว จากนั้นเดินทางต่อเราจะเห็นพวกทหารอีกกลุ่มที่ลงเครื่องมาตามล่าพวกเราโฮปเลยบอกว่าก็ลูซิอย่างพวกเราน่ะมันไม่ใช่คนแล้วนี่ทำให้
วานิลลา ที่ได้ยินไม่พอใจ เธอบอกว่าถึงจะโดนสาปแต่ก็ต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้ เราจะเดินทางต่อกันจนเจอโบราณสถานแห่งหนึ่ง ด้านในนั้นจะมี
BOSS: (นกการูล่า) ปรากฏตัวออกมา มันมี 2 ร่างด้วยกัน จุดอ่อนของมันเป็นธาตุลม ให้วานิลลาใช้แอโร่รัวๆ ใส่มันก็จะชนะ แล้วซัสซ์ก็จะได้ Rolne Enhancer ส่วนวานิลลาได้ Jammer มาเพิ่ม

ทีนี้พวกเราก็จะเจอเครื่องบินจอดอยู่ในโบราณสถาน ซัสซ์ที่เป็นนักบินเลยอาสาขับยานพาทุกคนออกไปจากที่นี่เอง

เสร็จแล้วกลับไปทางสโนวที่อยู่คนเดียว เขายังคงหาทางช่วยเซร่าไม่เลิก จนสุดท้ายก็โดนพวกทหารเข้ามาล้อม สโนวพยายามสู้กับทหารแต่ก็สู้ไม่ไหว ทันใดนั้นรอยสักของเขาก็เปล่งแสงออกมา แล้วศิวะนิกซ์กับสตีเรียก็ปรากฏกายขึ้น ทั้งสองช่วยกันจัดการทหารจนหมด จากนั้นศิวะก็หันมาสู้กับสโนวซะเอง

BOSS: (ศิวะนิกซ์) การต่อสู้กับศิวะนั้นเป็นการสู้เพียงให้ศิวะยอมรับเราเท่านั้น ศิวะสตีเรียจะคอยเติมพลังให้เราตลอด ฉะนั้นเราจะไม่มีวันตาย สิ่งที่เราต้องทำในการต่อสู้นี้คือให้ทนรับการโจมตีของนิกซ์ไปเรื่อยๆ เมื่อโดนโจมตีมากๆ จนไดรฟ์เกจของศิวะเต็มแล้วให้เรากดสี่เหลี่ยม ก็จะจบการต่อสู้ ในการสู้นั้นมีเทคนิคเพียงว่าให้เราเปลี่ยนไปใช้ Role แบบ Defender และให้สโนวใช้ท่า  (ไลฟ์การ์ด) ไปเรื่อยๆ ในจุดนี้ตัวเกมเหมือนจะสอนเราคลายๆ ว่าสโนวเป็นคนที่เล่นบท Defender ได้ดีที่สุดนั่นเอง

เมื่อชนะแล้วเราจะได้ศิวะมา และสโนวจะได้ไดรฟ์เกจเพิ่ม 1 ช่อง สโนวจะหมดแรงล้มลงไป ทำให้ผู้นำของกองทัพอากาศ 2 คนที่มีชื่อว่าฟางกับริกดี้เดินเข้ามาประชิดตัวสโนวได้ ฟางที่เป็นผู้หญิงใช้สันมือฟันสโนวจนสลบ แล้วก็สั่งให้ทหารหิ้วสโนวและเซร่าขึ้นเครื่องบินไป จบ Chapter 3



Chapter 4
สถานที่ :  ไวลด์พีค

ซัสซ์ขับยานพาไลท์นิ่งและพวกขึ้นมาจากโลกด้านล่าง ระหว่างทางเข้าก็เจอทหาร PSICOM ไล่ยิงตลอดทาง แต่ก็อาศัยความสามารถจนรอดมาได้ พอมาถึงที่ปลอดภัยแล้วทุกคนก็เปิด TV 4 มิติดู แล้วก็พบการปราศรัยของกาเรนธ์ ไดสรี่ซึ่งเป็นผู้นำของรัฐบาล ซึ่งไดสรี่บอกว่าคำสั่งทั้งหมดที่ให้ขับไล่ผู้คนที่มีแววจะเป็นคนของพัลส์ ออกไปจากโคคูนนั้น เป็นบัญชาของฟัลซิเอเดน ทุกคนในยานดูแล้วก็เครียดไปตามๆ กัน มีแต่วานิลลาที่ถามแบบบ้องแบ้วว่าคนๆ นี้เป็นใครกันเหรอคะ...

ยานบินต่อมาอีกซักพักก็เจอแสงของฟัลซิที่ลอยอยู่บนฟ้าส่อยจนร่วงลงกับ พื้น ทุกคนจะสลบไป มีเพียงไลท์นิ่งที่ฟื้นขึ้นมา ในตอนนั้นมีศัตรูล้อมรอบทุกคนอยู่มากมาย แต่ไลท์นิ่งก็ไม่กล้าปลุกใคร เลยพยายามสู้คนเดียว แต่พอวานิลลาฟื้นขึ้นมาเธอก็รีบปลุกซัสซ์ให้รีบไปช่วยสู้ พอเหตุการณ์สงบแล้วพวกนี้ก็จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มทางใครทางมัน วานิลลาก็อยู่กับซัสซ์ ส่วนไลท์นิ่งนั้นอยากแยกตัวไปคนเดียวแต่เจ้าโฮปมันดันเดินตามตูดต้อยๆ ไป

จากนั้นก็มีการย้อนอดีตถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ 3 วันก่อน ตั้งแต่เทศกาลดอกไม้ไฟที่ไลท์นิ่งไปเฝ้ายามด้วย วานิลลาก็ไปดูเช่นกัน แต่พอมีคำสั่งให้ขับไล่คนไปยังพัลส์ ไลท์นิ่งก็มาบอกกับพวกทหาร PSICOM ว่าตนจะลงไปยังโลกเบื้องล่างด้วย ในตอนที่ต่อคิวตรวจร่างกายอยู่นั้นเธอก็ได้พบกับซัสซ์ที่เข้ามาทำความรู้จักกับเธอ ที่เล่ามานี้ไลท์นิ่งเพียงต้องการบอกโฮปว่าเธอเสี่ยงชีวิตมาเพื่อช่วยเซร่า ที่เป็นน้องสาวของเธอ โฮปบ่นว่าไลท์นิ่งมาทั้งที่ไม่รู้ว่าจะช่วยได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้เนี่ยนะ แต่ไลท์นิ่งบอกว่าได้ไม่ได้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ แล้วเธอก็เร่งสปีดหนีไป ทิ้งโฮปไว้คนเดียว

ต่อมาซัสซ์กับวานิลลาก็มาเจอโฮปที่โดนทิ้งอยู่คนเดียว โฮปก็นั่งบ่นถึงแม่ไปเรื่อยๆ วานิลลาเลยถามว่าแล้วพ่อของเธอล่ะ น่าจะกลับบ้านไปหาพ่อนี่นา? โฮปก็เลยนึกถึงอดีต 3 วันก่อนที่เขาไปดูดอกไม้ไฟกับแม่ เดิมทีพ่อก็บอกว่าจะมาดูได้ แต่พ่อก็ไม่มาตามนัดเพราะติดงาน ทำให้โฮปเสียใจและไม่ชอบใจพ่อที่ไม่เคยมีเวลาให้ครอบครัว ทำให้เขาไมอยากลับไปหาพ่อ ซัสซ์ฟังแล้วก็เศร้าเพราะตัวเขาเองก็อยากเจอลูกชายเหมือนกัน

ทั้งสามเดินทางต่อจนไปเจอกับไลท์นิ่งที่รออยู่ด้านหน้า วานิลลาชวนให้ไลท์นิ่งไปด้วยกันสิ ไลท์นิ่งไำม่ตอบอะไรแต่ก็ยอมเดินทางไปด้วย ให้เราไปต่อแล้วจะเจอ BOSS: (เดรดนอร์ท) มันมีสองร่างด้วยกัน พอชนะร่างแรกมันจะยิ่งพื้นจนถล่ม เราก็สู้ต่อร่างสอง พอชนะแล้วซัสซ์จะได้ Role Attacker มา ไลท์นิ่งจะได้ Healer และตอนนี้เราจะเข้าคำสั่งแต่งอาวุธที่จุดเซฟได้แล้ว

เดินไปจนถึงสุดทาง ไลท์นิ่งจะบอกว่าในเมื่อต้นตอของความวิบัติก็คือฟัลซิของพัลส์ และฟัลซิของทางรัฐบาล ดังนั้นเธอก็จะขยี้พวกมันให้หายไปทั้งหมดซะ ใครจะเป็นยังไงเธอไม่สนใจหรอก ซัสซ์บอกว่าจะทำแบบนั้นด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก! วานิลลาก็บอกว่าไม่ได้นะ เซร่าบอกให้เราปกป้องโคคูนไม่ใช่เหรอ แล้วยังหน้าที่ของลูซิอีกล่ะ ไลท์นิ่งเลยตอกกลับว่าเธอไม่ใช่ทาสรับใช้ของฟัลซิ เธอจะมีชีวิตในแบบของเธอเอง ว่าแล้วไลท์นิ่งก็เดินแยกไปอีก โฮปก็วิ่งตามไปด้วย

โฮปบอกไลท์นิ่งว่าเขาขอติดตามไลท์ิ่งไปด้วย ไลท์นิ่งเลยสวนกลับว่าแกยังปกป้องตัวแกเองไม่ได้เลย แต่กระนั้นโฮปก็บอกว่ายังไงเขาก็จะลองสู้ดู ระหว่างเถียงกันอยู่ทหาร PSICOM ก็โผล่ออกมาล้อมทั้งสองคน พอปราบได้หมดไลท์นิ่งที่เห็นความพยายามของโฮปก็ยอมคุยด้วยดีๆ แล้วบอกโฮปว่าต่อไปนี้เรียกเธอว่า "ไลท์ซัง" ก็พอ

เดินทางต่อจนไปเจอหุ่นยนต์ โฮปจะขี่มันเปิดทางไปต่อให้ พอไปจนสุดทางโฮปจะเหนื่อยอิดโรยหมดแรงข้าวต้ม ไลท์นิ่งเห็นความป้อแป้แบบนี้ก็เลยของขึ้น ทำให้โอดินปรากฏตัวออกมาจากตราสัญลักษณ์ของเธอ BOSS: (โอดิน) เงื่อนไขการทำให้โอดินยอมรับคือเราต้องโจมตีต่อเนื่องไปจนไดรฟ์เกจของโอดิน เต็ม แล้วกดสี่เหลี่ยม ถึงจะสามารถผ่านได้ ทว่าโอดินนั้นโจมตีได้อย่างรุนแรง เราจึงต้องเซตติ้งมาดีหน่อย แนะนำให้ไลท์นิ่งสวมเครื่องประดับที่ทำให้โพชั่นให้ผลเพิ่มเป็น 2 เท่า แล้วให้เธอใช้โหมด Blaster ตลอดเวลา ส่วนโฮปตอนแรกให้ใช้เโหมด Enhancer ร่ายบัฟเสริมพลังป้องกันให้ทั้งสองคน พอร่ายเสร็จแล้วก็ให้เปลี่ยนมาเป็น Healer ช่วยฟื้นพลังให้จนเต็ม แล้วเปลี่ยนไปเป็น Blaster ช่วยกันถลุงโอดิน... ถ้าพลังใครใกล้หมดก็ให้ไลท์นิ่งโยนโพชั่น จะช่วยเติมพลังได้ทีละ 300 พอผ่านแล้วไลท์นิ่งจะได้โหมดโอดินมาใช้ และได้ ATB เพิ่ม

เดินทางไปต่อจะเจอทหาร PSICOM อีกนิดหน่อย พอชนะแล้วโฮปจะหมดแรง ไลท์นิ่งเลยยอมให้โฮปนอนได้ ส่วนไลท์นิ่งจะนั่งเฝ้า ยามให้ ระหว่างที่โฮปนอนเขาก็จะเพ้อละเมอถึงแม่ ไลท์นิ่งเห็นก็ขำ แล้วบอกว่าแม่ที่ไหนกันเล่า! ท่าทางเจ๊จะเริ่มสงสารหนุ่มคนนี้ขึ้นมา

กลับมาที่ซัสซ์กับวานิลลา ให้ไปตามทางแล้วไปกดสวิตซ์ที่ตู้พลังงาน 4 สู้ ถึงจะเปิดทางไปต่อได้ ไปจนสุดทางแล้วทั้งสองจะตัดสินใจค้างแรมกันที่นี่ วานิลลาจะหาผ้าแถวๆ นั้นมาปูนอน แล้วก็ขีดเส้นกั้นบอกว่าห้ามซัสซ์ล้ำเส้นเข้ามาในบริเวณนี้ แต่พอนอนๆ ไปได้ซักพักกลับเป็นเธอเองที่นอนดิ้นเลยเส้นออกมา จนมานอนแบบหลังชนหลังกับซัสซ์....ฮ่าๆ

อีกทางด้านหนึ่ง ฟางก็คุมตัวสโนวมายังฐานทัพใหญ่ของกองทัพอากาศ ยานลอยฟ้าที่มีชื่อว่าลินบลัม ที่นั่นสโนวได้รู้จักกับผู้บัญชาการกองทัพอากาศที่มีชื่อว่าซิด แล้วสโนวก็ไปอาละวาดบนยานจนโดนอัดคว่ำ ระลึกความหลังกันต่อ

7 วันก่อน....เซร่าบอกกับสโนวว่าจะขอแยกทางกัน แต่สโนวไม่ยอมและพยายามกล่้อมเธอ เซร่าเลยเปิดเผยความจริงว่าเธอได้กลายเป็นลูซิแล้ว เธอเป็นศัตรูของโคคูน ศัตรูของมนุษย์ ศัตรูของสโนว ทำให้สโนวช็อคเป็นอย่างมากถึงขั้นทรุดลงกับพื้น แล้วเซร่าก็วิ่งร้องไห้หนีไป
พอ สโนวได้สติก็รีบวิ่งตามเซร่าไป และบอกว่าเซร่ามีหน้าที่ต้องทำให้ฐานะลูซิใช่มั้ย เอาสิ! เขาก็จะร่วมมือด้วย... เซร่าบอกว่าถ้าทำสำเร็จเธอต้องกลายเป็นคริสตัลไปชั่วนิรันดร์นะ สโนวบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าได้เป็นชั่วนิรันดร์ก็แปลว่าไม่มีวันตายน่ะสิ ก็พยายามพูดปลอบในแง่ดีไป จบ Chapter 4 จุงเบย


Chapter 5
สถานที่ : ป่าสีขาวกาปรา

ไลท์นิ่งกับโฮปเดินทางมาถึงป่ากาปรา สาวเจ้าบอกว่าให้โฮปช่วยเป็นแบ็คอัพให้ แต่โฮปกลับปฏิเสธแล้วบอกว่าเขาจะเดินนำหน้าให้เอง ทำได้หรือไม่ได้ไม่สำคัญ (เอาคำพูดที่ไลท์นิ่งเคยพูดมาใช้) ขอสู้ไว้ก่อนเป็นพอ ไลท์นิ่งได้ิยินแล้วก็ยิ้ม เธอบอกว่างั้นก็มุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว เธอจะระวังหลังให้เอง

เข้าไปด้านในเรื่อยๆ แล้วไลท์นิ่งจะมอบมีดพับอันหนึ่งให้กับโฮป แล้วทั้งสองจะคุยเรื่องของสโนวกับกลุ่มโนระกัน ซึ่งโฮปก็แสดงความไม่ชอบสโนวออกมาให้เห็น ระหว่างคุยก็เข้าไปด้านในเรื่อยๆ เจอเบฮีมอธก็ปราบเบฮีมอธ พอชนะได้โฮปจะเหนื่อยหมดแรงแต่ไลท์นิ่งก็พูดปลุกใจว่าตอนนี้ฉันเป็นแบ็คอัพ ของนายแล้วนะ ประกอบกับการที่โฮปคิดถึงเรื่องแม่ขึ้นมาพอดี ก็เลยฮึดลุกขึ้นเดินต่อ

เดินทางต่อซักพัก ไลท์นิ่งจะคิดถึงเรื่องเมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งเป็นวันเกิดของไลท์นิ่ง เซร่ากับสโนวเอาของขวัญวันเกิดใส่กล่องมาให้ พร้อมกับสารภาพเรื่องที่เซร่าเป็นลูซิ แต่ไลท์นิ่งที่ไม่เข้าใจอะไร ประกอบกับไม่ชอบสโนวอยู่แล้ว ก็ไม่รับฟังน้องสาว แถมยังตวาดกลับไปอย่างไม่ใยดี จนเซร่าวิ่งร้องไห้หนีออกไป สโนวเห็นแบบนั้นก็พยายามอธิบายแทนเซร่า แล้วก็ดันไปเรียกไลท์นิ่งว่าพี่สาว ก็เลยโดนสวนกลับว่าใครเป็นพี่สาวของแกกันห่ะ ถึงสโนวจะพยายามแล้ว แต่ทั้งสองก็คุยกันไม่รู้เรื่อง สโนวบอกว่าถ้างั้นเ้ค้าจะปกป้องเซร่าเอง แล้วก็วิ่งตามเซร่าออกจากบ้านไป

ต่อมาไลท์นิ่งที่สงบใจลงได้ ก็มาแกะกล่องของขวัญดูแล้วไำด้พบกับมีดพับ (อันที่ในเวลาปัจจุบันเอาให้โฮปไป) ที่ทั้งสองซื้อเป็นของขวัญให้เธอ เธอเลยบ่นแบบยิ้มเล็กๆ ว่าเซนส์ในการเลือกของนี่ห่วยบรมกันจริง จากนั้นเธอก็หันไปดูทีวีที่กำลังอธิบายเรื่องฟัลซิเอเดนมีบัญชาให้ขับไล่ชาว เมืองโบดัมออกไป ด้วยเหตุว่ามีคนต้องสงสัยว่าจะเป็นลูซิของพัลส์อยู่้ในเมืองโบดัม พอไลท์นิ่งฟังรายการไปเรื่อยๆ ถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซร่า แล้วก็เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป


กลับมาที่ปัจจุบัน โฮปเล่าให้ฟังบ้างว่าแม่ของเขาเองก็ชื่อว่าโนระ แล้วเขาก็พูดให้ฟังถึงเรื่องที่ว่าเขาเกลียดสโนวเพราะสโนวปล่อยให้แม่ของเขา ต้องตาย แต่ไลท์นิ่้งเถียงแทนให้ว่าไม่ใช่คนสโนว คนที่ผิดคือรัฐบาลต่างหาก ซึ่งโฮปที่ได้ยินก็ยอมรับฟังในที่สุด เขาจะมีชีวิตต่อไปเพื่อสู้กับรัฐบาล ไม่ใช่เพียงแค่เขา แต่ไลท์นิ่งก็ต้องมีชีวิตต่อไปด้วย

เข้าไปด้านในต่อ สู้กับ BOSS: สู้ปกติก็ชนะได้ครับทนๆหน่อย

เดินต่อไปอีกนิด ก็จะมาเจอเมืองซักที โฮปบอกว่าพ่อของเขาที่อยู่ในเมืองพาลัมโพลัมต้องไม่ยอมรับเขาที่เป็นลูซิแน่

อีกด้านหนึ่งภายในยานลินด์บลัม สโนวนึกถึงเหตุการณ์ 2 วันก่อน ที่เขากับเซร่าเจอทหารตามล่า ทั้งสองขี่แอร์ไบค์ฺหนีขึ้นไปบนอากาศ พอไปโฉบอยู่ใกล้โบราณสถานลึกลับที่เซร่าเคยเข้าไป เจ้าโบราณสถานนั่นก็ปล่อยเส้นน้ำออกมาดูดเซร่าเข้าไป แล้วโบราณสถานก็ยิงระเบิดออกมา ทำให้ยานของสโนวกระเด็นไปไกลแล้วเกิดระเบิดลุกไหม้ สโนวตกไปอยู่บนชายหาด แต่ก็รอดตายมาได้ จบ Chapter 5


Chapter 6
สถานที่ : ลุ่มแม่น้ำซันเรส

ฉากนี้มีเพลงประกอบบนฟิลด์ด้วย เป็นเพลงเดียวกับที่ใช้ในฉากสโนวตามหาเซร่า แต่ว่าจังหวะเร็วกว่า ซัสซ์จะนำทางไปยังเมืองนอวติลุส เราก็เดินทางตามๆ ไป ชมความงามของเจ้าพุดดิ้งเวจิต้า เกรมลิน ลุยฝ่าไปเรื่อยจนสุดทาง แล้ววานิลลาจะถามถึงเรื่องอดีตของซัสซ์บ้าง ซัสซ์ไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็นึกถึงเรื่องเมื่อ 3 วันก่อน ซัสซ์กับลูกชายตัวเล็กที่มีชื่อว่าแดจซ์ได้ไปดูเทศกาลดอกไม้ไฟด้วยกัน เค้าว่ากันว่าใครที่ขอพรในตอนนี้จะสมหวังดั่งใจหมาย แดจซ์ก็เลยขอให้คุณพ่อของเขากลับมายิ้มได้อีกครั้ง ให้คงรอยยิ้มไว้ตลอดไป ซัสซ์ได้ยินก็ตื้นตันใจมาก แต่แล้วพันโืทจิลนาบาตจาก PSICOM ก็เข้ามาหาพวกเขา เพื่อมาแจ้งถึงการยืนยันว่าแดจซ์มีพลังในการรับรู้ถึงสิ่งที่มาจากพัลส์จริงๆ

กลับมาที่ปัจจุบัน ทั้งสองเดินทางไปต่อจนถึงทะเลสาบเชล่า แล้วก็พักนอนกันที่ริมทะเลสาบ แต่พอวานิลลาตื่นมาก็ไม่เห็นซัสซ์แล้ว ให้เดินตามหาซัสซ์ซักพักก็จะเจอเขาอยู่ที่ริมทะเลสาบ ซัซส์เล่าให้ฟังว่า 9 วันก่อน เขาเดินช็อปปิ้งกับลูกเขาอยู่ เขาเดินเข้าไปซื้อลูกโจโคโบะในร้านแห่งหนึ่ง โดยบอกให้แดจซ์รออยู่ที่หน้าร้าน แต่พอออกมาปุ๊บก็ไม่เห็นลูกเขาแล้ว เขาตามหาลูกเขาจนไปถึงโรงงานแห่งหนึ่ง แล้วจู่ๆ โรงงานนั้นก็ดันเกิดระเบิดขึ้น ในตอนนั้นเองวานิลลากำลังทำอะไรกับร่างของแดจซ์ที่สลบอยู่ก็ไม่รู้ แต่พอวานิลลาได้ยินเสียงของซัสซ์ ฟางที่อยู่ข้างๆ ก็เรียกให้วานิลลารีบหนีไป... พอซัสซ์เข้ามาก็เจอแดจซ์นอนสลบอยู่คนเดียว แล้วเขาก็สังเกตเห็นตราสัญลักษณ์แปลกๆ ที่อยู่บนมือของแดจซ์ ซึ่งเข้ามารู้ทีหลังว่านั่นคือสัญลักษณ์ของลูซิ บัดนี้ฟัลซิได้เลือกให้แดจซ์เป็นลูซิคนใหม่แล้ว พอซัสซ์ได้รู้ว่าลูกกลายเป็นลูซิเขาก็เสียใจ แต่ถ้าต้องเลือกว่าจะให้ลูกทำภารกิจไม่สำเร็จแล้วต้องกลายเป็นมอนสเตอร์ กับให้ทำภารกิจสำเร็จแล้วกลายเป็นคริสตัล ซัสซ์ขอช่วยลูกทำภารกิจให้สำเร็จแล้วกลายเป็นคริสตัลดีกว่า

กลับมาที่ปัจจุบัน ซัสซ์เล่าจนจบแล้ว แต่วานิลลากลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ตัวเองก็มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์นั้นออกไป

เราจะเดินทางกันต่อ ระหว่างทางจะเจอเครื่องควบคุมฝน ซึ่งเราสามารถกดสลับไปมาเพื่อเปลี่ยนระหว่างอากาศแจ่มใส กับฝนตกได้ อากาศที่แตกต่างกันจะทำให้มอนสเตอร์ที่ปรากฏแตกต่างกันออกไป ใครชอบมอนสเตอร์แบบไหนก็ลองปรับอากาศแบบนั้นดู

เข้าไปจนถึงด้านในสุด จะเจอ BOSS: เล่นไปตามปกติก็เอาชนะได้ไม่ยาก
วิ่งเลยไปอีกนิดนึงก็จะถึงเมืองนอวติลุสพอดี นี่เป็นที่ๆ แดจซ์เคยบอกซัสซ์ว่าเขาอยากจะมามากๆ เพราะสวนสาธารณะของที่นี่มีโจโคโบะอยู่เยอะแยะเลย พอเข้าไปในตัวเมือง ฝนก็จะตกลงมาพอดี ซัสซ์เองก็จะบ่นๆ เรื่องของแดจซ์ให้วานิลลาฟัง พอวานิลลาได้ยินเธอก็ทำท่าเหมือนไม่กล้าพูดอะไรบางอย่างออกมา เธอวิ่งออกไปยืนตากฝน กำมือไว้แน่น ก่อนจะหันหน้ามาฝืนยิ้มให้กับซัสซ์ เพื่อจะบอกว่าไม่มีอะไร...


Chapter 7
สถานที่ : เมืองพาณิชย์ พาลัมโพลัม

ไลท์นิ่งพาโฮปมาส่งที่เมืองพาลัมโพลัม ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของโฮป แต่พอเข้ามาในเมืองก็ต้องช็อคตาตั้ง เพราะพันโทรอชได้ยกพวกมาปิดล้อมเมืองเพื่อเก็บไลท์นิ่งและโฮปโดยเฉพาะ โฮปที่รู้จักทางในเมืองนี้ดี ก็อาสาเดินนำทางให้ เราก็บังคับไลท์นิ่งวิ่งตามโฮปลงไปยังทางใต้ดิน ไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอสวิตซ์สำหรับกดเรียกลิฟต์ ซึ่งจะมีสวิตซ์ซ้ายกับ สวิตซ์ขวา ให้กดด้านซ้ายเพื่อไปเปิดหีบก่อน จากนั้นย้อนกลับมาที่เดิมแล้วกดสวิตซ์อันขวาเพื่อไปต่อ

ระหว่างทาง เธอจะคิดได้ว่ามนุษย์ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ตัวเธอเองก็ควรจะมีชีวิตรอดต่อไป เราเกิดมาในโลกที่มีฟัลซิคอยค้ำจุนอยู่ หากสูญเสียฟัลซิไป ทุกอย่างก็ต้องล่มสลายแน่ เธอเองก็จะปกป้องคนที่เหลืออยู่ให้ได้ เสร็จแล้วเธอก็จะเล่าถึงอดีตของเธอให้โฮปฟัง เธอบอกว่าพ่อของเธอตายตั้งแต่เธอยังเด็ก แล้วแม่ก็มาป่วยตายทีหลัง ดังนั้นเพื่อที่จะปกป้องเซร่าที่เป็นน้องสาว เป็นครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเธอให้ได้ และเพื่อที่จะได้บอกตัวเองว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่อีกต่อไป แล้ว เธอจึงทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อแม่ให้มา รวมถึงชื่อเก่าของเธอ จากนั้นก็สร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาใหม่ด้วยตัวของเธอเอง และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นไลท์นิ่ง ส่วนโฮปเองก็ยังพูดเรื่องที่แม่ของเขาตายเพราะสโนวไม่เลิก.... ถ้าแม่ไม่ช่วยสโนวไว้ แม่ก็คงไม่ตาย... ทั้งหมดเพราะสโนวแท้ๆ

ออกมาจากทางใต้ดิน เราจะเจอทหารนับพันแห่มาต้อนรับ.... พันโทรอชบอกทหารทุกคนว่าพวกมันไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นลูซิที่น่าสะพรึงกลัว ไลท์นิ่งเห็นดังนั้นเลยบอกให้โฮปรีบหนีไป จงมีชีวิตรอดให้ได้นะ ส่วนเธอจะรับมือกับทหารทั้งหมดเอง ระหว่างที่โฮปกำลังอึ้งๆ อยู่ ก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายมาจากหมู่ทหาร แล้วทหารก็ล้มคว่ำกันระเนระนาด สโนวปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับฟาง เขาเรียกศิวะทั้งสองออกมาต่อกรกับเหล่าทหาร จากนั้นสโนวและฟางก็ขึ้นขี่ศิวะอาละวาดไปอาละวาดมา ซักพักก็ยิงไดมอนด์ดัสต์ใส่จนเกิดภูผาน้ำแข็งขนาดใหญ่ปกคลุมบริเวณนั้น ทหาร PSICOM ทั้งหมดหันมาสาดกระสุนใสสโนวแทน ซึ่งสโนวกับฟางที่แว๊นซ์อยู่ก็สามารถหลบกระสุนได้ทั้งหมด ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีที่ไลท์นิ่งจะพาโฮปหนีไป

ในไม่ช้าทหารเกือบทั้งหมดก็โดนศิวะจัดการเรียบ ไลท์นิ่งขอฝากโฮปไว้กับสโนว ส่วนเธอกับฟางจะไปจัดการทหารที่เหลือเอง สโนวจึงให้โฮปซ้อนท้ายศิวะด้วย แต่ว่าโฮปที่ยังอึ้งๆ และคิดว่าสโนวเป็นศัตรูอยู่ก็จับสโนวเอาไว้ไม่แน่น พอสโนวบิดเต็มแรงโฮปก็กระเด็นตกรถไป พอทหารจะไปรุมทึ้งโฮป... สโนวกับศิวะเลยร่วมมือกันกำจัดพวกทหาร

สโนวจะคอยคุ้มกันโฮปที่เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางโฮปจะชักมีดพับที่ซ่อนไว้ด้านหลังขึ้นมา

อีกทางด้านหนึ่งฟางที่อยู่กับไลท์นิ่งก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรเช็คความ ปลอดภัยของสโนว สโนวรีบถามทันทีว่าพี่สาวอยูที่ไหน แต่ไลท์นิ่งก็ตอบกลับไปตามธรรมเนียมว่าใครเป็นพี่สาวแกกัน ทั้งคู่คุยกันซักพัก จนนัดแนะเรียบร้อยแล้วว่าจะไปเจอกันที่ถนนฟิลิกซ์ ไลท์นิ่งก็ขอคุยกับโฮปบ้าง แต่พอโฮปรับสายเท่านั้น คื่นอนแถวนั้นก็เกิดอาเพศขึ้น ทำให้สัญญาณขาดหายไป

ไลท์นิ่งกับฟางเดินทางไปยังจุดนัดหมาย ระหว่างทางไลท์นิ่งก็สังเกตเห็นสัญลักษณ์ลูซิบนแขนของฟาง จึงถามฟางว่าเธอเป็นใครกันแน่ เธอบอกว่าเธอเป็นลูซิมาจากแกรนพัลส์ โลกที่อยู่ใต้โคคูนยังไงล่ะ...

สลับไปทางสโนวกับโฮป ทั้งคู่เห็นทหารที่กำลังต้อนผู้คนไปรวมตัวกันเพื่อตรวจสอบดูว่าใครเป็นลูซิ ที่ทางรัฐบาลตามล่าอยู่ สโนวก็ไล่อัดทหารไปตามเรื่องตามราว โดยไม่รู้ตัวเลยว่าโฮปที่เดินตามหลังอยู่กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาอาฆาตแค้น

พอไปถึงลานกว้างที่มีคนอยู่เยอะๆ สโนวก็เข้าไปแย่งปืนจากทหาร แล้วก็ยิงปืนขึ้นไปบนฟ้า ป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นลูซิยังไงล่ะ... พอทำแบบนี้แล้วชาวเมืองก็รีบพากันวิ่งหนี ส่วนทหารก็พากันเข้ามาหาสโนว เป็นวิธีช่วยคนและล่อเหยื่อไปพร้อมๆ กันนั่นเอง แต่พอชนะทหารได้แล้ว ชาวเมืองดันแห่กันแบกอาวุธเข้ามาจะรุมทุบสโนว ทั้งโฮปทั้งสโนวต่างก็ช็อคกับภาพที่เห็นไปตามๆ กัน ขนาดเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ยังร้องไห้วิ่งหนีโฮป โฮปเลยยิ่งช็อคเค้าไปใหญ่ว่าลูซินี่มันโดนสังคมรังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ สโนวเห็นท่าไม่ดีก็เลยยิงเวทใส่เสาเหล็กให้ร่วงลงมาขวางทาง ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้ามาโจมตีสโนวได้ โฮปเองก็เอาตุ๊กตาที่เด็กผู้หญิงทำตกไว้ไปวางบนเสา จังหวะนี้พวกทหารก็แห่มาสมทบพอดี สโนวกับโฮปเลยอาศัยเครื่องร่อนของทหาร บินหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึก

เดินทางไปต่อก็จะพบกับ BOSS:เครื่องบินรบ อุจูมก้า พอชนะแล้วมันจะบินหนีไป

บนยอดตึกแห่งหนึ่ง สโนวจะซื้อน้ำกระป๋องให้โฮปดื่ม โฮปบอกว่าเขาไม่หิวน้ำ สโนวก็เลยกินซะเอง ระหว่างที่สโนวดื่มอยู่ โฮปก็ถามว่าเป้าหมายของสโนวคืออะไร สโนวบอกว่าช่วยเซร่าปกป้องโคคูนยังไงล่ะ ว่าแล้วก็โยนน้ำดื่มลงไปในถังขยะแถวนั้น โฮปถามว่าถ้าการมีชีวิตอยู่ของนาย มันไปทำลายความหวังของคนอื่นเค้า นายจะช่วยเหลือพวกเขาได้ยังไง? สโนวได้ยินแล้วก็อึ้ง เขานึกถึงเรื่องที่ไลท์นิ่งไม่ชอบเขา นึกถึงเรื่องที่แม่ของโฮปต้องตายต่อหน้าต่อตาเขา แล้วก็เริ่มสะเทือนใจ สโนวบอกว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องมีชีวิตอยู่และสู้ต่อไป คำตอบนี้ฟังแล้วโฮปไม่พอใจ สโนวก็แค่ตอบปัดไปเพื่อหลีกหนีจากความเป็นจริงเท่านั้น สโนวบอกว่าแล้วจะให้ทำยังไงละเฟ้ย! ให้รับผิดชอบเรื่องทั้งหมดแล้วก็ตายๆ ไปอย่างงั้นเหรอ! โฮปบอกว่างั้นก็ตายไปเลยไป!! แล้วก็ระเบิดพลังเวทใส่สโนว... จนสโนวกระเด็นหลุดจากตัวตึกไป แต่ก็ยังจับขอบตึกเอาไว้ได้

โฮปบอกว่า "โนระ เอสไฮม์" ก็คือแม่ของฉัน...คนที่แกปล่อยให้ตายไปยังไงล่ะ!!

ว่าแล้วโฮปก็เงื้อมีดขึ้นมาหมายจะแทงสโนวให้ตายไป สโนวเองก็ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม แต่ด้วยพลังของพระเอก ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้น... พวกทหารยิงระเบิดลงมาทางด้านหลังของโฮป ทำให้โฮปกระเด็นออกจากตัวตึกเหมือนกัน พอสโนวเห็นโฮปกำลังร่วงลงไป เขาก็พุ่งเข้าไปจับโฮปไว้ แล้วใช้ร่างของเขาคอยรับแรงกระแทกในตอนที่ตกลงสู่พื้นแทน...

กลับไปทางฟางกับไลท์นิ่ง ฟางเล่าเรื่องเมื่อ 9 วันก่อนให้ฟัง เธอกับวานิลลาเดินทางไปที่โรงพลังงานที่หุบเขาเอวลีด ฟางนั้นเป็นลูซิของพัลส์ที่บุกเข้ามาต่อสู้กับฟัลซิของโคคูน ตอนนั้นเองฟัลซิคุจาตาที่อยู่ในโรงงานนั้นก็เลยเลือกแดจซ์ที่เป็นลูกชายของ ซัสซ์มาเป็นลูซิ ให้ช่วยต่อกรกับพวกฟางนั่นเอง จากนั้นฟางก็อธิบายการเปลี่ยนแปลงของสัญลักษณ์แห่งลูซิให้ฟัง เธอบอกว่าถ้ามันเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีลูกตาปรากฏออกมาเมื่อไหร่ก็แปลว่าหมด เวลาทำภารกิจ แล้วลูซิคนนั้นก็ต้องกลายสภาพไป จากนั้นฟางก็ขอดูสัญลักษณ์ของไลท์นิ่งหน่อย ไลท์นิ่งก็เลยรูดซิบเสื้อลงมา และเผยสัญลักษณที่ประทับอยู่บนหน้าอกให้ฟางดู...

ตัดมาทางสโนวกับโฮปที่ตกตึกลงมา สโนวที่บาดเจ็บสาหัสมองเห็นยานของศัตรูที่บินไปบินมาบนฟ้าเพื่อตามหาพวกเขา เขาเลยแบกโฮปที่สลบอยู่ขึ้นหลังเพื่อเตรียมหนี แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นมีดที่ตกอยู่ข้างๆ ตัวโฮป มันคือมีดที่เขาและเซร่ามอบให้ไลท์นิ่งนี่หว่า!? แต่ไอ้เด็กนี่ดันจะเอามาแทงเขา!! สโนวเก็บมีดไป แล้วก็แบกโฮปหนีอย่างทุลักทุเล

กลับมาบังคับไลท์นิ่งและฟาง เดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงถนนฟิลิกซ์ จากนั้นก็กลับมาบังคับสโนวที่แบกโฮปกลับขึ้นมาบนยอดตึกอีกครั้ง โฮปที่อยู่บนหลังก็ฟื้นขึ้นมาแล้วถามว่าจะช่วยเขาไว้ทำไม? สโนวเลยบอกว่าเขาจะปกป้องทุกคนให้ได้ รวมทั้งพี่สาวด้วย ส่วนเรื่องของคุณโนระ... เขาขอโทษ จากนั้นก็ยื่นมีดพับคืนให้กับโฮป

เดินไปต่อซักพักสโนวที่ยังบาดเจ็บก็จะล้มลงไปทั้งที่ยังแบกโฮปอยู่ BOSS: ที่บินหนีเราไปจะกลับมาเยือนอีกครั้ง สโนวบอกให้โฮปหนีไป แล้วก็โดนบอสโจมตีใส่จนกระเด็นไป แต่ปรากฏว่าโฮปดันไม่ยอมหนี และเลือกที่จะสู้เพื่อปกป้องสโนวเองซะอย่างงั้น...

เราต้องบังคับโฮปสู้กับบอสไปซักพัก แล้วไลท์นิ่งกับฟางจะเข้ามาช่วย ไลท์นิ่งถามก่อนว่าสโนวเป็นยังไงบ้าง ซึ่งโฮปก็บอกว่ายังไม่ตายครับ จากนั้นทั้งสามก็ช่วยกันสู้กับบอสตัวนี้จนชนะ

พอชนะแล้วโฮปก็คืนมีดพับให้กับไลท์นิ่ง เขายอมรับและเข้าใจเรื่องการตายของแม่แล้ว ไลท์นิ่งก็ดีใจและก้มลงกอดโฮปเอาไว้ จากนี้ไปเธอเองก็จะช่วยปกป้องโฮปด้วย เสร็จแล้วไลท์นิ่งก็เข้าไปประคองสโนวให้ลุกขึ้นมา แล้วพยุงเดินไปยังบ้านของโฮปด้วยกัน

เมื่อไปถึงบ้านของโฮป โฮปจะเข้าไปกดออดที่ประตู พอพ่อของโฮปเปิดประตูมาเห็นโฮปก็ตกใจมาก แล้วโฮปก็พาเพื่อนทั้งหมดเข้าไปในบ้าน แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พ่อฟัง พอได้ยินว่าแม่ตายแล้ว คุณพ่อของโฮปที่ชื่อ "บัลโทโลเม" ก็กุมขมับร้องไห้ โฮปบอกว่าเขาจะพักอยู่ที่นี่ซักพัก เดี๋ยวก็ไปแล้ว เพราะถ้ารัฐบาลรู้ว่าพ่อให้ลูซิซ่อนตัวในบ้านนี้ล่ะก้อ... บ้านบึ้มแน่ๆ แต่พ่อโฮปจะบอกว่าที่นี่คือบ้านของแก แกไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น

พอทุกคนไปรวมกันที่ห้องนั่งเล่น สโนวก็คุกเข่า คำนับขอโทษพ่อของโฮปในเรื่องที่เขามีส่วนทำให้แม่ของโฮปต้องตาย ระหว่างที่ปรับความเข้าใจกัน จู่ๆ ไฟในบ้านก็ดับลง ทหาร PSICOM ปาระเบิดควันทะลุเพดานกระจกลงมา ทำให้มีควันฟุ้งเต็มบ้าน แล้วทหารก็โดดทะลุกระจกเข้ามา... ไลท์นิ่ง ฟาง และโฮปเลยช่วยกันสู้กับพวกทหาร ขณะที่สโนวที่บาดเจ็บอยู่ก็คอยคุ้มกันคุณพ่อของโฮป

พอชนะแล้วทหารที่อยู่นอกบ้านก็แห่กันเข้ามาล้อมบ้านเอาไว้หมด ทางอากาศก็มียานเหาะลอยไปลอยมารอยิงเต็มที่ ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้พระเอกของเราบอกว่าเขาจะไปคุยกับพวก PSICOM เอง ว่าแล้วสโนวก็ถอดเสื้อนอกออกแล้วชูเสื้ออกไปนอกหน้าต่าง... เท่านั้นแหละ ทหารก็กราดกระสุนใส่เสื้อของสโนวกันไม่ยั้ง พอกระสุนสงบลง สโนวก็เดินออกมาจากบ้านยกมือยอมแพ้... เขาพูดกล่อมทหารว่าดูให้เต็มตาสิ นี่คือลูซิยังไงล่ะ คนที่เกิดและเติบโตมาในโคคูนเหมือนพวกแกยังไง คนที่มีความรู้สึกอยากจะปกป้องโคคูนเหมือนพวกแกยังไง ทหาร PSICOM ได้ยินแล้วก็สับสนว่าตกลงลูซิมันคืออะไรกันแน่ พันโทรอชเลยเดินฝ่าวงทหารเข้ามาและบอกว่าเขาเข้าใจจุดยืนของสโนว แต่การมีอยู่ของลูซิจะเป็นภัยต่อโคคูน ลำพังสโนวคนเดียวจะสามารถรับผิดชอบชีวิตคนนับสิบล้านคนในโคคูนได้เหรอ? เขาว่าไม่ได้หรอก ว่าแล้วทหารที่โดนไซโคไปมาก็เตรียมที่จะยิงใส่สโนว โชคดีที่ใครก็ไม่รู้ปาระเบิดควันและระเบิดจริงจำนวนมากเข้ามาในกลุ่มทหาร ทำให้เหล่าทหารล้มลง แล้วก็มีทหารใส่หน้ากากคนนึงหันไปยิงใส่รอช ทำให้รอชถึงกับปลิว

ภายในบ้าน โฮปขอโทษพ่อแล้วก็เอาเชือกมามัดแขนพ่อไว้ ทำเหมือนกับว่าพ่อเป็นตัวประกันของพวกเขา พ่อจะได้ไม่ซวยไปด้วย... ว่าแล้วเขาก็ขอลาไปทำหน้าที่ของเขา เขาจะขอติดตามไลท์นิ่งไป ว่าแล้วก็กอดพ่อเป็นการสั่งลา

โฮป ไลท์นิ่ง ฟาง ออกไปยังด้านนอก และสู้กับ BOSS:ยานรบไกรฟ มันจะมี 5 ส่วนด้วยกัน ให้เราจัดการส่วนย่อยๆ ทีละส่วนแล้วค่อย ไปจัดการส่วนหลัก ก็จะทำให้ฆ่ามันได้ง่ายขึ้น แต่พอปราบบอสตัวนี้ได้ ก็จะมียานลำอื่นโผล่มาหมายจะโจมตีเราอยู่ดี ทว่ากลับมียานของกองทัพอากาศโผล่ออกมาโจมตีใส่ยานของ PSICOM จนร่วงลงไป พอยานของกองทัพอากาศลงจอดที่หน้าบ้านโฮป ริกดี้ที่เป็นมือขวดของซิดก็ลงมาจากยาน และเรียกฟางกับทุกๆ คนให้ขึ้นยานหนีไป ปล่อยให้พ่อโฮปโดนมัดอยู่ในบ้านจนมีทหาร PSICOM มาช่วย

Chapter 8
สถานที่ : เมืองนอวติลุส

ซัสซ์กับวานิลลาเดินเล่นอยู่ภายในเมือง พวกเขากำลังดูข่าวลูซิบุกอาละวาดในเมืองพาลัมโพลัม พอวานิลลาเห็นภาพฟางในข่าวด้วยก็ตกใจ พอคนในเมืองดูข่าวจนจบก็เอาแต่นินทาว่าลูซิในทางไม่ดี

ต่อมาทั้งสองคนก็เข้าไปดูขบวนพาเหรดของเหล่ามนต์อสูร มันคือการแสดงโชว์ที่พวกมนต์อสูรทั้งคาร์บังเกิล ไซเรน อิฟทรี ลามู ช่วยกันแสดงพลังเวทสุดอลังการให้มนุษย์ได้ชมกัน ระหว่างที่ดูอยู่วานิลลาก็ได้เห็นภาพนิมิตแว้บๆ อีกครั้ง มันคือภาพของแร็คนาร็อคที่ดูยังไงก็ไม่เข้าใจ
ซัสซ์ชวนวานิลลาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะกันต่อ ที่นั่นมีนกโจโคโบะอยู่มากมาย เขาเล่าให้วานิลลาฟังว่าแดจซ์อยากมาที่นี่เพราะเขาชอบโจโคโบะมาก วานิลลาเองก็ชอบโจโคโบะเหมือนกัน จากนั้นเราต้องเล่นมินิเกมจับลูกโจโคโบะที่บินหนีไปมา

ต่อมาวานิลลาก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว เลยอยากจะสารภาพความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงงานในหุบเขาเอวลีดให้ฟัง แต่พอพูดได้นิดเดียว ก็มีทหารแห่มาล้อมพวกเขา ทั้งสองฝ่าดงทหารไปเรื่อยๆ จนหนีมาเจอ BOSS: หุ่นยนต์เรเว่

พอชนะแล้วแดจซ์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าของซัสซ์ ที่จริงตอนนี้แดจซ์โดนทาง PSICOM คุมตัวเอาไว้ แล้วพอแดจซ์บอกว่าอยากมาสวนนอวติลุส ทาง PSICOM จึงคิดว่าต้องมีลูซิอยู่ที่นี่แน่ๆ ก็เลยพาแดจซ์มายังที่แห่งนี้ด้วย แต่พอได้เจอกันเท่านั้นแหละ แดจซ์ก็กลายเป็นคริสตัลต่อหน้าต่อตาซัสซ์ ว่าแล้วพันโทจิลนาบาตก็ปรากฏตัวขึ้นมา เธอใช้เครื่องฉายภาพเล่าความจริงที่วานิลลาปิดบังไว้ให้ฟัง

ในวันที่แดจซ์โดนเลือกให้เป็นลูซินั้น ที่จริงแล้วฟางกับวานิลลาได้บุกเข้าไปในโรงงานเพื่อสู้กับฟัลซิคุจาตา แล้วระหว่างนั้นแดจซ์ก็ดันเดินผ่าน 2 คนนั้นพอดี ก็เลยซวย...โดนฟัลซิเลือกให้เป็นลูซิไป วานิลลาได้ยินแล้วก็ไม่อยากฟัง เธอเอามือปิดหูแล้วก็กรีดร้องวิ่งหนีไป ซัสซ์เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตาม ส่วนจิลก็บอกให้ทหารทุกคนไม่ต้องรีบตามาสองคนนั้นไป

วานิลลาที่หนีไปอีกทางก็เจอภาพหลอนของซัสซ์ เธอเห็นภาพของซัสซ์ที่เอาปืนกระหน่ำยิงใส่เธอ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็รู้ว่าเธอคิดไปเอง หลังจากนั้นซักพักนึงซัสซ์ตัวจริงที่วิ่งตามมาทันก็เล็งปืนใส่วานิลลา ที่แดจซ์โดนเลือกให้เป็นลูซิก็เพราะวานิลลา งั้นภารกิจของแดจซ์ก็อาจจะเป็นการเชือดวานิลลาด้วย

วานิลลาสารภาพว่าชื่อเต็มของเธอคือ "โอลบา ไดอา วานิลลา" เป็นลูซิจากแกรนพัลส์นั่นเอง ถ้าอยากยิงล่ะก้อเอาเลยสิ ซัสซ์เลยบอกให้หุบปากซะ คิดว่าตายไปแล้วเรื่องจะจบรึไง!? คิดว่าตายไปแล้วจะได้รับการให้อภัยรึไง!? วานิลลาเลยถามว่าแล้วจะให้ทำยังไงเล่า!! ซัสซ์ก็บอกให้คิดเอาเองสิวะ

วานิลลาไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ร้องไห้และบอกว่าไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วซัสซ์ก็ทิ้งปืนลง... จะฆ่าก็ฆ่าไม่ได้ เลยปล่อยให้วานิลลาคิดเอง ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสับสนอยู่นั้น สัญลักษณ์แห่งลูซิของซัสซ์ก็ส่องแสงออกมา อสูรไฟ BOSS: บรุน ฮิลเด้ปรากฏกายขึ้นมาหมายจะเอาชีวิตของซัสซ์ แต่วานิลลาที่ยังร้องไห้อยู่ก็วิ่งเข้ามาบังเอาไว้ แล้วบอกซัสซ์ว่าห้ามตายนะ.... ซัสซ์เห็นดังนั้นก็เลยหยิบปืนขึ้นมาสู้กับบรุนฮิลเด้ด้วย

ในการสู้กับบรุนฮิลเด้นั้น ต้องทำเชนเยอะๆ ดาเมจมากๆ ถึงจะผ่านได้ จุดอ่อนของมันคือน้ำ ก็ต้องให้วานิลลาใช้เวท  ใส่มัน แต่ก่อนอื่นต้องให้ซัสซ์ใช้บัฟเพิ่มพลังเสียก่อน วานิลลาเองก็ใช้เวทดีบัฟใส่บรุนฮิลเด้ด้วย พอเตรียมการพร้อมแล้วก็เปลี่ยนทั้งสองคนเข้าโหมด Blaster แล้วช่วยกันถล่มมันซะ ถ้าพลังเหลือน้อยก็เปลี่ยนวานิลลาเป็น Healer เติมพลัง แล้วก็เปลี่ยนกลับเป็น Blaster ซะ ทำแบบนี้วนไปวนมา พอชนะแล้วซัสซ์จะได้มนต์อสูรบรุนฮิลเด้ แถมเกจ ATB ยังเพิ่มให้อีก 1 ช่อง

รุนฮิลเด้หายไปแล้ว... แต่ซัสซ์ยังคงเอาปืนชี้ไปที่วานิลลาอยู่ วานิลลาก็ยอมเป็นเป้านิ่งให้ยิงดีๆ แต่ซัสซ์ก็ไม่กล้ายิง เขาค่อยๆ ลดปืนลง จนวานิลลาที่สับสนก็ทรุดลงแล้วร้องไห้ ว่าแล้วซัสซ์ก็ทำเรื่องที่ทุกคนไม่อาจคาดคิดได้ นั่นคือการเอาปืนจ่อหัวตัวเอง.... แล้วก็...โป้ง!!!

เวลาต่อมา พวกทหารและจิลก็ตามมาจับซัสซ์ยัดเข้าโลงศพ... ส่วนวานิลลาก็โดนคุมตัวไปไหนก็ไม่รู้

Chapter 9
สถานที่ : ฐานทัพเวหาพาราเมเกีย

ก่อนจะไปยังฐานทัพเวลาพาราเมเกีย พวกไลท์นิ่งจะชุมนุมกันอยู่บนยานเหาะลินด์บลัมของซิด ฟางกำลังร้อนใจอยากไปช่วยวานิลลา ส่วนโฮปกับสโนวในตอนนี้ก็สนิทชิดเชื้อกันแล้ว เมื่อพร้อมแล้วซิดจะให้ลูกน้องขับยานเหาะพาเราไปส่งยังพาราเมเกีย ซึ่งเป็นฐานทัพกลางฟ้าที่ๆ พันโทจิลนาบาตและประมุขกาเรนธ์ ไดสรี่พำนักอยู่ ขณะเดียวกันวานิลลากับซัสซ์ก็ถูกจับไปยังที่แห่งนั้น

ภายในห้องที่ขังวานิลลาไว้ วานิลลานึกถึงเหตุการณ์ในตอนท้ายแชปเตอร์ก่อน ซัสซ์เอาปืนจ่อหัวตัวเอง

แล้วก็ยกปืนเลยเหนือศีรษะไปหน่อย แล้วค่อยลั่นไกดัง... โป้ง!!

หลังจากนั้นซัสซ์ก็บ่นว่าที่จริงแล้วเรื่องทั้งหมดก็ไม่ใช่ความผิดของ วานิลลาคนเดียว การที่วานิลลาและฟางเข้าไปสู้กับฟัลซิคุจาตา จนเป็นเหตุให้แดจซ์โดนเลือกเป็นลูซิ ก็ต้องบอกว่าเป็นความผิดของฟัลซิด้วย ตอนแรกเขาก็โกรธแค้นและอยากจะฆ่าวานิลลา แต่ตอนนี้ก็คิดได้ว่าถึงฆ่าวานิลลาไปเค้าก็ไม่ได้อะไร แดจซ์ก็ไม่ได้ฟื้นกลับคืนมา ก็เลยเปลี่ยนใจแล้วละกัน

ขณะที่กำลังอึ้งๆ กันอยู่ทหารก็แห่กันมาล้อมจับตัวทั้งสองเอาไว้ จิลนาบาตเข้ามาเอาตะบองข่มขู่ซัสซ์ และบอกให้ดีใจซะเถอะที่ลูกของแกได้กลายเป็นคริสตัล ลูกแกจะเป็นตัวอย่างของฮีโร่ผู้โชคร้ายที่คิดช่วยโคคูนไว้ ยังไงซะก็ดีกว่าการเป็นแค่ลูกชายที่น่าสมเพชของลูซิอย่างแก ไม่คิดเหรอว่าการที่เขากลายเป็นคริสตัล มันจะช่วยทำให้เขามีความสุขขึ้นเหรอ ว่าแล้วซัสซ์ก็คำรามว๊ากออกมา เลยเจอเจ๊เอาตะบองทุบเส้นประสาทที่ต้นคอจนสลบ แล้วทหารก็โยนซัสซ์ที่สลบไปเข้าโลง แล้วก็จับวานิลลา กับแดจซ์ในร่างคริสตัลไป

จบการย้อนอดีต กลับมาที่ปัจจุบัน ซัสซ์และวานิลลายังคงปลอดภัยดี ว่าแล้ววานิลลาก็นึกเรื่องย้อนอดีตอีกแล้ว คราวนี้เป็นเรื่องเมื่อ 13 วันก่อนเริ่มเกม... ภายในโบราณสถานของเมืองโบดัม ฟางกำลังนอนสลบอยู่ในโบราณสถานแห่งนั้น ข้างๆ ปรากฏเป็นคริสตัลที่มีรูปร่างเหมือนวานิลลา คริสตัลนั้นค่อยๆ กลายสภาพจนเป็นวานิลลาที่มีเนื้อหนังแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน ตอนแรกก็เปลือยล่อนจ้อนอยู่ แต่พระเจ้าก็ดันไม่ลืมเสกเสื้อผ้าให้เเธอใส่ในพริบตาด้วย แสดงว่าก่อนหน้านั้นวานิลลาเคยเป็นลูซิที่ทำหน้าที่สำเร็จจนกลายเป็นคริสตัล มาก่อน ทว่าในวันดังกล่าวฟัลซิอนิมามีเรื่องจะให้เธอกับฟางทำ ก็เลยคืนชีพวานิลลาให้ฟื้นจากสภาพคริสตัล พอวานิลลาฟื้นแล้วเธอก็ลุกไปปลุกฟาง เธอรู้ตัวดีว่าเธอเป็นเสมือนทาสรับใช้ของฟัลซิ คือมีชีวิตอยู่เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ แล้วก็กลับเป็นคริสตัลดังเดิม รอคอยวันเวลาที่ฟัลซิจะเรียกใช้และคืนชีพให้เธอใหม่

เดิมทีแล้วทั้งสองนั้นเป็นลูซิของแกรนพัลส์ แต่ว่าฟางพยายามขัดคำสั่งของฟัลซิ เธอจึงถูกลบความทรงจำ เมื่อฟางตื่นขึ้นมาเมื่อ 13 วันก่อน เธอจึงไม่มีความทรงจำก่อนหน้านั้นเหลืออยู่ ผิดกับวานิลลาที่รู้ตัวดีว่าเธอเคยทำหน้าที่เป็นลูซิมาหลายครั้งแล้ว และจริงๆ เธอก็เป็นลูซิมานานแล้ว แต่ดันทำเนียนว่ากลายเป็นลูซิพร้อมพวกไลท์นิ่ง

ตัดกลับมายังเวลาปัจจุบัน ทางด้านไลท์นิ่งที่มาถึงยานพาราเมเกียแล้วก็วิ่งฝ่าไปตามทางเรื่อย ไล่ทุบไล่ตีทหารไปเรื่อยๆ

สลับมาทางด้าของซัสซ์กับวานิลลาที่โดนขังอยู่ในห้องเดียวกัน พอเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นในยาน ทหารก็เข้ามาในห้องขังเพื่อจะพาซัสซ์และวานิลลาไปกักตัวยังที่อื่นแทน แต่ซัสซ์ก็ขัดขืนและต่อยตีกับทหาร ส่วนวานิลลาก็แย่งปืนของทหารมาใช้ ทั้งสองหนีออกจากห้องขังไปจนเจอห้องที่เก็บอาวุธของพวกตน ทั้งสองก็หยิบอาวุธคืนมา แล้วก็วิ่งอาละวาดหาทางออกกัน

ขณะที่ยานเหาะกำลังวุ่นวาย ประมุขกาเรนธ์ยังคงนิ่งเฉย แต่จิลมีท่าทีร้อนใจมากและรีบออกคำสั่งด่วน

ในช่วงนี้เราต้องเล่นสลับระหว่างฝั่งซัสซ์กับฝั่งไลท์นิ่ง ก็พาวิ่งตามทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไลท์นิ่งเจอ BOSS:นกยักษ์คาราวินก้า พอปราบมันได้แล้วมันจะบินหนีไป ขณะเดียวกันกำแพงด้านข้างก็โดนระเบิดออก พอควันจางลงไลท์นิ่งก็เห็นซัสซ์กับวานิลลาที่อาละวาดจนกำแพงพังนั่นเอง

จังหวะนี้เจ้าบอสตัวเดิมจะบินกลับมา เราต้องสู้กับมันอีกรอบนึง พอชนะแล้วฟางก็จะเข้าไปโอบวานิลลา เธอดีใจมากที่วานิลลาปลอดภัย จากนั้นเธอก็ถกกระโปรงของวานิลลาขึ้นมาดูว่าสัญลักษณ์ของวานิลลาเป็นยังไง บ้างแล้ว โฮปที่เห็นขาอ่อนของสาวน้อยเข้าให้ก็ร้องโอ๊ะโอ... แล้วก็ปิดตา หันไปมองทางอื่น... ซัสซ์เห็นภาพแบบนี้แล้วก็แอบยิ้มอยู่คนเดียว เขาดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ฆ่าวานิลลาไป สโนวเห็นพิรุธก็หันไปถามซัสซ์ว่ามีอะไรเหรอ แต่ลุงแกก็บอกว่าเปล่าๆ ไม่มีอะไร

เราตัดสินใจจะบุกไปยังห้องของประมุขกาเรนธ์ด้วยกัน วานิลลาก็ใช้อาวุธของเธอตรึงร่างมังกรสีม่วงที่บินไปมาแถวนั้นเอาไว้ แล้วฟางก็กระโดดขึ้นไปเสียบมังกรให้ร่วงลงมา เธอบอกให้ทุกคนขึ้นขี่มันได้เลย เราจะไปหากาเรนธ์ด้วยกัน พวกเราทั้งหมดก็ขี่มังกร หลบการโจมตีของศัตรู จนไปถึงบริเวณใกล้ห้องพำนัก พวกเราก็กระโดดออกจากมังกรไป มาโผล่ยังทางเดินยาวที่มีศัตรูมากมาย ให้ฝ่าเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงด้านในสุด

ภายในห้องนั้นมีจิลกับกาเรนธ์รอต้อนรับเราอยู่ พอซัสซ์เจอจิลก็ควักปืนขึ้นมาทันที ส่วนจิลก็หยิบตะบองขึ้นมาหมายจะบู๊กับลูซิอย่างเราๆ แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อกาเรนธ์ที่อยู่ด้านหลังบอกว่า ไม่ต้อง... แล้วเขาก็ยิงพลังเวทใส่จิลจนกระเด็นไป...

ซัสซ์ตกใจมากที่ประมุขกาเรนธ์สามารถใช้เวทมนต์ได้ สโนวตะโกนบอกทันทีว่ามันไม่ใช่คนนี่หว่า... แล้วกาเรนธ์ไดสรี่ก็โชว์เมพด้วยการปล่อยพลังออกไปทั่วฟ้า ทำลายอาณาบริเวณรอบๆ ตัว สโนวเห็นท่าไม่ดีเลยวิ่งเข้าไปจะต่อยกาเรนธ์ แต่กลับติดบาร์เรียลึกลับทำให้กระเด็นกลับมา กาเรนธ์คำรามด่าเหล่าลูกน้องว่าเจ้าพวกทาสผู้โง่เขลาที่หวาดกลัวลูซิทั้ง หลายเอ้ยยย... ไลท์นิ่งเลยรีบชักดาบถามว่าตกลงแกเป็นใครกันแน่ เป็นลูซิงั้นเหรอ!?

กาเรนธ์ตอบกลับว่าคิดว่าเขาเป็นลูซิงั้นรึ? ไม่ใช่หรอก!! ฉันคือฟัลซิต่างหาก!!! ฟัลซิบัลโทอันเดลุส! ราชาแห่งฟัลซิ!! ประมุขของรัฐบาลสวรรค์และของโคคูนยังไงล่ะ!!!! แล้วเราก็ต้องสู้กับ BOSS:ราชาแห่งฟัลซิที่มีร่างกาย 5 ส่วนด้วยกัน

ในการสู้กับบัลโทอันเดลุส.... เราต้องเตรียมการมาดีกว่าปกติ ขึ้นชื่อว่าราชาแห่งฟัลซิแล้ว ย่อมเชื่อได้ว่าพี่แกมีฝีมือเหนือชั้นกว่าบอสทั้งหมดที่เราเคยเจอมาหลายขุม ร่างกายส่วนหลักของมันจะมีพลังประมาณ 4 แสนกว่า เราต้องกำจัดส่วนย่อยๆ ทั้ง 4 ส่วนของมันก่อน และถึงจะสามารถทำเชนเพื่อเบรคส่วนหลักของมันได้ พอมันเหลือแต่ส่วนหลักแล้ว การโจมตีของมันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ท่าเลเซอร์นรกแต่ละท่าของมันมีอานุภาพขนาดประทับตราวีซ่าให้เราไปทัวร์ยมโลก ได้ทันที ดังนั้นเราต้องใช้บัฟโพรเทคและเชลช่วยเอาไว้ตลอด ถ้าโพรเทคและเชลหายเมื่อไหร่ก็ให้รีบเติมทันที และควรหมั่นเติมพลังให้เต็มอยู่ตลอดเวลา มีจังหวะค่อยร่ายดีบัฟใส่มัน ขอให้จำไว้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการชนะมันคือหมั่นเติมพลังให้เต็ม และเติมบัฟไม่ให้ขาดอยู่เสมอ ตัวละครที่แนะนำคือไลท์นิ่ง ฟาง และโฮปครับ

พอชนะมันแล้วคริสตัลเลียมจะอัพเลเวล พวกเราที่เห็นกาเรนธ์หายไปแล้วก็พากันพูดว่ามันตายแล้วเหรอ แต่กาเรนธ์ดันบินลงมาจากฟ้าแล้วบอกว่าราชาแห่งฟัลซิจะไปตายได้ยังไงเล่า! ไอ้ที่สู้ไปเมื่อกี้มันเป็นแค่น้ำจิ้ม ก็แค่การทดสอบฝีมือของพวกเราเท่านั้นแหละ แล้วมันก็เล่าความจริงให้ฟังว่า เค้าคือราชาฟัลซิของพัลส์ ที่ต้องการกำจัดฟัลซิออฟาน ซึ่งออฟานเป็นฟัลซิของพัลส์ที่ทรยศมาอยู่ฝั่งโคคูน ดังนั้นภารกิจที่เขาและอนิมาขอมอบให้ลูซิอย่างพวกเราก็คือ "การเรียกมนต์อสูรแร็คนาร็อคมากำจัดฟัลซิออฟาน" ที่เป็นพวกโคคูน แล้วทำลายโคคูนทิ้งซะ

แล้วเค้าก็ตอบข้อสงสัยให้ฟังว่าหน้าที่ที่ฟัลซิอนิมามอบให้เซร่าก็คือ การล่อคนมาเป็นลูซิ เพื่อที่จะได้ใช้คนพวกนั้นไปปราบออฟาน และถล่มโคคูนอีกทอดนึง.... การที่พวกเรา 5 คนแห่กันเข้าไปในโบราณสถาน ได้ทำให้ภารกิจของเซร่าเสร็จสมบูรณ์ เธอจึงได้กลายเป็นคริสตัล ในตอนนี้ถึงกาเรนธ์อยากให้พวกเราไปจัดการออฟาน แต่จากการทดสอบฝีมือ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าฝีมือของเรายังไม่ถึงขั้น ดังนั้นพวกเจ้าจงไปเอาพลังใหม่มาซะ.... ว่าแล้วกาเรนธ์ก็เสกนกแถวนั้นที่บินผ่านให้กลายเป็นยานเหาะ ตัวเขาลอยหายเข้าไปในยานเหาะ และไลท์นิ่งก็เรียกให้ทุกคนตามเข้าไปก่อน

พอยานเหาะออกบินเท่านั้นแหละ พันโทรอชที่ยังไม่ตายก็ขับยานเหาะมาไล่ยิงเรา เกิดเป็นการไล่ลากลางเวหา ถึงแม้จะโดนยิงไปเยอะ แต่ยานเรากลับไม่เป็นอะไรเลย พอเราสะบัดยานของรอชพ้น ทุกคนในยานก็มัวแต่มองด้านหลังกันว่ารอชตามมาทันรึเปล่า จนลืมมองด้านหน้า..... สุดท้ายยานก็ชนเข้ากับสิ่งปลูกสร้างอย่างหนึ่ง...

Chapter 10
สถานที่ : ฟิฟธ์อาร์ค.... อารยธรรมที่หลงเหลือจากพัลส์

เดิมทีแล้วสถานที่แห่งนี้เคยตั้งอยู่ในพัลส์ แต่ถูกฟัลซิยกมาไว้ในโคคูน

ทุกคนลงมาจากยานแล้วก็มายืนเก็กซิมว่าจะเอาไงต่อกับชีวิตดี สโนวได้แต่เหม่อลอยสับสน ก็ไหนเซร่าบอกให้เขาปกป้องโคคูน แต่ภารกิจของเขาดันเป็นการกำจัดฟัลซิออฟานและทำลายโคคูน จะเอายังไงกับชีวิตดีล่ะ

โฮปเองคิดว่าถ้าเราเรียกแร็คนาร็อคออกมากำจัดออฟานได้จริง เราก็ต้องกลายเป็นคริสตัลอยู่ดี แล้วถึงฟัลซิจะคืนชีพให้ทีหลัง มันก็จะคืนชีพให้ต่อเมื่อมีเรื่องจะใช้เรา แล้วพอเราทำหน้าที่เสร็จ เราก็ต้องกลายเป็นคริสตัลอีกรอบ แบบนี้ก็เท่ากับเราต้องกลายเป็นทาสของฟัลซิไปชั่วนิรันดร์อย่างนั้นเหรอ!?

ในตอนนี้สัญลักษณ์แห่งลูซิของแต่ละคนได้กลายเป็นสีแดงแล้ว นั่นแปลว่าทุกคนเหลือเวลาทำภารกิจอีกไม่นาน หากทำไม่ทันเวลา ทุกคนก็ต้องกลายสภาพเป็นมอนสเตอร์ ระหว่างปรึกษากันอยู่ศัตรูที่เป็นหุ่นยนต์เจ้าที่ก็แห่กันเข้ามาต้อนรับขับ สู้ เราก็วิ่งหนีโกยเอาโกยเอาตามอัธยาศัย ถึงตอนนี้เราจะสามารถเปลี่ยน Leader ได้อย่างเสรีแล้ว และยังสามารถอัพคริสตัลได้ทุกสายแล้วด้วย

ให้เราลงไปด้านล่างเรื่อยๆ ลงลิฟต์ไปจนถึงด้านในสุด แล้วจะเจอผู้บัญชาการกองทัพอากาศ "ซิด เรนส์" โผล่มาขวางทางไว้ ซิดจะรู้เรื่องของเราทั้งหมดแล้ว รวมทั้งเรื่องที่เรามีหน้าที่ต้องทำลายโคคูนด้วย แต่ซิดบอกว่าเขาเองก็เป็นลูซิเหมือนกัน โดยเขาเป็นลูซิฝั่งโคคูน และหน้าที่ของเขาก็คือการปกป้องโคคูน ดังนั้นเขาจะปล่อยให้เราทำตามใจชอบไม่ได้ พอพวกเราได้ยินก็ตกใจในเรื่องที่ซิดเป็นลูซิ ไลท์นิ่งเห็นแล้วก็พุ่งเข้าไปจะฟาดดาบใส่ซิด แต่ซิดก็จับแขนของไลท์นิ่งไว้ได้ แล้วก็เหวี่ยงไลท์นิ่งซะกระเด็น ดาบของไลท์นิ่งปลิวลอยขึ้นฟ้าและตกลงมาเข้าสู่มือของซิด แล้วซิดก็โยนดาบคืนให้กับไลท์นิ่ง

เราต้องสู้กับ BOSS: ที่แปลงร่างมาสู้กับเรา เขาจะมี HP ประมาณ 2 แสนหน่อยๆ เขาจะใช้บัฟเสริมพลังให้กับตัวเอง และยังมีท่าโจมตีหนักๆ มากมาย เวลาใกล้ตายจะโหดขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้เอาวานิลลาไปร่ายดิสเปลและยิงดีบัฟใส่ แล้วเอาโฮปไปช่วยบัฟและฮีลให้เราด้วย ส่วนตัวแทงค์แนะนำให้เอาสโนวครับ เพราะการสู้กับซิดนั้นต้องเน้นถึกจริงๆครับ

พอเราชนะซิดแล้ว นั่นแปลว่าหน้าที่ในการปกป้องโคคูนของซิดเสร็จสิ้นลงแล้ว ซิดกลายเป็นคริสตัล แล้วก็สลาย ล่องลอยขึ้นไปบนฟ้า

ลงไปถึงด้านในสุด สโนวจะตัดสินใจได้ว่า.....ถึงหน้าที่ในฐานะลูซิของเขาจะเป็นการทำลายโคคูน แต่เขาอยากจะปกป้องโคคูนของเซร่า โคคูนของทุกคน ปกป้องดาวที่เขาเกิดและเติบโตมา ว่าแล้วฮีโร่ซังก็เริ่มทำการไซโคคนในกลุ่ม จนวานิลลาและโฮปคล้อยตามวิ่งเข้ามาประสานมือกับสโนวด้วย ทว่าฟางกลับไม่สนใจ เธอบอกว่าเธอจะทำหน้าที่ให้สำเร็จ โคคูนจะล่มสลายไปยังไงก็ช่าง มันย่อมดีกว่าการที่เธอต้องเห็นเพื่อนๆ กลายสภาพเป็นมอนสเตอร์ไป แล้วสัญลักษณ์ของฟางก็ส่องแสงออกมา เกิดเป็นบาฮามุทพุ่งพวยขึ้นไปบนฟ้า ทุกคนรีบชักอาวุธขึ้นมาเตรียมรับมือพอดี แล้วบาฮามุทเจ้ากรรมก็ยิงเมก้าแฟลร์ออกมาจากปาก บอลพลังนั้นพุ่งเข้าหาฟางด้วยความรวดเร็ว ไลท์นิ่งเห็นดังนั้นเลยรีบพุ่งมาบังฟางให้ทันที แต่แล้วกลับเป็นสโนวที่พุ่งมาบังไลท์นิ่งไว้อีกต่อ เขาใช้มือของเขารับเมก้าแฟลร์ของบาฮามุท และปัดมันออกไปได้อย่างสบายๆ  พอเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว ไลท์นิ่งก็ยื่นมือไปทางฟาง แล้วบอกว่ามาช่วยกันเถอะ

เราต้องใช้ฟาง วานิลลา ไลท์นิ่ง สู้กับ BOSS: บาฮามุท ซึ่งผมเล่นมั่วๆ เทคเดียวผ่าน ก็เลยไม่มีคำแนะนำใดๆ ให้ นอกจากพุ่งเข้าไปตีรัวๆ รัวๆ และรัวๆ ก็จะผ่านง่ายๆ เลยครับ

พอชนะแล้วเราจะได้มนต์อสูรบาฮามุทพร้อมเกจ ATB ของฟางอีก 1 ช่อง แล้วฟางจะยอมทำตามที่ทุกคนพูด จะปกป้องโคคูนอะไรก็แล้วแต่ ไปก็ไป ยังไงทุกคนก็คือพวกเดียวกัน ให้เดินทางไปต่อจะเห็นเส้นทางที่สัตว์อสูรเปิดไว้ให้ ไปจนสุดทางจะเจอยานเหาะที่จอดรอเราอยู่ วานิลลาบอกว่ามันคือเหาะจากแกรนพัลส์ ซัสซ์บอกว่าเขาจะขอขับมันเอง แต่ฟางรีบย้อนทันทีว่านายจะทำได้เหรอ กลไภายในของมันไม่เหมือนกับยานเหาะในโคคูนหรอกนะ แต่ซัสซ์บอกว่าเชื่อมือเขาได้เลย แล้วก็ทุบหน้าอกตัวเองแรงๆ แต่ดันทุบแรงไปหน่อยก็เลยสำลัก ไอค่อกแค่กออกมา สโนวที่ขำก็ช่วยตบหลังแรงๆ ซ้ำให้อีกที

ซัสซ์จะขับยานออกมาจากโคคูน เพื่อมุ่งหน้าลงไปยังโลกเบื้องล่าง แต่พอเข้าสู่น่านฟ้าของพัลส์เท่านั้น สัตว์ยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาโจมตีเรากลางอากาศ ทำเอากระจกยานแตกกระจุย ลมที่พัดทะลุเข้ามาทำให้ทุกคนปลิวออกจากยาน ระหว่างที่กำลังร่วงลงมา ฟางก็เรียกบาฮามุทมารับตัวเธอกับไลท์นิ่ง แล้วให้บาฮามุทพุ่งเข้าไำปรับซัสซ์ สโนว โฮป และวานิลลา พอทุกคนนั่งอยู่บนบาฮามุทพร้อมแล้ว ฟางก็บอกว่ายินดีต้อนรับสู่ "แกรนพัลส์"


Chapter 11
สถานที่ :  หุบเขามีเดีย

เมื่อมาถึงแกรนพัลส์แล้วเราจะแยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย วานิลลาจะไปนอนโดยมีฟางเฝ้าอยู่ข้างๆ โฮปจะไปเล่นกับลูกโจโคโบะ ส่วนซัสซ์ สโนว และไลท์นิ่งจะออกไปสำรวจทาง แต่พอถึงเวลารวมพล ลูกโจโคโบะดันบินกลับมาตัวเดียวโดยไม่มีโฮปมาด้วย

เราช่วยกันออกตามหาโฮป จนเจอโฮปสลบอยู่ที่ริมน้ำ เราเลยไม่เคลื่อนไปไหน นั่งผิงไฟกันอยู่แถวนั้นจนถึงค่ำ ระหว่างนั้นเองโฮปก็ฟื้นขึ้นมา เขาอธิบายให้ทุกคนฟังว่าเขาพยายามสู้กับศัตรูคนเดียวจนสลบไป ไลท์นิ่งเลยบอกว่าให้ทุกคนช่วยก็ได้นี่นา ก็เราเป็นพวกพ้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไม่ใช่เหรอ โฮปจึงบอกว่าก็เพราะว่าเป็นพวกพ้องน่ะสิถึงไม่อยากให้พวกเราโดนทำร้าย ความรู้สึกที่อยากช่วยเหลือเพื่อนๆ นั้น ได้ทำให้ BOSS: อเล็กซานเดอร์ ปรากฏตัวขึ้นมา ไลท์นิ่งบอกว่านั่นคือพลังของโฮปเอง นายต้องจัดการมันให้ได้ แล้วไลท์นิ่งกับฟางจะเข้ามาช่วยกันปราบอเล็กซานเดอร์

ในการต่อสู้กับอเล็กซานเดอร์ ให้โฮปบัฟสเตตัสให้กับเพื่อน จากนั้นก็ฮีลรัวๆ ไป ส่วนไลท์นิ่งก็ยิงเวทรัวๆ แล้วฟางเป็นคนโจมตี ซักพักก็จะปราบอเล็กซานเดอร์ได้อย่างง่ายดาย เมื่อชนะแล้วเราจะได้มนต์อสูรอเล็กซานเดอร์ และเกจ ATB ของโฮปก็จะเพิ่มมาอีก 1 ช่อง

เราจะเดินทางต่อมายังทุ่งอาคิลิท แล้วจะเจอแท่นหินแปลกๆ ที่เป็นตัวมอบมิสชั่น แท่นหินพวกนี้คือซากของลูซิที่เคยทำหน้าที่ไม่สำเร็จ พวกเขาจึงอยากให้เราช่วยรับฟังคำขอร้องและทำมิสชั่นให้สำเร็จแทนเขา ภายในพัลส์จะมีตัวจ่ายมิสชั่นทั้งหมด 64 มิสชั่น กระจายอยู่ทั่วๆ พัลส์ มิสชั่นไหนทำแล้วเวลากดสี่เหลี่ยมเพื่อเรียกแผนที่ ก็จะมีการติ๊กบอกว่าอันไหนทำแล้ว อันไหนยังไม่ทำ ก็ลองค้นหาดูนะครับ

ตอนนี้เราอย่าพึ่งมุ่งหน้าไปต่อ แต่ให้เดินย้อนกลับมาด้านหลัง ไปตามเส้นทางเรื่อยๆ เราจะมาถึงภูเขายาจัส แล้วจะพบว่าลูกศรนำทางที่เคยชี้ให้เราไปทางหนึ่ง ตอนนี้มันดันชี้ไปอีกทางแล้ว ก็ให้เราตามลูกศรไปจนเจออีเวนต์ เป็นเหตุการณ์ที่โฮปนั่งคุยกับวานิลลา โดยโฮปบอกว่าเขาชอบรอยยิ้มของวานิลลา แล้ววานิลลาก็อายใหญ่ โฮปเลยบอกว่ายิ่งน่ารักเข้าไปอีก แล้วโฮปก็วิ่งหนีไป วานิลลาที่อายก็วิ่งไล่จับโฮปแก้เขิน

เสร็จจากอีเวนต์นี้แล้วให้กลับไปที่ทุ่งอาคิลิท สถานที่ๆ ถูกเรียกว่านรก... ซึ่งหากคุณลองเดินเล่นในทุ่งนี้ดูซัก 10 นาที คุณจะเข้าใจเองว่ามันนรกยังไง มอนสเตอร์มากมายในทุ่งแห่งนี้มีพลังมากพอที่จะขยี้เราให้ตายในพริบตา ไม่ว่าจะเป็นอันดามันไท คิงเบฮมีอธ หรือเจ้าหมายักษ์เมกิโด้ นอกจากนี้ภายในส่วนลึกของพัลส์ยังคงมีมอนสเตอร์ระดับเจ้าที่อีกมากที่รอต้อนรับเราอยู่ ฉะนั้นเพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี กรุณากลับไปเก็บเลเวลที่ภูเขายาจัสเสียก่อน เอาไว้มั่นใจแล้วค่อยกลับไปทำเนื้อเรื่องต่อก็ยังไม่สาย

 ถ้าพร้อมแล้ว ให้เราเดินสำรวจทุ่งอาคิลิทจนเจอเนินเขาที่มีเต่ายักษ์อันดามันเคริสนอนอยู่ รอบๆ ขึ้นไปบนเนินนั้นแล้วเราจะเจออีเวนต์ที่ซัสซ์พบซาโบเทนเดอร์ มันจะวิ่งหนีไปมาด้วยความเร็วสูง ให้สังเกตทิศทางการหลบของมันให้ดี แล้วพยายามแตะตัวมันให้ได้ เมื่อเราจับตัวมันได้ก็จะต้องสู้ พอชนะมันแล้วหลังจากนี้ก็จะมีซาโบเทนเดอร์ปรากฏเป็นมอนสเตอร์ธรรมดาๆ วิ่งไปวิ่งมาเต็มทุ่งนี้แล้ว

ให้เราวิ่งผ่านทุ่งอาคิลิทไปตามทาง ก่อนจะถึงถ้ำจะเจอคิงเบฮีมอธกับหมาเมกิโด้กำลังฟัดกัน... จงใช้สกิลที่ฝึกมาจากวินนิ่ง ทำการสับขาหลอก วิ่งหลบผ่านมอนสเตอร์ทั้งสองตัวเพื่อเข้าไปยังถ้ำด้านหน้าให้ได้ซะ

ภายในถ้ำ จะมีทางแยกย่อยมากมาย กรุณาไปตามลูกศรอย่างเดียว เพราะหากออกนอกเส้นทาง คุณอาจจะเจอหุ่นยนต์นรก บอมบ์นรก หรือตัวนรกอื่นๆ ที่คอยแจก Game Over ให้กับผู้เล่นอย่างง่ายๆ ทว่าหากคุณไปตามเส้นทางปกติ คุณก็จะเจอกับหุ่นยนต์เจ้าที่ ที่ยืนจังก้าขวางทางไปต่ออยู่ ขึ้นชื่อว่าหุ่นเจ้าที่แล้ว...ขอบอกว่ามันไม่ธรรมดา เพราะมันสามารถเรียกพวกออกมาช่วยได้เรื่อยๆ นั่น เอง ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพบหุ่นตัวใหญ่ๆ หน้าตาโง่ๆ ยืนกางแขนบังทางไปต่อ ให้คุณสังเกตการเคลื่อนไหวแล้วหาทางเลี่ยงการปะทะกับมันซะ วิถีหลบมันง่ายๆ คือ ให้ไปยืนอยู่ด้านหน้าทางซ้ายของมัน แล้วมันจะพยายามหมุนตัวมาหาเรา จังหวะที่มันหมุนตัว แขนที่เคยบังทางเอาไว้จะบิดออกทำให้เราวิ่งผ่านไปได้ แต่ใครที่อยากสู้กับมันก็ให้ลองสู้ดูได้ แต่เวลาสู้กับมันให้เรามุ่งกำจัดเจ้าหุ่นเจ้าที่นี้ก่อน อย่าไปกำจัดหุ่นลูกน้องของมัน ไม่งั้นมันจะเรียกพวกมาช่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านจากถ้ำแรกมาแล้ว จะเจอเหตุการณ์ที่วานิลลาถามฟางว่าจำดอกไม้นี้ได้มั้ย ระหว่างที่คุยๆ กันอยู่สัญลักษณ์ของวานิลลาจะส่องแสงเกิดเป็น    BOSS: เฮคาตันไครีส โดยเราต้องใช้วานิลลากับฟางแค่สองคน เงื่อนไขการผ่านคือต้องโจมตีมันรัวๆ จนได้จำนวนครั้งตามที่กำหนด

เฮคาตันไครีสนั้นจะต่างจากศัตรูทั่วไป เวลาปกติมันจะทำการตั้งรับอยู่ตลอดเวลา แต่พอตั้งรับไปซักพักมันจะทำการเคาเตอร์กลับอย่างรุนแรง เราต้องจดจำให้ดีว่าจังหวะไหนที่มันจะตั้งรับ จังหวะไหนที่มันจะลุย เวลาที่มันตั้งรับให้วานิลลาเป็น Jammer และฟางเป็น Attacker ช่วยกันโจมตีรัวๆ ส่วนจังหวะที่มันเคาเตอร์ ก็ให้วานิลลาแบบ Healer คอยฮีล และฟางที่เป็น Defender ก็ให้ตั้งการ์ดเอาไว้ ทำสลับไปมาตามจังหวะ ก็จะผ่านไปได้เอง แล้วจะได้มนต์อสูรเฮคาตันไครีสเพิ่มมา และเกจ ATB ของวานิลลาจะเพิ่มอีก 1 ช่อง

ให้เรามุ่งหน้าเข้าถ้ำไปจนถึงด้านในสุด จะมีเหตุการณ์ที่โฮปเล่นซนจนเกือบโดนฟัลซิอโตมอสทับ แต่พวกหุ่นจักเกอร์นอร์ทที่รักโฮปกลับโผล่มาช่วยกันหยุดอโตมอสไว้ หลังจากนี้เราจะสามารถขึ้นขี่อโตมอสได้ ก็ให้ขี่มันจะไปโผล่ทางเข้าถ้ำอีกแห่งหนึ่ง

เข้าไปด้านในแล้วสโนวจะเอาคริสตัลที่เป็นหยดน้ำตาของเซร่าขึ้นมาส่อง เพื่อให้เซร่าได้มองดูโคคูนที่ยังปลอดภัยดี วานิลลาจะมาขอสโนวดูคริสตัลบ้าง แล้ววานิลลาจะนึกถึงเรื่อง 5 วันก่อนเริ่มเกม ซึ่งเธอได้เจอกับเซร่าที่ชายหาดเมืองโบดัม วานิลลาจะนั่งเล่นอยู่กับเซร่า และขอโทษที่ทำให้เซร่าต้องแบกรับหน้าที่ในฐานะลูซิไปด้วย เดิมทีแล้วหน้าที่ในการหาคนมาเป็นลูซิเพื่อทำลาสยโคคูนนั้นเคยเป็นของ วานิลลา แต่ตอนนี้มันถูกส่งผ่านไปยังเซร่า

เดินทางต่อ ถ้ำแห่งนี้นอกจากจะมีน้ำตกและทะเลสาบตั้งอยู่แล้ว ยังมีปลาเจ้าที่สถิตอยู่ด้วยอีกต่างหาก ซึ่งปลาเจ้าที่ดังกล่าวมิใช่ปลาธรรมดา แต่มันเป็นมอนสเตอร์ระดับเจ้าที่ ที่คอยยืนขวางทางไปเก็บสมบัติชิ้นต่างๆ และเวลาสู้กับมัน มันจะสามารถเรียกพวกออกมาช่วยได้เรื่อยๆ น่าสยดสยองเป็นที่สุด ดังนั้นยามใดที่คุณเจอปลาดังกล่าว กรุณารีบกำจัดมันโดยไม่ต้องไปสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นรอบๆ ตัว 

ออกจากถ้ำแล้ว จะมาโผล่ที่ทุ่งดอกไม้ สโนวถามไลท์นิ่งว่าเราจะได้เจอเซร่าอีกแน่ๆ ใช่มั้ย ไลท์นิ่งบอกว่าต้องได้เจอสิ ก็นายเป็นคนมอบความฝันนั้นให้กับเธอไม่ใช่เหรอ แล้วไลท์นิ่งก็ร้องไห้ สโนวเลยบอกว่าไว้จบเรื่องแล้วเรากลับไปหาเซร่าด้วยกันนะ 

เลยจากทุ่งดอกไม้ไปหน่อย ก็จะพบหอคอยเทจินที่อยู่ท่ามกลางทิวผา แถมหอคอยนี้มันยังหักครึ่งแล้วอีกด้วย ไม่รู้ไปโดนเจ้าที่ตนไหนซิวเข้าให้... วานิลลาบอกว่าข้างหน้านี้ก็เป็นบ้านเกิดของเธอแล้ว แต่ต้องผ่านหอคอยนี้ไปก่อน ก็ให้เราเข้าไปในหอคอย เดินตามโฮปเข้าไปในลิฟต์ จนโผล่มาบนชั้น 2 จะเจอรูปปั้นที่เป็นตัวจ่ายมิสชั่นกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ เราต้องทำมิสชั่นให้สำเร็จทั้งหมด ทางไปต่อถึงจะถูกเปิดออก ทำได้แล้วก็ให้ขึ้นไปบนชั้น 3 ให้เราไล่ทำมิสชั่นตามชั้น 3-6 ไปเรื่อยๆ พอทำมิสชั่นเสร็จแล้วจะสามารถกดลิฟต์ไปบนชั้นยอดของหอคอยได้ แต่ถ้าไปขึ้นลิฟต์อีกตัวที่อยู่ไกลๆ ก็จะสามารถไปเก็บหีบสมบัติที่ชั้น 7 ได้

ที่ยอดหอคอย เราจะเจอเจ้าที่ประจำหอคอยนี้ มันคือ BOSS: ฟัลซิดาฮาคา มีพลังชีวิตประมาณ 2.3 ล้าน แถมเวลาใกล้ตายมันจะใช้ท่าที่ทำให้เราติดสเตตัสผิดปกติทุกชนิด ให้คอยใช้เวทเอสน่าให้ทัน แล้วจะผ่านได้ไม่ยาก

ชนะแล้วเราจะมีลิฟต์โผล่ขึ้นมาในชั้นนั้นเพิ่มอีก 1 ตัว ให้เราเข้าไปลิฟต์แล้วจะสามารถลงไปที่ชั้น 7 ได้ ก็ให้ลงไปที่ชั้น 7 ไปสำรวจรูปปั้น แล้วกลไกของหอคอยจะกลับสู่สภาพปกติ ทำให้สามารถใช้ลิฟต์ไปมาทุกชั้นได้แล้ว นอกจากนี้ที่ชั้น 7 ยังมีหีบสมบัติที่ให้ไอเทม "กู๊ดช็อยส์" ที่ช่วยเพิ่มอัตราการดรอปของไอเทมปกติด้วย โปรดอย่าลืมเก็บมา 

เสร็จภารกิจแล้วก็ให้กลับขึ้นไปยังชั้นยอดของหอคอย จะพบทางเดินไปขึ้นยานเพื่อมุ่งหน้าไปยังทุ่งหิมะอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านโอลบาซึ่งเป็นบ้านเกิด ของวานิลลา แต่ตอนนี้มันร้างซะจนมีแต่มอนสเตอร์และพวกคนที่กลายสภาพแล้วอาศัยอยู่

ภายในหมู่บ้านนี้จะมีบ้านหลังหนึ่งที่เป็นบ้านเก่าของวานิลลา ภายในจะมีหุ่นยนต์ ???? พักตี้ที่เจ๊งแล้วอยู่ เราต้องหาชิ้นส่วนทั้ง 5 มาช่วยซ่อมมัน โดนชิ้นส่วนนี้จะกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของหมู่บ้าน ก็ต้องออกแรงเดินสำรวจกันหน่อย ชื่อชิ้นส่วนทั้ง 5 ก็มีดังนี้ ??????, ????????, ???????, ?????? และ ?????? เมื่อซ่อมพักตี้ได้แล้วได้ไอเทมเป็นรางวัล และยังได้ Trophy อีกใบหนึ่งด้วย

เข้าไปจนถึงด้านในสุดของหมู่บ้าน เราจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยออกมาอธิบายเรื่องอสูรแร็คนาร็อค ทันใดนั้นเซร่าที่ทุกคนรู้จักก็ปรากฏตัวออกมา เธอเรียกไลท์นิ่งด้วยชื่อจริงว่าพี่ "เอเครล" แล้ววิ่งเข้ามากอดสโนวท่ามกลางความตระหนกตกใจของทุกคน เซร่าจะบอกให้ทุกคนเรียกแร็คนาร็อคออกมาทำลายโคคูนให้ได้ สโนวที่ได้ยินเลยรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เซร่าที่เขารู้จัก ก็เลยผลักเซร่าออกไป เซร่าจะยังคงยุให้เรากำจัดออฟาน ทำลายโคคูนให้ได้ แต่เจ๊เอแคร์ไส้สตอเบอร์รี่ เอ๊ย...ไลท์นิ่งกลับไม่เชื่อว่านี่คือคำพูดที่มาจากปากน้องสาวของตน ก็เลยชักดาบขึ้นมาเตรียมสู้

เซร่าแสดงตัวออกมาว่าแท้จริงแล้วมันคือกาเรนธ์ ไดสรี่ที่ปลอมตัวมา สโนวเห็นว่าไดสรี่มากวนตีน ก็เลยวิ่งเข้าไปต่อย แต่กาเรนธ์ก็วาร์ปหลบได้ แม้จะวิ่งเข้าไปต่อยอีก แต่ก็ติดบาร์เรียจนสโนวกระเด็นกลับมา มันจะยุให้เราทำลายโคคูนต่อ แล้วยังบอกอีกว่าตอนนี้ซิดเองก็กำลังดำเนินแผนการณ์เพื่อทำลายโคคูนอยู่ พวกเราเลยถามไปว่าซิดยังมีชีวิตอยู่เหรอ มันเลยบอกว่ามันเป็นคนปลุกซิดขึ้นมาจากสภาพคริสตัลเอง และตอนนี้ซิดเป็นทาสรับใช้ของมัน โดยหน้าที่ใหม่ของซิดก็คือการทำลายโคคูน!!!

เราจะขี้เกียจฟังที่มันพูดเลยต้องสู้กับมัน BOSS: ฟัลซิบัลโทอันเดลุส พลังชีวิตประมาณ 3 ล้าน เล่นไปตามปกติก็ชนะสบายๆ แล้วคริสตัลเลียมก็จะเลเวลอัพ
ถึงชนะราชาแห่งฟัลซิได้อีกครั้ง แต่มันก็ยังไม่ตาย ว่าแล้วมันก็เสกนกให้กลายเป็นยานเหาะสำหรับพวกเรา แล้วฝากให้พวกเรากลับไปทำลายโคคูนด้วยนะ

โฮปจะบอกให้ทุกคนปกป้องโคคูนให้ได้ แล้วก็ทวนคำพูดของไลท์นิ่งที่ว่าทำได้หรือไม่นั้นไม่สำคัญ ว่าแล้วทุกคนก็ตกลงตามนั้น ยังไงก็ต้องปกป้องโคคูนให้ถึงที่สุด แต่ตอนนี้ ต้องรีบนั่งเครื่องบินกลับไปโคคูนเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นซะแล้ว...


Chapter 12
สถานที่ :  มหานครเอเดน

ณ ทำเนียบของรัฐบาล ซิดที่น่าจะกลายเป็นคริสตัลอยู่กับเฝ้ามองความเป็นไปของโคคูนอย่างสงบ เขาได้จัดการแข่งขันขับยานที่คล้ายๆ กับซิ่งรถในโลกของเราขึ้น แล้วก็กล่าวปราศรัยต่อสาธารณชนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการแข่งขันครั้งนี้ โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการล่อคนจำนวนมากให้มาชุมนุมกันที่เมืองหลวงนั่นเอง

เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น พวกเราทั้ง 6 ก็พุ่งลงมาจากฟ้า ตกลงมาในสนามแข่งพอดี ทำให้นักแข่งหลายคนที่หักหลบพวกเราต้องกระเด็นออกนอกเส้นทางไป แต่สโนวก็เรียกศิวะออกมาจับยานพวกนั้นไม่ให้ปะทะเข้ากับอะไร สโนวที่กำลังดีใจก็ตะโกนดังลั่นว่าฮีโร่กลับมาแล้ว ว่าแล้วพี่แกก็ชูกำปั้นขึ้นสูง กล้องในสนามรีบจับภาพไปที่แขนของสโนว ทำให้ผู้เข้าชมทุกคนเห็นสัญลักษณ์ของลูซิ และแตกตื่นกันอย่างมาก พอมีการประกาศว่าลูซิหลงเข้ามาในสนามแข่งเท่านั้นแหละ ผู้คนก็เลยรีบหนี พวกทหารยามต่างๆ ก็ปรี่เข้ามาไล่จับพวกเรา สโนวเลยขี่ศิวะแล้วแว้นซ์หนีทันที  โฮปเองก็เรียกอเล็กซานเดอร์มาทุบศัตรู โอดินกับไลท์นิ่งก็สู้เคียงข้างกัน  เธอกระโดดข้ามไปมาระหว่างรถแข่งคันแล้วคันเล่าพร้อมกำจัดศัตรูไปด้วย ส่วนวานิลลากับเฮคาตันไครีสที่เจอทหารเอาบาซูก้ายิ่งใส่ ก็กระเด็นปลิวไป แต่ก็ได้ซัสซ์ช่วยเอาไว้

ไลท์นิ่งจะขี่โอดินแล้วไล่ฟันทหารฝ่ายศัตรูจนเละ เมื่อไปถึงสุดท้ายแล้วจะเจอ BOSS: ให้เราใช้โอดินโจมตีมันรัวๆ เร็วๆ ก็จะผ่านได้อย่างสบาย

ตอนนี้เอง ท่ามกลางท้องฟ้าอันว่างเปล่า ประตูมิติที่เชื่อมระหว่างพัลส์กับโคคูนก็เปิดออกมา ทำให้มอนสเตอร์ยักษ์จำนวนมากเดินทางจากพัลส์มายังโคคูน สร้างความโกลาหลไปทั่ว คิงเบฮีมอธ หมาเมกิโด เต่าอันดามัน ปลาเจ้าที่และหุ่นเจ้าที่ทั้งหลายแห่กันกรูออกมา เล่นเอาคนหนีตายกันจ้าละหวั่น เมืองหลวงแห่งนี้กำลังจะกลายเป็นนรกแห่งการสังหารหมู่

ทหารนายหนึ่งเข้ามาแจ้งซิดว่ามอนสเตอร์จากพัลส์บุกเข้า มาในโคคูนแล้ว ทหารที่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของซิดก็พยายามจะยิงซิดทิ้งซะ แต่แล้วริกดี้และทหารในสังกัดกองทัพอากาศก็ปรากฏตัวขึ้นมากำจัดทหารคนนั้น ทิ้ง เสร็จแล้วริกดี้ก็เข้ามาถามซิดตรงๆ ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนการณ์ของนายงั้นรึ? ซิดนั่งตอบอย่างสงบใจว่าเขาในตอนนี้เป็นเพียงทาสรับใช้ของฟัลซิเท่านั้น เมื่อริกดี้ได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอาปืนจ่อขมับของซิด แล้วก็ยิงซิดทิ้งซะตรงนั้น ส่วนตัวเขาเองและกองทัพอากาศก็อยู่ทำหน้าที่ปกป้องโคคูนต่อไป เป็นอันว่าหน้าที่ของซิดในภาคนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้

กลับมาที่พวกไลท์นิ่งซึ่งยังอยู่ในสนามแข่ง ให้เราเข้าไปด้านใน เดินไปตามทางสนามแข่ง แล้วจะเจอเหตุการณ์ที่เหมือนกับฉากเปิดตัว FInal Fantasy XIII Trailer แรกที่ฉายในงาน E3 ไลท์นิ่งกระโดดลงมาจากฟ้าโยนระเบิดใส่ทหาร เธอใช้อุปกรณ์ต่อต้านแรงโน้มถ่วงทำให้เธอและพวกตกลงพื้นได้อย่างปลอดภัย จากนั้นเธอก็อาละวาดไล่กำจัดศัตรูที่ขวางทางแบบที่เราเคยเห็นในเทรลเลอร์แรก เป๊ะ เข้าไปด้านในแล้วเราต้องสู้กับคิงเบฮีมอธ และศัตรูต่างๆ ในพัลส์ที่เราเคยเจอมา แต่คราวนี้เราจะหนีไม่ได้แล้ว เพราะต้องลุยไปตามเนื้อเรื่องอย่างเดียว

ไปจนสุดทางแล้วเราจะเจอพันโทรอชออกมาขวาง ตัวเขาบอกว่าจะปกป้องโคคูนให้ได้ สโนวเลยบอกว่าเขาก็จะปกป้องโคคูนเช่นกัน  แต่รอชเถียงว่าพวกสโนวเป็นลูซิไม่ใช่เหรอ คนที่จะปกป้องมนุษย์น่ะไม่ใช่ฟัลซิหรือลูซิหรอก แต่คนที่จะปกป้องมนุษย์ได้ก็คือมนุษย์ด้วยกันเอง!!

ว่าแล้วรอชก็วิ่งขึ้นไปขับหุ่น BOSS: พราวด์แคลด ที่มีชื่อเดียวกับบอสหุ่นยนต์ในภาค 7 มาสู้กับเรา มันมีพลังชีวิตประมาณ 1.53 ล้าน พอชนะได้แล้วมันจะบินหนีไป

ให้เราลงลิฟมาชั้นล่าง แล้วจะเจอเหตุการณ์ที่หุ่นนรกสีฟ้ากำลังต่อสู้กับทหาร แต่ทหารก็ใช้บาซูก้ายิงหุ่นนั้นกระจุยไปได้ ทหารทั้งหมู่ต่างดีใจกันมาก แต่พออันดามันเคริสปรากฏตัวออกมาเท่านั้นแหละ ทหารทั้งหมดก็หนีกันกระเจิง ทุกคนรีบหนีเข้าไปในที่หลบภัย แล้วก็ปิดชัตเตอร์ลง ทหารคนหนึ่งที่หนีไม่ทันก็ได้แต่ยืนตะลึงกับอันดามันเคริสที่ตระหง่านอยู่ ตรงหน้า ร้อนถึงสโนวและพวกที่ต้องเข้าไปช่วยซะแล้ว 

การโจมตีปกติและเวทมนต์ทั่วไปจะให้ผลเพียงครึ่งนึงของ ปกติ แต่มันก็ยังแพ้เวทน้ำอยู่ดี การสู้กับมันนั้นอาจจะให้ใช้คนโจมตี 1 คน แล้วอีก 2 คนช่วยกันใช้เคอัลล่าก็ได้ แต่ตัวผมเองให้วานิลลาเรียกอสูรมา แล้วใช้เวทดีบัฟทุกชนิดให้มันติดสเตตัสผิดปกติทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นก็เปลี่ยนกลับมาเป็นพวก 3 คน แล้วก็โจมตีเร็วๆ ทำเบรค แล้วก็ตีรัวๆ จนชนะมัน

ไปตามทางต่อแล้วเราจะพบกองทัพอากาศกับทหารแห่งเอเดนช่วยกันสู้กับมอนสเตอร์ จำนวนมาก เดินไปสุดทางแล้วจะเจอทางตัน แต่ก็ได้กลุ่มโนระที่เป็นพวกของสโนวมาเปิดทางให้ แล้วพวกโนระจะฝากพวกเราปกป้องโคคูนด้วยนะ แต่โฮปก็ไม่ลืมบอกว่าไม่ใช่แค่พวกเรา แต่ขอให้ทุกคนรวมถึงกลุ่มโนระด้วยมาช่วยกันปกป้องโคคูนด้วยกันเถอะ ทุกคนตกลงตามนั้นแล้วพวกโนระก็แยกไปปกป้องเมืองของพวกตน

เดินทางต่อไปแล้วจะเจอทหารที่โดนบัลโทอันเดลุสสาปให้กลายร่างเป็นมอนสเตอร์ จำนวนมากมาย ให้ฝ่าพวกมันเพื่อเข้าไปหาฟัลซิเอเดนให้ได้ จนสุดทางจะพบกับประตูใหญ่ที่มี BOSS: พราวด์แคลดของรอชจังก้าอยู่ มันจะมี HP 3.57 ล้าน และมีการโจมตีที่รุนแรงมาก

ในการสู้กับมันนั้นต้องรู้ก่อนว่ามันแบ่งการโจมตีออก เป็นสองช่วง คือร่างเวลากับร่างพื้นดินที่เรียกว่าเดสทรอยโหมด จังหวะที่เป็นร่างเวหานั้นมันจะโจมตีเบา เพราะมันเอาเวลาไปชาร์จพลัง ในช่วงนี้ก็ให้เราใช้บัฟรัวๆ เพื่อเพิ่มพลังป้องกันให้กับเรา จากนั้นพอมันเปลี่ยนเป็นร่างพื้นดิน มันจะกระหน่ำโจมตีอย่างรุนแรงและรวดเร็วมาก ใครที่ฮีลไม่ทันก็เปลี่ยนไปใช้ Healer สองคนช่วยกันฮีล และพยายามถ่วงเวลาเอาตัวรอดให้ได้ ถ้าเห็นมันใช้ท่าไม้ตายที่ลดพลังเยอะๆ แล้วก็ให้ Healer 2 คนช่วยกันฮีลแบบไม่ต้องคิดอะไรมากไปกว่าฮีลให้รัวที่สุด... พอผ่านช่วงนี้ไปได้มันจะกลับมาเป็นร่างเวหา ให้เรารีบใช้บัฟเสริมพลังป้องกันแล้วก็โจมตีใส่มันรัวๆ ซะ พอมันใกล้ตายแล้วมันจะใช้บัฟและดีบัฟใส่ตัวเอง ทำให้พลังโจมตีและความเร็วเพิ่มขึ้น แต่พลังป้องกันก็ลดลง ตอนนี้เราอย่าเสียเวลาไปดิสเปลมัน เพราะใช้ไปก็ไม่ได้ผล ให้ตั้งหน้าตั้งตาฮีลๆๆ แล้วโจมตีมันอย่างเดียวดีกว่า สุดท้ายก็จะชนะมันได้ครับ

พอชนะแล้วรอชที่โชกเลือดใกล้ตายจะขอฝากความหวังในการปกป้องโคคูนให้กับสโนว ในเมื่อสโนวมาที่นีั่่เพื่อปกป้องโคคูนไม่ใช่เหรอ งั้นก็จงมุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อทำหน้าที่นั้นซะ แล้วเขาก็แจ้งให้ลูกน้องทั้งหมดทราบว่าให้เลิกจับลูซิโดยไม่ต้องถามเหตุผล แล้วสโนวก็บอกว่านายต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อรอดูโคคูนที่ได้รับการปกป้องให้ได้นะ แล้วทุกคนก็เดินผ่านรอชเข้าประตูไป

รอชที่กำลังโชกเลือดอยู่ใกล้จะหมดสติลงทุกขณะ คิงเบฮีมอธสองตัวค่อยๆ ย่างเข้ามาทางเขาอย่างช้าๆ รอชที่คิดดีแล้วจึงควักระเบิดขึ้นมา แล้วพอเบฮีมอธทั้งสอกระโจนเข้ามาเขาก็กดระเบิดตัวเองตายไปพร้อมกับเบฮีมอธ เพื่อไม่ให้มอนสเตอร์สองตัวนั้นตามมารังควานเราได้

ตัดกลับมาทางไลท์นิ่งและพวกที่ได้ยินเสียงระเบิดดัง สนั่นมาจากทางด้านหลัง ทุกคนสลดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พอวิ่งกลับไปเปิดประตูเพื่อหารอช เบื้องหน้าพวกเขาก็เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น


Chapter 13
สถานที่ :ออฟานเครเดิล

เมื่อเข้ามาด้านในของเซนทรัลทาวเวอร์แล้ว จะพบว่าด้านในนี้เป็นมิติลี้ลับที่มีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากด้านนอกอย่าง สิ้นเชิง เราจะเจอเหตุการณ์ที่ฟัลซิเอเดนโผล่มาแบบเงียบๆ ไม่ให้ซุ่มให้เสียง แล้วก็ช่วยสร้างจุดวาร์ปให้กับเรา

จุดวาร์ปทางซ้ายเป็นการออกไปนอกเซนทรัลทาวเวอร์ กลับสู่เมืองเอเดนนั่นแหละ
จุดวาร์ปตรงกลางด้านหลัง เป็นการวาร์ปไปทางเข้าห้องบอสใหญ่ ซึ่งยังใช้ไม่ได้จนกว่าจะจบเกม
จุดวาร์ปทางขวาเป็นการกลับไปยังแกรนพัลส์ บริเวณมีเดียแคมป์ ที่เราไปชุมนุมกันในตอนแรกที่ไปถึง

 เรื่องจุดวาร์ปนั่นช่างมันไปเถอะ ยังไงก็ยังไม่ได้ใช้ ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือการวิ่งไปตามทาง สำรวจรูปปั้น สู้บอส วิ่งไปตามทางใหม่ สำรวจรูปปั้นใหม่ สู้บอส ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไปถึงห้องบอสใหญ่ หมายถึงห้องของบัลโทอัลเดลุส ที่มันออกคำสั่งให้พวกเราทำลายโคคูนน่ะครับ

ระหว่างทางจะเจอบอส 3 ชุดด้วยกัน ซึ่งชุดแรกเป็น BOSS: แจปเบอร์วอล์ค กับ บันดาน่าสแนช พวกมันมีรูปร่างเหมือนบอสเอนริลกับเอนคิ ที่เราเคยสู้มาแล้วทุกประการ เพียงแต่สีของร่างกายกลับแตกต่างกันออกไป วิธีการสู้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เล่นไปตามปกติก็ชนะ

ผ่านจากเจ้าสองตัวนี้มาได้ ก็จะเจอกับ BOSS: อูลาดิซุส นักดาบนรกที่มีท่าไม้ตายอันร้ายกาจ ปกติมันจะฟันใส่พวกเราทีละคน ทำความเสียหายเกือบสองพัน  เราจึงควรร่ายบัฟโพรเทคให้เพื่อนทุกคนไว้ตลอดเวลา นอกจากนี้เวลามันจะใช้ท่าไม้ตาย มันจะใช้เวทดีบัฟใส่เราก่อน แล้วค่อยตามด้วยท่าไม้ตาย หากโดนเข้าไปจะเกิดความเสียหายเกินเก้าพันแน่ๆ ถ้า Leader โดนเข้าไปจังๆ ยังไงก็เกมโอเวอร์ ดังนั้นถ้าเห็นมันใช้ดีบัฟใส่เรา ให้รีบเปลี่ยนเพื่อน 2 คนมาเป็น Healer ทันที เพื่อที่เพื่อนทั้ง 2 จะได้ช่วยกันร่ายเอสน่าแก้ดีบัฟให้เราได้ทัน หากโดนท่าไม้ตายเข้าไปในสภาพที่เราไม่ติดดีบัฟแล้ว ก็จะเกิดความเสียหายแค่สามพันเท่านั้น แนะนำให้ใช้สโนวเป็น Leader เพราะมีพลังชีวิตสูงสุด และควรเปลี่ยนเป็น Defender ในตอนที่บอสจะใช้ท่าไม้ตายใส่สโนว แค่นี้ก็จะรอดตายได้แน่นอนครับ

เสร็จจากบอสตัวนี้แล้ว ไปตามทางอีกก็จะเจอ BOSS: หุ่นยนต์เทียแม็ต ที่มีรูปแบบการต่อสู้เหมือนพราวด์แคลด ก็เล่นไปตามสูตรเดิมแล้วจะผ่านได้ครับ

ผ่านจากเทียแม็ตมาได้ก็จะเจอห้องสีขาว.... ห้องแบบที่ใช้ในอาร์ทเวิร์ครูปไลท์นิ่งนั่งไขว่ห้างบนโซฟาน่ะครับ ในห้องนี้จะมีจุดเซฟจุดสุดท้ายตั้งอยู่ หลังจบเกมแล้วเราจะมาโผล่ที่จุดเซฟจุดนี้แหละ และเจ้าจุดวาร์ปที่อยู่หน้าดันเจี้ยนนี้ก็เชื่อมต่อกับห้องนี้นั่นเอง

ทุกคนจะเดินขบวนเข้าไปในห้องด้านในสุด แต่กลับไม่พบใครนั่งอยู่บนบัลลังค์ ท่ามกลางความตะลึงงั้น จู่ๆ คริสตัลของแดจซ์และเซร่าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ  เสียงของกาเรนธ์ ไดสรี่ดังกงวานขึ้นมาพร้อมกับความน่าสะพรึง มันปรากฏตัวขึ้นมา แล้วใช้ไม้เท้าเคาะลงไปบนพื้น

เพียงเท่านั้น... คริสตัลของแดจซ์และเซร่า ก็แตกสลายไป..
สโนวที่เห็นภาพดังนั้นก็โกรธจัดมาก จึงวิ่งเข้าไปจะต่อยใส่ไดสรี่ แต่ก็ติดบาร์เรียของมันอีกแล้ว สโนวที่กระเด็นออกมาได้ไลท์นิ่งช่วยพยุงขึ้นมาให้ เธอบอกสโนวว่าไม่ต้องห่วงหรอก เซร่าน่ะยังอยู่ที่นี่เสมอ ในคริสตัลหยดน้ำตาของเซร่านี้ ส่วนซัสซ์เองก็ยื่นลูกโจโคโบะมาให้ ราวกับจะบอกว่าแดจซ์เองก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วย

กาเรนธ์ ไดสรี่ จะกล่าวยินดีต้อนรับการกลับมาของลูซิทุกคน มันบอกว่ามนุษย์และมนุษย์ มนุษย์และปิศาจ โคคูนและพัลส์ ต้องทำสงครามกันไปตลอดไม่มีวันจบสิ้น มันอยากจะใช้พวกเราให้ทำลายโคคูน สถานที่อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของมนุษย์ทั้งหมดทิ้ง เพื่อที่ทุกอย่างจะได้จบสิ้นไป แต่พวกเรากลับปฏิเสธ ไลท์นิ่งบอกว่าเธอเองก็จะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้ได้ ว่าแล้วกาเรนธ์ก็เลยแปลงร่างเป็น BOSS: บัลโทอันเดลุสเข้ามาห้ำหั่นกับเราอีกครั้ง พลังชีวิตราว 5 ล้าน ชนะได้ไม่ยาก

พอชนะแล้วบัลโทอันเดลุสจะตกลงไปในน้ำ ไลท์นิ่งจะพูดขึ้นมาว่า จบแล้วเหรอ? สโนวก็จะยกแขนขึ้นร้องโย้ชดังๆ ฟางกับวานิลลาก็แตะมือกัน ทุกคนจะดีใจกันมากที่ปราบราชาแห่งฟัลซิได้จริงๆ แล้ว... แต่ไลท์นิ่งกลับรู้สึกแปลกๆ แล้วเธอก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านบน

นกตัวหนึ่งที่เราเห็นมันอยู่กับกาเรนธ์เป็นประจำ โบยบินไปมาเหนือห้องแห่งนั้น ว่าแล้วนกน้อยกลอยใจที่จริงๆ แล้วเป็นร่างแทนของฟัลซิออฟาน ฟัลซิที่คอยค้ำจุนโคคูนอยู่ ก็บินลงไปในน้ำที่ฟัลซิบัลโทอันเดลุสตกลงไป...

ฟัลซิออฟานหลอมรวมเอาพลังของบัลโทอัลเดลุสเข้าไป แล้วผุดขึ้นมาจากน้ำ เสียงของมันในตอนนี้จะเป็นเสียงของผู้หญิงและผู้ชายพูดประสานกัน มันเข้าโจมตีพวกเราหมายจะกำจัดพวกเราทุกคนทิ้ง เราจึงต้องสู้กับบอส BOSS: ฟัลซิออฟานที่มีพลังชีวิต 6.78 ล้าน

ในการสู้กับออฟานนั้น เริ่มมามันจะใช้ท่า "การพิพากษาไร้ใจ" ที่ทำให้ทุกคนในกลุ่มอยู่ในสภาพใกล้ตาย ให้เรารีบเปลี่ยนมาใช้ระบบ Healer 2 คนเพื่อเติมพลังให้เต็มในทันที หากเปลี่ยนช้ามันจะโจมตีหมู่ซ้ำจนทำให้เรา Game Over ได้ พอเติมพลังแล้วจากนั้นจึงค่อยสู้กับมันตามปกติ พยายามใส่บัฟให้กับตัวละครอย่างสม่ำเสมอ จะใช้ดีบัฟใส่มันตามโอกาส เมื่อใดที่มันใช้ท่าไม้ตายคำพิพากษาไร้ใจก็ให้เรารีบเปลี่ยน Optima มาเติมพลังให้ทัน แล้วระวังเรื่องการทำเชนไว้ด้วย เพราะหลังจากมันใช้ท่าไม้ตาย เชนที่เราทำไว้จะกลับไปเริ่มต้นใหม่ ถ้ามันใช้เวทเดธใส่ ก็ให้เราใช้ศรัทธาภาวนาขอให้มันใช้ไม่ได้ติดด้วย... อาเมน

หลังชนะออฟานได้ มันจะปล่อยคลื่นพลังออกมาทำให้ทุกคนกระเด็นไปไกลและบาดเจ็บกันสาหัส มันจะร่ายเวทจับวานิลลาไว้ แล้วเล่าให้ฟังว่าที่จริงแล้ว 500 ปีก่อนในตอนที่ฟัลซิจะกวาดล้างพัลส์ พวกมันก็ให้วานิลลาเป็นคนเรียกแร็คนาร็อคออกมา ซึ่งวานิลลาก็ทำได้สำเร็จ พัลส์จึงล่มสลายลงโดยมีผู้รอดชีวิตสองคนคือวานิลลาและฟาง ทั้งสองที่ทำหน้าที่สำเร็จได้กลายเป็นคริสตัล  ต่อมาฟัลซิก็ได้สร้างโคคูนขึ้นมาเป็นที่อยู่ใหม่ให้กับมนุษย์แทน มนุษย์ได้เริ่มต้นชีวิตและสร้างอารยธรรมกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ในตอนนี้ที่มันปลุกฟางกับวานิลลาขึ้นมาจากสภาพคริสตัลก็เพื่อให้ทั้งสอง คนช่วยกันเรียกแร็คนาร็อคขึ้นมาอีกรอบ เพื่อที่คราวนี้จะได้ทำลายโลกโคคูนให้มันล่มสลายไป เพื่อยุติทุกสิ่งทุกอย่าง การมีอยู่ของ มนุษย์ ปิศาจ โคคูน พัลส์ ให้สงครามทั้งหมดจบสิ้นไป

มันร่ายเวทมนต์ใส่วานิลลาทำให้วานิลลาเจ็บปวดมาก ที่ทำไปก็เพื่อให้วานิลลาและฟางเจ็บปวด ชิงชังมันจนมีพลังมากพอที่จะเรียกแร็คนาร็อคออกมาขยี้มัน ทำลายฟัลซิโอฟานที่เป็นผู้ค้ำจุนโคคูน และทำให้โคคูนล่มสลายไปได้ แต่ฟางที่เห็นวานิลลาทรมานก็ทนไม่ได้ เธอบอกว่าเธอจะเรียกแร็คนาร็อคแทนวานิลลาเอง

ออฟานปล่อยวานิลลาลงมา และตั้งใจจะใช้ฟางเพื่อเรียกแร็คนาร็อคแทน วานิลลาบอกว่าเธอไม่เป็นไร แต่ฟางจะยอมทำตามมันไม่ได้นะ เราต้องปกป้องโคคูนสิ แต่ฟางที่ไม่อยากเห็นวานิลลาต้องเจ็บปวดเลยฝืนใจตัวเองด้วยการชักออกขึ้นมา จะฟาดใส่วานิลลาให้เงียบ แต่สโนวกับซัสซ์ก็ช่วยกันเข้ามาจับฟางเอาไว้ ทว่าฟางที่มีพลังโจมตีมากที่สุดในกลุ่มก็สามารถสะบัดทั้งสองออกไปได้ แล้วยังถีบสโนวจนกระเด็นไปไกล เธอตัดสินใจกระโดดขึ้นฟ้าแล้วใช้ท่าไม้ตาย "ไฮวินด์" ลงมาใส่ทุกคน เพื่อที่เธอจะได้เรียกแร็คนาร็อคได้... เพื่อที่วานิลลาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด...

การโจมตีนั้น ทำให้ซัสซ์ สโนว โฮป และไลท์นิ่งที่ขัดคำสั่งของฟัลซิ ได้กลายสภาพเป็นมอนสเตอร์ไปเรียบร้อย ฟางกับวานิลลาต่างก็ตกใจมาก แล้วเพื่อนทั้งสี่ที่กลายร่างแล้วก็เข้ามารุมทำร้ายฟาง ซึ่งฟางที่เศร้าสลดก็ไม่กล้าตอบโต้ทำร้ายเพื่อนๆ วานิลลาพยายามบอกให้ทุกคนหยุดนะ แต่ก็ไม่เป็นผลอะไร จนสุดท้ายฟางก็สลบลงไป พร้อมกับเพื่อนทั้งสี่ที่กลายร่างแล้วก็ล้มคว่ำลงไปด้วยกัน

แต่แล้ว...ฟางก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง สัญลักษณ์แห่งลูซิของเธอได้ส่องแสงและเปลี่ยนจากสีน้ำเงินมาเป็นสีแดง ฟางที่โกรธจัดกลายร่างเป็นสัตว์อสูร แต่ก็ยังมีพลังไม่มากพอถึงระดับแร็คนาร็อค ฟางในร่างสัตว์อสูรเข้าไปสู้กับออฟานแต่ก็สู้ไม่ได้ จนในที่สุดฟางก็กลับคืนสู่ร่างปกติ

เพื่อนทั้งหมดที่กลายร่างเป็นมอนสเตอร์และหมดสติไป กำลังนึกถึงการเดินทางทั้งหมดที่ผ่านมา ความลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ ดราม่าที่เกิดมาด้วยกัน แล้ววานิลลาก็บอกทุกคนว่า "อย่าสิ้นหวังนะ" เราต้องช่วยกันปกป้องให้ได้สิ เสียงนั้น...ได้ส่องผ่านเข้าไปถึงจิตใจของเพื่อนทุกคน แม้ว่าจะกลายเป็นมอนสเตอร์ไปแล้วก็ตามที

ออฟานที่ยังคลั่งอยู่ ได้ใช้เวทจับฟางขึ้นมา มันยิงเวทใส่ฟาง ให้เธอทรมาน แล้วก็ใช้เวทรักษาให้ จากนั้นก็ยิงเวทเพื่อทรมานใหม่ แล้วก็รักษาให้ใหม่ สลับไปมาไม่รู้จบ เพื่อให้ฟางได้ลิ้มรสชาติของความทนทุกข์ที่ไม่มีวันจบสิ้น และเพื่อทำให้วานิลลาเกลียดมัน วานิลลาจะได้สติแตกและกลายร่างเข้าเป็นแร็คนาร็อคมาทำลายมันและทำลายทุกสิ่ง ให้พินาศไป

วานิลลาเดินเข้าไปจะช่วยฟาง แต่ฟางที่โดนทรมานอยู่กลับบอกให้วานิลลาหนีไป แต่วานิลลาก็บอกว่าเธอจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว ทันใดนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อมีกระสุนเวทจำนวนมากโจมตีเข้าใส่ออฟาน อย่างรุนแรงจนควันโขมง

ฟางที่หลุดจากการทรมานก็กระเด็นออกมาแต่ก็ได้สโนวที่ กลับสู่สภาพปกติแล้วรับเอาไว้ โฮปเดินเข้ามาช่วยฟื้นพลังให้กับฟาง แล้วไลท์นิ่งกับซัสซ์ที่เป็นคนกระหน่ำยิงเวทใส่ออฟานก็บอกว่ายังไม่สิ้นหวัง สโนวจะขอโทษฟางที่ตอนกลายเป็นมอนสเตอร์ได้ทำร้ายเธอ ไลท์นิ่งก็จะเอาหอกคืนให้กับฟาง วานิลลาถามว่าทำไมทุกคนถึงกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ล่ะ โฮปบอกว่าไม่รู้สิ คงเป็นเพราะปาฏิหาริย์ล่ะมั้ง พวกเราได้นึกถึงการเดินทางที่ผ่านมา เวลาที่พวกเราได้เคยมีอยู่ร่วมกัน ทุกข์สุขที่เคยมีมาด้วยกัน แล้วพวกเราก็กลับคืนร่างมนุษย์อีกครั้ง นั่นแสดงว่าพวกเราไม่ได้อยู่อย่างเดียวดาย เราถึงกลับมาได้

ออฟานจะร้องอ๊ากกดังลั่น ก่อนที่จะจมน้ำลงไปเพื่อเปลี่ยนเป็นร่างสุดท้าย ทุกคนจะชักอาวุธเตรียมพร้อมสู้ มันคือการต่อสู้เพื่อปกป้องโคคูน ปกป้องความฝันของทุกคน และปลดปล่อยมนุษย์จากการครอบงำของฟัลซิ

สัญลักษณ์แห่งลูซิของแต่ละคนจะกลายเป็นสีฟ้า สัญลักษณ์ของลูซิผู้ทรยศ แล้วฟัลซิออฟานก็จะลอยจากน้ำขึ้นมาใหม่ พร้อมกับเสียงหัวเราะอันดังสนั่นของมัน แต่ไลท์นิ่งที่ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ก็บอกว่าพวกเราจะทำหน้าที่ให้สำเร็จ....หน้าที่ในฐานะมนุษย์!!

และแล้วก็ถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเกม เราต้องเผชิญหน้ากับ BOSS: ออฟานร่างสุดท้าย มันมีพลังชีวิต 3.39 ล้าน พอเริ่มการต่อสู้มันจะร่ายเวทแห่งความตายใส่เราเพื่อเป็นการนับเวลาถอยหลัง เมื่อเวลาหมดเมื่อไหร่เราจะตายทันที เวลาปกติการโจมตีธรรมดาทั้งทางกายภาพและเวทมนต์จะไม่สามารถทำความเสียหายให้ กับมันได้ มีแต่ท่าไม้ตายของแต่ละคนเท่านั้นถึงจะลดพลังมันได้ สิ่งที่เราต้องทำจริงๆ ในการสู้กับมันไม่ใช่การกระหน่ำโจมตีด้วยท่าไม้ตาย แต่เป็นการกระหน่ำทำเชนให้มันเบรคไวๆ เมื่อมันเบรคแล้วการโจมตีธรรมดาถึงจะใช้ได้ผลกับมัน

หากเราโจมตีมันไปเรื่อยๆ แล้วมันยังไม่เบรค ซักพักมันจะใช้ท่าไม้ตายซึ่งสร้างความเสียหายไม่มากนัก แต่ทำให้เชนทั้งหมดที่เราทำมาหายไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เราจึงควรเซ็ตให้ไลท์นิ่งเป็น Leader ในสภาพ Blaster แล้วให้เพื่อนอีก 2 คนเป็น Blaster กับ Jammer

เมื่อมันเข้าสู่สภาพเบรคแล้ว ให้เปลี่ยนเพื่อนทั้งสองเป็น Attacker หรือจะเปลี่ยนเป็น Attacker กับ Blaster ก็ได้ แต่ให้ไลท์นิ่งเป็น Blaster เหมือนเดิมเอาไว้ แล้วให้ไลท์นิ่งกระหน่ำใช้ท่าไม้ตาย "ซีนไดรฟ์" ใส่มันเพื่อที่ % การเชนจะได้พุ่งขึ้นถึง 999% เร็วๆ ถ้าถึง 999% แล้วก็เปลี่ยนไลท์นิ่งเป็น Attacker ช่วยโจมตีไปอีกคนด้วย พยายามทำเวลาให้เร็วที่สุด เพราะหากปราบมันได้ด้วยคะแนนระดับ 5 ดาว เราจะได้ Trophy เพิ่มอีกใบ

ในการสู้กับมันนั้น ไม่จำเป็นต้องบัฟพลังป้องกัน และไม่ต้องเติมพลังให้บ่อย เพราะออฟานร่างสุดท้ายโจมตีค่อนข้างเบา หากเรามัวแต่บัฟและเติมพลังก็จะเสียเวลาทำเชน ควรทุ่มไปที่การทำเชนอย่างเดียว แล้วจะชนะมันได้ครับ

เมื่อกำจัดฟัลซิออฟานที่เป็นฟัลซิที่คอยค้ำจุนโคคูนอยู่ ได้แล้ว โคคูนก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเตรียมตกลงสู่พัลส์ ด้านนอกจะถล่มกันวินาศสันตะโร ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งราวกับว่านี่เป็นวันสิ้นโลก ซัสซ์ สโนว โฮป และไลท์นิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศจะพยายามจับมือเกาะกลุ่มกันเอาไว้ สโนวจะพยายามเรียกวานิลลาให้เข้ามาร่วมวงด้วย แต่พอหันไปดูก็เห็นวานิลลาและฟางที่สบตาแบบรู้ใจกันกำลังจับมือกันสองต่อ สองอยู่ พวกเธอคิดจะทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ หน้าที่ในการเรียกแร็คนาร็อค สัตว์อสูรที่มีพลังสูงสุดออกมา แต่นั่นไม่ใช่เรียกเพื่อมาทำลายโคคูน หากแต่เป็นการเรียกแร็คนาร็อคมาเพื่อช่วยเหลือโคคูน

วานิลลาและฟาง ดูดกลืนมอนสเตอร์ต่างๆ ที่อาละวาดอยู่ในโคคูนมารวมร่างกัน จนเกิดเป็นสัตว์อสูรตัวใหม่ที่มีรูปร่างขนาดมหึมา ชื่อของมันคือ "แร็คนาร็อค" ซึ่งเจ้าแร็คนาร็อคนี่ก็ได้ส่งมนุษย์ทั้งหมดที่อยู่ในโคคูนให้ลงไปยังพัลส์

จากนั้นแร็คนาร็อคก็ได้พุ่งเข้าไปบริเวณใต้ดาวโคคูนที่กำลังจะตกลงมาใส่พัลส์ มันใช้แขนจำนวนมากของมันแบกรับโคคูนที่กำลังถล่มลงมาไว้ แต่ราวกับว่าลำพังพลังของมันจะไม่สามารถหยุดการร่วงหล่นของดาวทั้งดวงได้ มันจึงเรียกลาวาจากพัลส์ให้พุ่งพวยขึ้นฟ้า มาปะทะเข้ากับตัวมัน มาปะทะเข้ากับโคคูนทั้งใบ จากนั้นมันก็ใช้พลังอำนาจ แปรสภาพลาวาที่พุ่งขึ้นมาและแปรสภาพร่างกายของมันเองให้กลายเป็นเสาผลึกคริสตัล เพื่อที่เสานั้นจะได้อยู่เป็นแกนค้ำจุนโคคูนไม่ให้ตกลงมาสู่พัลส์ได้นั่นเอง

ไลท์นิ่ง โฮป สโนว และซัสซ์ที่ถูกส่งมายังพัลส์และกลายเป็นคริสตัลเพราะทำหน้าที่ในการกำจัดออ ฟานได้สำเร็จ กลับสู่สภาพปกติเพราะบัดนี้ราชาแห่งฟัลซิได้ไปแล้วไปลับไม่กลับมาจริงๆ แล้ว

พวกพ้องทั้งสี่จ้องมองโคคูนที่ถูกปกป้องเอาไว้ด้วยความ ยินดี แม้ว่าจะไม่มีคนอยู่แล้ว แต่ดาวที่พวกเขาเกิดและเติบโตมา ก็ยังคงตั้งตระหง่านอย่างสง่างามอยู่บนท้องฟ้าอันสดใส เมื่อมองซ้ายมองขวา ก็ได้เห็นทหารและชาวบ้านทั้งหมดที่ถูกส่งลงมาจากโคคูน นั่นแปลว่าพวกเขาสามารถช่วยเหลือทั้งมนุษย์และโคคูนเอาไว้ได้

รอยยิ้ม ปรากฏบนใบหน้าทุกคนอย่างช้าๆ แต่ยาวนาน... ระหว่างนั้นโฮปก็ยกแขนขึ้นมาดูแล้วพบว่าสัญลักษณ์ลูซิของตนหายไปแล้ว ไลท์นิ่งรีบหันมาจับหน้าอกของตนแล้วพบว่าสัญลักษณ์ได้หายไปเช่นกัน ทั้งซัสซ์กับสโนวเองต่างก็ดีใจ

เซร่าและแดจซ์ ที่หายจากสภาพคริสตัลแล้วก็ค่อยๆ เดินผ่านแถวนั้นมาด้วยกัน พอโจโคโบะน้อยเห็นแดจซ์เท่านั้น มันก็รีบบินไปหา เซร่ารีบทักให้แดจซ์เห็นทุกๆ คนที่รอพวกเขาอยู่ด้านหน้า ว่าแล้วแดจซ์ก็วิ่งเข้าไปสวมกอดกับซัสซ์ที่วิ่งเข้ามาพร้อมตะโกนชื่อลูกชาย ตัวดีดังลั่น

สโนวกับไลท์นิ่งเอง พอได้เห็นเซร่ากลับมาเป็นปกติแล้วก็เผลอฉีกยิ้มซะจนหลุดมาดเจ๊เครียด... เป็นฉากที่ไลท์นิ่งดูมีความเป็นผู้หญิงมากที่สุด และดูสวยที่สุดในเกมเลยทีเดียว (ปกติออกจะแมน) ทั้งสโนวและเซร่าต่างก็วิ่งเข้ามาสวมกอด และร้องเรียกชื่อของกันและกัน

ด้านโฮปเอง เขามองซ้ายแลขวา แล้วก็บอกว่าสองคนนั้นหายไปไหน? ว่าแล้วก็คอตก แต่ก็ได้ไลท์นิ่งเข้ามาโอบหลังเอาไว้ โฮปบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าชะตากรรมจะไม่อยากให้เราได้พบกันอีก แต่พวกเราก็จะทำปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นเอง

เซร่าที่กอดกับสโนวจนอิ่ม ก็วิ่งเข้ามากอดกับพี่สาวของเธอบ้าง ไลท์นิ่งเองก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่าขอโทษนะ (สำหรับเรื่องที่ผ่านมา) แต่สโนวก็ดึงเซร่ากลับมาโอบแล้วบอกว่า เฮ่ยๆๆ คำพูดนี้ผมต้องเป็นคนพูดต่างหาก ขอโทษนะ แต่ยกน้องสาวให้ผมเถอะ! ว่าแล้วสโนวก็ผงกหัวให้ใหญ่ ไลท์นิ่งเองก็ขำ โฮปถามว่าจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้แล้วเหรอ? ซัสซ์ก็ถามเสริมว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะ?

สโนวก็ตะโกนดังลั่นตามมาว่า "ไม่ต้องห่วง! ต่อไปนี้ผมจะทำให้ทั้งสองคนมีความสุขเอง!!"
ไลท์นิ่งเลยตอบกลับมาว่า "ฉันเชื่อนะ" เล่นเอาสโนวกับเซร่าต้องร้อง เฮ่ย!! ด้วยความตกใจ
"ยินดีด้วยค่ะ" เอเครลกล่าวปิดท้ายเพื่ออวยพรให้กับความสงบสุขที่จะมาถึง เธอเชื่อมั่นในอนาคตอันนั้น
เพราะบัดนี้ เธอมีเขาอยู่ที่นี่แล้ว.....

ทางด้านวานิลลาและฟางที่กลายเป็นคริสตัลด้วยความตั้งใจ ของตัวเอง ก็คิดว่าเวลาที่ขออวยพรให้ จะทำให้ชะตากรรมแปรเปลี่ยนไป เมื่อชะตากรรมได้กำหนดให้พวกเราพบกันอีกครั้ง พวกเราจะได้พบกันใหม่ในอนาคตอย่างแน่นอน....

จบเกมส์ครับ




Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Best Buy Printable Coupons